ภูมิปัญญาชาวบ้าน


ประยุกต์พืชรอบรั้วสู่ยาพื้นบ้าน : กรณีศึกษายายคลิ้ง บุญวิจิตร

ภูมิปัญญาชาวบ้าน

 

เรื่อง    ประยุกต์พืชรอบรั้วสู่ยาพื้นบ้าน  :  กรณีศึกษายายคลิ้ง   บุญวิจิตร

 

บทความโดย  นางสาวสุจิตรา   หนูชู

วันที่  1  มีนาคม  2552

 

                โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  ถือเป็นอาการที่มนุษย์ทุกคนต่างเคยประสบ  ที่มีอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ทั้งที่มีอาการรุนแรงและไม่รุนแรงก็ตาม  แต่อาการเหล่านี้ล้วนนำพามนุษย์เข้าสู่การักษาที่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน  ที่ต้องผ่านกระบวนทางการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยาเหล่านั้นจะมีราคาสูง  จนใครหลายๆ คนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยวิธีการเหล่านั้นได้ 

                แต่จะมีใครซักกี่คนที่เห็นและให้ความสำคัญกับยาพื้นบ้านราคาถูกที่อยู่รอบตัวเรา  อย่างเช่นยายคลิ้ง  บุญวิจิตร  ที่ยังคงสืบสานวิธีการประยุกต์พืชที่อยู่รอบบ้านมาใช้ประโยชน์เป็นยาสำหรับการบำบัดรักษาโรคต่างๆ  ให้แก่ตนเองและลูกหลาน

 

เล่าขานชีวิตยายคลิ้ง  บุญวิจิตร

 

                นางคลิ้ง  บุญวิจิตร  หรือที่บุคคลทั่วไปเรียกว่า  ยายคลิ้ง    เกิดในครอบครัวชาวนายากจนที่ตำบลบางพุทรา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครศรีธรรมราช  เมื่อปี  .. 2463  ซึ่งปัจจุบันนี้ยายคลิ้งมีอายุ  89  ปี  และอาศัยอยู่บ้านเลขที่  72  ตำบลบ้านนิคม  อำเภอบางขัน  จังหวัดนครศรีธรรมราช

                หากย้อนชีวิตยายคลิ้งไปเมื่อ  80  กว่าปีก่อน  ยายคลิ้งเกิดในครอบครัวชาวนาที่มีผืนนาเป็นของตนเองเพียงไม่กี่ไร่  แม่ต้องเลี้ยงยายคลิ้งและน้องๆ  อีก  4  คน  ซึ่งสภาพแวดล้อมของตำบลบางพุทราในตอนนั้นก็ยังไม่มีความเจริญเช่นเดียวกับความเจริญของประเทศ  การศึกษา  การคมนาคม  การสาธารณสุขยังไม่ทั่วถึง  ทำให้ยายคลิ้งไม่ได้เรียนหนังสือ  ยามเจ็บป่วยก็ไม่สามารถเดินเท้าไปหาหมอที่อยู่ในตัวเมืองได้ 

                ยายคลิ้งเติบโตขึ้นท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่ยังไม่มีความเจริญทางด้านวัตถุอย่างในปัจจุบัน  ช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ  มาตลอด  ทั้งการทำนา  ดำนา  เกี่ยวข้าว  ซึ่งก็เพื่อการบริโภคในครัวเรือน  หากเหลือก็จะนำไปขายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อที่ไม่สามารถที่จะหาหรือทำใช้เองได้  เช่น  อาหาร  ได้แก่  เนื้อหมู  เนื้อวัว  สำหรับปู  หอย  ปลา  ก็ไม่ต้องซื้อเพราะสามารถหาได้ตามลำคลองและหนองน้ำในนาหรือใกล้บ้าน  พืชผักก็ไม่ต้องซื้อ  เพราะปลูกไว้ข้างบ้าน  ภาชนะใส่ของกินของใช้ต่างๆ  แม่ก็จะทำขึ้นใช้เอง  จากการจักสานจากวัสดุต่างๆ  เช่น  ไม้ไผ่  หรือต้นคร้า  เป็นต้น  สำหรับของเล่นต่างๆ  พ่อแม่ก็จะเป็นคนทำให้เล่นเอง  เช่น  ตุ๊กตาจากการปั้นจากดินเหนียวหรือทางโตนด  แมลงต่างๆ  จากการถักสานจากใบจากและใบมะพร้าว เป็นต้น 

