---------------------------------------------------
การพัฒนาสถานะบุคคลตามกฎหมายไทย
---------------------------------------------------
ภายหลังจาก ด.ช.วิษณุ ได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนแล้ว ด.ช.วิษณุ ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อพัฒนาสถานะบุคคลตามกฎหมายไทย ในเรื่องต่างๆ ตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
1. เพื่อพัฒนาสถานะของคนเกิดในประเทศควรมีหนังสือรับรองการเกิด
เนื่องจากด.ช.วิษณุ เป็นบุคคลที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐไทยโดยหลักดินแดนตั้งแต่เกิด เพราะเป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทย จึงมีสิทธิในการร้องขอหนังสือรับรองการเกิดเพื่อเป็นพยานเอกสารที่แสดงว่าเกิดในประเทศไทย ตามบทบัญญัติมาตรา 20/1 แห่งพรบ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน โดยดำเนินการตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอหนังสือรับรองการเกิดตามมาตรา 20/1 แห่งพรบ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2551
แต่เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่า ด.ช.วิษณุ ยังมีอายุไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ จึงไม่สามารถดำเนินการยื่นคำขอหนังสือรับรองการเกิดได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองเป็นผู้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน ณ สำนักทะเบียนอำเภอพระสมุทรเจดีย์ อันเป็นสำนักทะเบียนที่ ด.ช.วิษณุ มีภูมิลำเนาอยู่ในปัจจุบัน หรือยื่นคำขอต่อนายทะเบียนเทศบาลบ้านโป่งซึ่งเป็นสำนักทะเบียนที่ ด.ช.วิษณุ เกิด โดยต้องกรอกแบบคำร้องทั่วไปตามแบบ ท.ร.31 ข้อ 8 และกรอกแบบคำขอหนังสือรับรองการเกิดตามแบบ ท.ร.20/1 พร้อมแนบรูปถ่ายหน้าตรงขนาด2นิ้ว จำนวน3รูป พร้อมด้วยสำเนาทะเบียนประวัติของด.ช.วิษณุ ในการนี้ ด.ช.วิษณุ ควรเตรียมพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นผู้รู้เห็นการเกิด เพื่อเป็นพยานในการรับรองว่า (1) เป็นผู้รู้เห็นว่า ด.ช.วิษณุ เกิดในประเทศไทยจริง และ(2) ทราบประวัติความเป็นมาของบิดามารดาของ ด.ช.วิษณุ เป็นอย่างดี
2. กรณีมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า ด.ช. วิษณุ เป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทย และพิสูจน์ได้ว่ามารดาเกิดในประเทศไทย และถูกถอนสัญชาติไทยตาม ปว.337 ด.ช.วิษณุ ควรได้รับการลงรายการสัญชาติไทย ตามมาตรา 23[1] แห่งพรบ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.สัญชาติ (ฉบับที่4) พ.ศ.2551 โดยจะต้องยื่นคำขอลงรายการสัญชาติไทย ณ สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นที่ ด.ช.วิษณุ มีภูมิลำเนาอยู่ตามทะเบียนประวัติ(ท.ร.38ก) และเนื่องจากด.ช.วิษณุ มีอายุไม่ถึง 15 ปี จึงต้องให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองยื่นคำขอแทน โดยต้องนำหลักฐานประกอบการยื่นคำขอ ดังต่อไปนี้
(1) หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1)
(2) ทะเบียนประวัติ (ท.ร.38 ก หรือ ท.ร.38 ข)
(3) หลักฐานแสดงว่ามารดาเป็นผู้เกิดในประเทศไทย
(4) รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป
(5) บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ถ้ามี)
(6) เอกสารที่หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ออกให้เพื่อรับรองความประพฤติหรือการทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม (ถ้ามี)
(7) รายชื่อพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือซึ่งสามารถให้การรับรองและยืนยันตัวบุคคลได้
หลังจากนายทะเบียนรับคำขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านพร้อมด้วยพยานหลักฐานของผู้ขอแล้วก็จะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานที่ผู้ขอนำมาแสดงและตรวจฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขอมีชื่อในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรหรือไม่เป็นบุคคลที่ถูกจำหน่ายรายการทะเบียนราษฎรหรือไม่ หลังจากนั้นจึงดำเนินการสอบสวนผู้ขอและพยานบุคคลให้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของผู้ขอ สถานะการอาศัยอยู่ในประเทศไทย และความประพฤติของผู้ขอ รวมถึงผลงานการทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมของผู้ขอลงรายการสัญชาติไทย เพื่อรวบรวมหลักฐานพร้อมทำความเห็นเสนอต่อนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตเพื่อพิจารณา
และเมื่อนายอำเภอมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอแล้ว นายทะเบียนก็จะดำเนินการทำสำเนาคำขอลงรายการสัญชาติไทยของผู้ขอเพื่อเก็บรวมเรื่องไว้กับหลักฐานประกอบคำขอดังกล่าว แล้วส่งคำขอฉบับจริง (ต้นฉบับ) ไปยังสำนักทะเบียนกลางเพื่อตรวจสอบและกำหนดเลขประจำตัวประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ บุคคลที่ได้รับการลงรายการสัญชาติไทยจะได้รับการกำหนดเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 8 และเลขในหลักที่ 6 และหลักที่ 7 จะเป็นเลข 73 และแจ้งกลับไปยังสำนักทะเบียน
ต่อจากนั้น เมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งการกำหนดเลข 13 หลักแล้ว ก็จะดำเนินการจำหน่ายรายการบุคคลและเลขประจำตัวประชาชนเดิมของผู้ขอ และเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) โดย หมายเหตุว่า “บุคคลลำดับที่ .. ได้สัญชาติไทยโดยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551” แล้วลงลายมือชื่อนายทะเบียนพร้อมวันเดือนปีกำกับไว้ พร้อมกันนี้ก็จะมอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านให้แก่ผู้ขอ และแนะนำให้ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
3. กรณีไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันจนเชื่อได้ว่า ด.ช. วิษณุ เป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทย หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามารดาเกิดในประเทศไทย ด.ช.วิษณุ ย่อมมีสิทธิขอสัญชาติไทย หากศึกษาในสถาบันการศึกษาในประเทศไทยจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี
[1] มาตรา ๒๓ บรรดาบุคคลที่เคยมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ข้อ ๑ และผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ข้อ ๒ รวมถึงบุตรของบุคคลดังกล่าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและไม่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ถ้าบุคคลผู้นั้นอาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยติดต่อกันโดยมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และเป็นผู้มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมหรือประเทศไทยให้ได้สัญชาติไทยตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เว้นแต่ผู้ซึ่งรัฐมนตรีมีคำสั่งอันมีผลให้เป็นผู้มีสัญชาติไทยแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้มีคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งยื่นคำขอลงรายการสัญชาติในเอกสารการทะเบียนราษฎรต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรแห่งท้องที่ที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาในปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น