เมื่อวันอังคารและศุกร์ที่ผ่านมา (24 และ 27 มีนาคม 2552) เป็นการอบรมการดูแลผุ้ป่วยที่มีแผลกดทับของคณะกรรมการ bed sore รพ. แม่สอด ฝ่ายการพยาบาลเชิญผมไปพูดเรื่อง discharge planning ในรายที่มีแผล bed sore ตลอดวันมีการบรรยายเช้าถึงเย็น โดยหมอ med ,หมอศัลย์ ,พยาบาล APN เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นวิชาการ
พอผมได้ฟังหัวข้อนี้แล้วถึงกับงงไปพักหนึ่งว่าจะบรรยายอย่างไร? เพราะว่า "เวลาดูผู้ป่วยผมดูทั้งคน ไม่ใช่ดูเฉพาะแผลกดทับ" ผมเลยใช้วิธีเล่าเรื่องการดูแลผู้ป่วยรายหนึ่งให้ที่ประชุมฟัง
เป็นผู้ป่วยมะเร็งไม่ทราบที่มา (CA of unknown origin) ที่มีปัญหาลุกลามไปที่กระดูกสันหลังจนเดินไม่ได้ สามีมาปรึกษาผมว่าจะดูแลภรรยาอย่างไรดี
ผมถามกับที่ประชุมว่า "เป้าหมายการดูแลผู้ป่วยรายนี้คืออะไร?"
พยาบาลท่านหนึ่งตอบว่า "พลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง ป้องกัน bed sore " (ตรงตาม theme ของการประชุมเลย :)
ผมตอบว่าเป้าหมายคือ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับผู้ป่วยและครอบครัว"
สรุปปัญหาของครอบครัวโดยรวม
1.ปวดขาอย่างรุนแรง
2.ปฏิเสธการป่วยเป็นมะเร็ง
3.โรคประจำตัวเป็นโรคซึมเศร้า (เป็นก่อนที่จะเป็นมะเร็ง)
4.ห่วงลูกชายคนเดียว
5.สมาชิคครอบครัวมีอาการซึมเศร้าต่อการป่วยของผู้ป่วย
6.แผลกดทับ
7. ทั้งผูก กลั้นปัสสาวะไม่ได้
ผู้ป่วยรายนี้ประเด็นสำคัญที่ทำให้เขาทุกข์มาก มิใช่แผล แต่เป็นการปวดจากมะเร็ง เมื่อปวดมากก็ขยับตัวลำบากทำให้ยากต่อการดูแล ครอบครัวก็ต้องทนดูผู้ป่วยทรมาน เพราะฉะนั้นผู้ป่วยรายนี้ต้องเรียงลำดับการแก้ไขปัญหาที่ทำให้เขาทุกข์มากที่สุดเสียก่อน ส่วน bed sore จะดีขึ้นเมื่อลดปวด ลดเกร็ง
ผู้ป่วยรายนี้เราวางแผนร่วมกับครอบครัว
q เป้าหมายร่วมกันของ team และ ครอบครัว
= ผู้ป่วยและครอบครัวทุกข์ทรมานน้อยที่สุด
= ครอบครัวและ team ร่วมดูแลผู้ป่วย
q กลยุทธ์
= พยาบาล PCU ติดตามอาการ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
= ญาติผู้ป่วยสลับวันกันคุยกับผู้ป่วย
= สามีประเมินอาการปวด/ลูกชายช่วยทำแผล
= แพทย์รักษาอาการปวด+ร่วมประเมินเป็นระยะ
แต่ละเรื่องมีการแบ่งหน้าที่ช่วยกันดูแลด้วยความรักและห่วงใย สามีช่วยประเมินอาการปวดเป็นแบบ pain score 0-10 มาบอกผมทุกสัปดาห์ ผมก็ปรับยาลดปวดลดเกร็ง พยาบาลช่วยเยี่ยม case ประเมิน/สอนลูกชายทำแผลและรายงานผม
ส่วนเรื่องกำลังใจนั้น หายห่วงครับมีพี่สาวมาเยี่ยมทุกวัน (ผู้หญิงที่อยู่ซ้ายมือ)และมีน้องต่ายเพื่อนบ้านสุดฮา(ผู้ชายที่ยืนขวามือ) เขาเรียกตัวเองว่า "ต่าย...อรทัย" ชอบมาร้องเพลงและเต้นให้คนไข้ดูเรียกเสียงฮาได้อย่างมาก (อดีตเขาชอบขับมอเตอร์ไซด์ซิ่ง แต่พอประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางสมองเลยเหลือไม่เท่าเก่า) มีหลานที่น่ารักมาเยี่ยมบ่อยๆ
ผมทิ้งท้ายการบรรยายว่า "ในหลายครั้งเราได้ลดทอนคุณค่าของชีวิตคนลงเหลือเพียงการดูแลปํญหาทางกายอย่างเดียวเช่น bed sore โดยมองข้างผ่านความเป็นปัจเจกบุคคล เราตั้งคณะกรรมการดูแล pressure sore แต่ผมไม่เคยเห็นการตั้งคณะกรรมการดูแลองค์รวม เราควรมองให้ข้างผ่านไปจนมองเห็นชีวิตมากกว่าจะป้องกัน readmission แต่เพียงอย่างเดียว "
นี่ก็เป็นโอกาสอันดีครั้งหนึ่งที่ผมได้ถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ ให้กับระบบการดูแลมนุษย์โดยมีการเชื่อมโยงระบบบริการปฐมภูมิ กับทุติยภูมิที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทำให้เห็นภาพรวม โดยบทบาทที่สำคัญของเวชศาสตร์ครอบครัวคือ "ผู้จัดการสุขภาพอย่างแท้จริงนั่นเอง"
เห็นด้วยกับคุณหมอเป็นอย่างยิ่งค่ะ และขอเป็นกำลังใจด้วยค่ะ
เริ่มอยากถอด.....องค์ความรู้เรื่อง bed sore แล้วครับ
ขอเป็น tacit knowledge เจ๋งๆนะครับ
ขอบคุณครับอาจารย์สิอิฐที่สนใจเรื่องนี้...จริงๆ คงต้องยกความดีให้กับพยาบาลผมที่พวกเธอทำงานร่วมกับชุมชนและครอบครัวได้ดีมากโดยที่พวกเขาหาวิธีกันเอง...ดูเป็นราย case วิธีไม่ตายตัว แต่ outcome ดีมากครับ