                จากวิถีของการพึ่งตนเองในด้านต่างๆ  เหล่านี้  ทำให้ครอบครัวของยายคลิ้งพึ่งตนเองทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดในครอบครัวเช่นกัน  โดยการนำพืชที่อยู่รอบๆ  บ้าน  ที่มีความเชื่อว่าพืชทุกชนิดมีสรรพคุณในตัวของมันเอง  หากเราทราบและรู้จักมัน  นำมาทำเป็นยาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัว  เช่น  เมื่อไม่สบายแม่ก็จะต้มน้ำใบมะขามและตะไคร้ให้อาบ  เมื่อท้องเสียก็จะนำรากมะพร้าวและใบฝรั่งมาต้นเอาน้ำให้ดื่ม  เหล่านี้เป็นต้น  ทำให้ยายคลิ้งเรียนรู้สูตรยาแต่ละโรคจากแม่

                ยายคลิ้ง  ได้เรียนรู้สูตรการรักษาโรคต่างๆ  จากแม่เป็นเวลา  18  ปี  ก็ได้แต่งงานและมีครอบครัวของตนเอง   มีลูกๆ  7  คน  ระยะเริ่มต้นยายคลิ้งและสามีได้อาศัยอาชีพทำนาในการเลี้ยงดูลูกๆ  และต้องผันตัวเองเข้าสู่การทำสวนยางเมื่อวัย  46  ปี  โดยได้ย้ายครอบครัวมาซื้อที่ดินราคาถูกที่ตำบลบ้านนิคม  อำเภอบางขัน  จังหวัดนครศรีธรรมราช  เพื่อทำสวนยางพารา  และตั้งหลักปักฐานมาจนถึงปัจจุบัน  เนื่องจากรายได้ที่ได้จากการทำนานั้น  ไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูลูก ๆ  ทำให้ยายคลิ้งและสามีต้องแสวงหาเส้นทางชีวิตใหม่  เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด 

                ถึงแม้ชีวิตจะต้องผกผัน  ต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่  แต่ยายคลิ้งก็สามารถส่งเสียให้ลูกๆ  ทั้ง  7  คน  ได้เรียนหนังสือทุกคน  และยังคงคงไว้ซึ่งรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบเดิม  ที่นอกจากจะทำสวนยางพาราแล้ว  ยายคลิ้งยังปลูกพืช  ปลูกผักบริเวณบ้าน  และเลี้ยงไก่  เพื่อการบริโภคในครัวเรือนและขายแก่เพื่อนบ้าน  เครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในครัวเรือนก็ผลิตขึ้นเอง  จากวัสดุต่างๆ  ที่มีอยู่ใกล้บ้าน  เช่น  สานกระด้ง  ทำที่ฝักไข่จากไม้ไผ่  สานเสื่อ  ตะกร้าใส่ของจากต้นคร้า  เป็นต้น 

                ถึงแม้การประกอบอาชีพของยายคลิ้งจะเปลี่ยนไป  แต่รูปแบบการดำเนินชีวิตแบบพึ่งตนเอง  พึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นก็ยังคงอยู่ในวิถีการปฏิบัติของยายคลิ้งที่ยังคงใช้พืชสมุนไพรที่อยู่รอบๆ  บ้านมาเป็น ยาสมุนไพร หรือ ยาพื้นบ้าน   ในการรักษาลูกหลานยามเจ็บป่วย   ที่ไม่ว่าเวลาและสถานที่จะเปลี่ยนไป   แต่ยายคลิ้งก็ยังเชื่อมั่นในความรู้ของตนเอง   เชื่อมั่นในประโยชน์และคุณค่าของสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่   นำมาเป็นยาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกหลานจวบจนปัจจุบัน

               

โลกทัศน์และชีวทัศน์ของยายคลิ้ง  บุญวิจิตร

 

