"องค์กรสอนมาไม่ดี"ดิฉันติดใจ "คำพูดที่ใช้ขึ้นต้นบันทึกนี้อยู่ในสมอง..หลายเดือนแล้ว" นับเป็นแรงบันดาลใจที่จะเขียนบันทึก...เล่าเรื่องจรรยาบรรณของนักฝึกอบรมสู่กันฟัง
ในโอกาสของสัมมนารายการนึงบังเอิญวิทยากร(ซึ่งถือว่าเป็นวิทยากรผู้ใหญ่ระดับประเทศ)...."ท่านให้เกียรติคุยด้วยกับดิฉันอย่างไม่ถือตัว เมื่อมีโอกาสเหมาะ"...(ซึ่งหาได้....ไม่บ่อยนักในชีวิตการทำงานของดิฉัน)
" คุณทำงานฝึกอบรมมานาน...จรรยาบรรณเบื้องต้นของคนทำงานฝึกอบรมคืออะไร" ท่านถาม
ดิฉันคิดแบบฉับพลันเพื่อตอบการสนทนาในใจคิด...ตุ๊ก ติ๊ก ตุ๊ก...ติ๊ก..ก็มีหลายอย่างแต่...สำหรับการตอบกับผู้ใหญ่ท่านนี้(ท่านในการรับรู้ของดิฉันท่านเป็นคน..ตงฉินมาก.....ถึงมากที่สุด..) จึงคาดเดาลางๆ...ว่าน่าจะตอบเรื่องนี้เหมือนเดาข้อสอบ มั้ยคะ
ข้อแรกที่หนูคิดได้ขณะนี้คือ..."ไม่ควรให้วิทยากรเซ็นใบสำคัญรับเงินโดยไม่ระบุจำนวนเงิน...." ตอบไปแบบยิ้มๆ..เดาว่าเราเดาคำตอบตรงหรือเปล่า
ท่านยิ้มอย่างอารมณ์ดี...ที่เลือกถามถูกคน เหมือนรู้ใจว่ากำลังอึดอัดเรื่องอะไร.......พลาง..ตอบว่า
"ถูก" ถ้าเด็กๆมาทำแบบนั้นกับผม...ผมจะถือว่า"องค์กรสอนมาไม่ดี" ไม่ใช่มองโลกในแง่ร้ายนะ หลายหน่วยงานทำแบบนี้ ผมใช้วิธีบอกให้เขาไปทำมาให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมถึงจะเซ็น
ภายใต้ประเด็นการคุยกันในวันนั้น...ดิฉันเข้าใจดีอาจเรียกได้ว่าเข้าใจถึงแก่น ทั้งในนามผู้จัดและในนามวิทยากร......
อีกทั้งเคยได้รับการปฏิบัติอย่างนั้นเช่นกัน เราจะไม่สบายใจว่าทำไมไม่ใส่ตัวเลขมาให้เรียบร้อย ลังเล....ไม่รู้ว่ารับเงินจำนวนเท่าไรแต่ก็ไม่กล้าท้วงติงเกรงใจ..แต่กลับมารับความรู้สึกอีหลักอีเหลื่อ อยู่เอง
ในการงานฝึกอบรมก็ต้องให้วิทยากรเซ็นรับค่าโน่นนี่อยู่ตลอด .
".แม้ไม่มีเจตนาอื่น.....ก็ไม่ควรทำ"
ถือเป็นจรรยาบรรณข้อแรกของนักฝึกอบรมทีเดียวที่ต้อง
**** ระบุรายละเอียดในใบสำคัญรับเงินหรือใบเสร็จ ให้ครบถ้วนเรียบร้อยก่อนให้ผู้เกี่ยวข้องเซ็นรับเงิน *****
ขอบคุณท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นที่...ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบันทึกนี้....