                ยายคลิ้งเติบโตขึ้นจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ปราศจากความเจริญทางด้านวัตถุ  ใช้วิถีชีวิตแบบชาวบ้านชนบทอยู่กับท้องทุ่งท้องนา  พึ่งตนเองมาโดยตลอดในทุกๆ  ด้าน  ตั้งแต่เรื่องปากเรื่องท้อง  เรื่องอาชีพ  รวมไปถึงเรื่องการรักษาโรค ก็มิได้พึ่งพิงแพทย์หรือภาครัฐ  ทำให้ยายคลิ้งเชื่อว่าหากเราย้อนกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม  เราก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีความสุขกว่าในปัจจุบันได้  ที่เต็มไปด้วยวัตถุ  เต็มไปด้วยมลพิษ  สารเคมีต่างๆ  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพ  ทำลายชีวิตมนุษย์  เพราะในอดีตถึงแม้มนุษย์จะไม่ได้มีความสะดวกสบายจากวัตถุอย่างทุกวันนี้  แต่ก็มีทรัพยากรธรรมชาติให้พึ่งพิง  ให้ใช้กิน  ใช้อยู่  และใช้สอย  โดยเฉพาะการรักษาโรคต่างๆ  ก็ใช้พืชสมุนไพรรอบๆ  บ้าน  ไม่ต้องซื้อยาราคาแพงๆ  ก็สามารถหายและมีชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน 

                ยายคลิ้งมองว่าสมัยก่อนยารักษาโรคที่ได้จากสมุนไพรสามารถไล่ทันโรคได้  คือไม่มีโรคใหม่ๆ  เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทราบว่าเป็นโรคอะไร  ก็มีเวลาให้เรียนรู้วิธีการรักษาจากการแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนบ้าน  ก็สามารถรักษาโรคนั้นได้  แต่ปัจจุบันนี้ยารักษาโรควิ่งไล่โรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ทัน  เพราะมีโรคใหม่ๆ  เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมาย  จากปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ยาสมุนไพรหลากหลายชนิดที่เคยมีก็สูญหายไป 

                ดังนั้นหากมนุษย์รู้จักรักษาทรัพยากรธรรมชาติ  รักษาพืชสมุนไพรที่มีอยู่รอบๆ  บ้าน  พืชเหล่านั้นก็สามารถมีประโยชน์ในการช่วยต่อชีวิตของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

               

ประยุกต์พืชรอบรั้วสู่ยาพื้นบ้าน

 

                จากสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเป็นชนบท  มีพื้นที่ว่างมากเพียงพอสำหรับให้ยายคลิ้งได้ปลูกพืชนานาชนิดบริเวณรอบๆ บ้าน  ได้แก่  ต้นหมาก  ต้นมะพร้าว  ต้นมะขาม  ต้นฝรั่ง  ต้นชุมเห็ดเทศ  ตะไคร้  ขมิ้น  ข่า  และอื่นๆ  อีกนานาชนิด  ที่มุ่งประโยชน์เพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภคภายในครัวเรือนและยังสามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ลูกหลาน  ซึ่งพืชแต่ละชนิดย่อมมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่รากจนถึงยอด  หากเห็นคุณค่าและรู้จักนำมาใช้ประโยชน์

 

                ยาพื้นบ้าน : สรรพคุณที่แตกต่างสู่เป้าหมายร่วมกัน

                พืชชนิดใดสามารถนำมาทำเป็นยาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ  ที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้  ก็จะเรียกพืชชนิดนั้นว่า  พืชสมุนไพร 

                ยายคลิ้งเชื่อว่าพืชสมุนไพรแต่ละชนิด  ย่อมมีประโยชน์และสรรพคุณเฉพาะตัวของมันเอง    และแต่ละส่วนของพืชนั้น  ไม่ว่าจะเป็นราก  ลำต้น  เปลือก  ใบ  ต่างก็มีสรรพคุณแตกต่างกันเช่นกัน 

                การนำพืชสมุนไพรมาทำเป็นยาสำหรับการรักษาอาการของโรคต่างๆ  จะเกิดจากการนำพืชสมุนไพรต่างชนิดกัน  ที่มีสรรพคุณเฉพาะตัวของมันเองมารวมกันในลักษณะต่างๆ  เช่น  การนำมาต้มรวมกัน  ตำรวมกัน  เป็นต้น  เพื่อใช้ให้สรรพคุณเหล่านั้นผสมกลมกลืนจนก่อเกิดเป็นเป็นตัวยาที่มีคุณสรรพคุณที่กว้างมากขึ้น  เนื่องจากโรคบางโรคจะมีหลายอาการ  เช่น  โรคหวัด  ก็จะมีอาการปวดศีรษะ   ตัวร้อน  ไอจาม  เป็นต้น  ดังนั้นเพื่อให้หายจากโรคหวัด   จะต้องมียาที่มีสรรพคุณรักษาอาการต่างๆ  ของโรคหวัด  อันเป็นตัวยาที่เกิดจากการผสมกลมกลืนกันจากพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด  ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีสรรพคุณในตัวของมันเอง 

                ดังนั้น  ถึงแม้พืชสมุนไพรแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน  แต่เมื่อนำพืชเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ร่วมกันในการนำมาทำเป็นยาพื้นบ้าน  เพื่อรักษาโรคต่างๆ  ซึ่งต่างก็มีเป้าหมายร่วมกัน  เพื่อให้หายจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ  ที่เกิดกับร่างกาย  อันไม่มีใครพึงปรารถนาที่จะประสบกับอาการเหล่านั้น

 

                พืชรอบรั้ว : กรรมวิธีการประยุกต์สู่ยาพื้นบ้าน

                ยายคลิ้งอาศัยหลักการพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่รอบๆ  บ้าน  มาใช้ทำเป็นยาในการรักษาอาการเจ็บป่วยให้แก่ลูกหลาน  อันเป็นการพึ่งตนเอง  ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสียทองในการรักษาโรคบางโรคที่ยายคลิ้งมีความรู้และสามารถรักษาได้

                ยายคลิ้งได้เริ่มการเรียนรู้เรื่องยาพื้นบ้านจากแม่  ซึ่งเมื่อตอนเด็กๆ  หากไม่สบาย  เจ็บป่วยจากอาการต่างๆ  แม่ก็จะใช้พืชสมุนไพรที่อยู่รอบๆ  บ้านมารักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านั้น  แต่เมื่อยายคลิ้งได้เปลี่ยนมาเป็นผู้รักษาให้แก่ลูกหลาน  ยายคลิ้งก็ยังคงสานต่อภูมิปัญญาเหล่านั้นต่อจากแม่    และเพิ่มเติม  ปรุงแต่งสูตรยาต่างๆ  ขึ้นใหม่  จากความรู้ที่มีมากขึ้น  ทั้งจากการเรียนรู้โดยผ่านตัวบุคคลที่เป็นผู้รู้เรื่องยาพื้นบ้าน  และการเรียนรู้ที่ได้จากข่าวสารทางโทรทัศน์ 

                ยายคลิ้งได้นำข้อมูลที่ได้เหล่านั้นผนวกรวมกับข้อมูลที่ตนมีอยู่  ลองผิดลองถูก  ทำยาขึ้นใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตนเอง  หากยายคลิ้งรู้สึกว่าพืชที่นำมาใช้นั้น  ไม่ก่อให้เกิดผลในการรักษาหรือรักษาไม่หาย  ยายคลิ้งก็จะเลิกใช้  และแสวงหาข้อมูลเรื่องยาพื้นบ้านอื่นๆ  จนสามารถได้เป็นองค์ความรู้เรื่องสูตรยานั้นๆ  และหากมีข้อมูลเพิ่มขึ้นจากแหล่งต่างๆ  ยายคลิ้งก็จะนำมาพัฒนาเป็นสูตรยาพื้นบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

                ปัจจุบันนี้ยาพื้นบ้านของยายคลิ้งที่ใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่รอบๆ  บ้าน  ใช้รักษาโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นหลายโรคด้วยกัน  ได้แก่  โรคท้องเสีย  โรคผิวหนัง  โรคหวัด  ล้างสารพิษ  มีรายละเอียดดังนี้

                1. โรคท้องเสีย  หากลูกหลานมีอาการท้องเสีย  จุกเสียด  แน่นท้อง  ยายคลิ้งก็จะไปเก็บรากหมาก  รากมะพร้าวที่โผล่ขึ้นเหนือพื้นดิน  และใบฝรั่งบริเวณยอดอ่อน  อย่างละ  1  กำมือ  ใบฝรั่งจะต้องตัดหัวตัดท้ายของใบ  เพราะเชื่อว่าเป็นการตัดอาการเจ็บป่วยออกไป  หลังจากนั้นก็นำมาล้างให้สะอาด  นำไปเติมน้ำและต้มรวมกัน  จนน้ำเหลือเพียง  1  ส่วน  จากปริมาณที่ใช่ลงไป  3  ส่วน  ก็จะได้ยารักษาโรคท้องเสีย  จุกเสียด  แน่นท้อง  มีลักษณะเป็นน้ำที่มีสีออกน้ำตาล  รสชาติฝาดๆ  นิดหน่อย   ให้ผู้ป่วยจิบยาเรื่อยๆ  ก็จะหายจากอาการเหล่านั้น   เพราะส่วนผสมเหล่านั้นจะมีรสฝาด   จะช่วยสมานความเจ็บปวด  ลดการบีบรัดของลำไส้  ฆ่าเชื้อต่างๆ   

                2. โรคผิวหนัง  หากลูกหลานเป็นโรคผิวหนัง  เป็นผดผื่น  เชื้อรา  ยายคลิ้งก็จะไปเก็บใบชุมเห็ดเทศ  นำมาล้างให้สะอาด  แล้วน้ำไปตำผสมกับน้ำนิดหน่อย  แล้วนำไปทา  ไปโป๊ะทับบริเวณที่เป็นเรื่อยๆ  เป็นประจำ  ไม่นานนักก็จะหาย

                3. โรคหวัด  หากลูกหลานเป็นหวัด  มีอาการไอจาม  ตัวร้อน  ปวดหัวศีรษะ  ยายคลิ้งก็จะไปเก็บใบมะขาม  ตะไคร้  มาต้มรวมกับหัวหอม  และเอาน้ำที่ยังอุ่นๆ  มาอาบหรือเช็ดตัว  ก็ช่วยให้หายจากอาการหวัดนั้นได้    เพราะส่วนผสมเหล่านั้นจะมีกลิ่นหอม  ฉุนจมูก  ซึ่งจะช่วยไล่ความร้อน  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

                4.  ล้างสารพิษในร่างกาย  ยายคลิ้งเชื่อว่าโรคหลายโรคที่เกิดขึ้น  จะเกิดจากากรที่ร่างกายมีสารพิษตกค้างอยู่  ดังนั้นหากให้หายก็จะต้องล้างสารพิษนั้น  โดยการนำบอระเพ็ด  หรือที่ยายคลิ้งเรียก  เจ็ดหมูน  ที่มีรสขมเป็นอย่างมาก  นำมาล้างให้สะอาด  และต้มกับ  3  ส่วน ให้เหลือน้ำ  1  ส่วน  นำมาดื่มจะช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายได้

                 

                ยาพื้นบ้าน : ความสำคัญต่อชีวิตสานสัมพันธ์จากธรรมชาติ

            ความไม่มีโรค   เป็นลาภอันประเสริฐ   ย่อมที่จะเป็นที่พึงปรารถนาของมนุษย์ทุกคน   คงไม่มีใครไม่เคยเจ็บป่วย   และอาการป่วยที่เกิดขึ้นนั้นก็คงไม่มีใครอยากที่จะให้อาการรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยๆ   แต่เมื่ออาการเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว   ต้องใช้ยาในการระงับอาการเจ็บป่วยเหล่านั้นไม่ให้รุนแรงขึ้น

                ยาพื้นบ้านที่ยายคลิ้งทำ  ยายคลิ้งทำขึ้นเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยให้แก่ลูกหลาน เพื่อให้ลูกหลานคลายจากอาการเจ็บป่วยเหล่านั้นและหายในที่สุด  ซึ่งหากลูกหลานเจ็บป่วย  ยายคลิ้งจะไม่สบายใจ สงสารลูกหลาน ไม่มีใครอยากเห็นลูกหลานของตนเองทุกข์ทรมานจากโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้น  ดังนั้นสิ่งที่ยายคลิ้งทำขึ้นก็สามารถช่วยให้ลูกหลายหายจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้  สิ่งที่ยายคลิ้งจะได้ก็คือความสุขที่ได้จากการทำให้ลูกหลาน

                การทำยาใช้ในการรักษาโรคเองนั้น    ยายคลิ้งเชื่อว่าเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง  สำหรับลูกหลานของยาย  เพราะคงไม่มีใครทำยาที่ไม่ปลอดภัยให้แก่ตนเองและลูกหลานของตนเอง  ดังนั้นการที่ยายคลิ้งมีความรู้สามารถที่จะผลิตยาขึ้นรักษาโรคเองได้  รู้ว่ายานี้ทำมาจากอะไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง  ยายคลิ้งและลูกหลานของยายคลิ้งก็กล้าที่กินยานั้นอย่างมั่นใจ   กล้าที่จะใช้อย่างไม่เป็นกังวล  ตรงข้ามกับยาที่ซื้อมา  ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าปลอดภัย  หากเราใช้ยานั้นเราก็จะเป็นกังวลว่าปลอดภัยจริงหรือ  จะมีผลข้างเคียงหรือเปล่า  ยาที่ผลิตขึ้นเองจึงเป็นที่ดีที่สุ

หมายเลขบันทึก: 247517เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2009 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาเรียนรู้ยาสมุนไพรค่ะ

ดีดีดีดีดๆจริง

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท