ความสำเร็จเล็กๆของงาน ในเส้นทางสายสุขภาพ


สวัสดีครับ...

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการทำงานที่เกี่ยวพันกัน 2 เรื่อง

เอาเรื่องที่เป็นความสำเร็จก่อนก็แล้วกันครับ

เรื่องของคนไข้หนึ่งท่าน  ที่เป็นครูที่ทำให้ผมและทีมงานเราได้เรียนรู้...ผ่านการทำงาน

 

ท่าน...เป็นชื่อผู้ป่วยที่เราเรียกขาน...

ครั้งแรกที่ได้ตรวจและสัมผัสคือ  เมื่อ 2 เดือนก่อน  ด้วยเรื่องการบาดเจ็บที่ข้อเท้า

ด้วยความที่ท่านอยู่ในสถานะที่เราต้องให้ความเคารพ...

ช่วงนั้นอารมณ์อยู่ในทางธรรม....จึงมีจิตที่ระลึกเสมอว่า  พุทธัง สรนัง คัจฉามิ  ธรรมง...  สังฆังสรนัง คัจฉามิ...

 

จากนั้นก็พบกับท่านอีกครั้งตามนัด  อีก 2 สป  ต่อมา  อาการที่เท้ายังไม่ดีขึ้นบวมอยู่  ครั้งนี้รับไว้ที่โรงพยาบาล  ท่านรักษาตัวอยู่นาน5 วัน    วันนั้นห้องเฉพาะกับสถานะท่านไม่วาง  การที่จะให้อยู่หัวผู้ป่วยทั่วไปก็ไม่เหมาะสมนัก   และเข้าห้องพิเศษก็ถามทาง  จนทว่าเรายังไม่มีกฏ...

  จึงต้องได้ออกตัวว่า..อย่างนั้นหมอจะออกค่าห้องให้นะครับ

  (ตอนนี้ยังไม่เห็นมีคนมาทวงครับ...หลังจากให้ผ่านพี่หัวหน้าแล้วท่านยังไม่รับ...)

    แล้วท่านก็ได้หายจากไปนาน  อีกประมาณ 1 เดือน

 

   มาครั้งสุดท้าย  พบว่าท่านมีไข้  และดูซูบผอมลงอย่างมาก  ดูอ่อนแรง  อิดโรย

  สอบถามผู้ดูแลและช่วยเหลือพบว่าท่านไม่ค่อยทานอาหาร  และไม่ได้เดินไปไหนเลย...

 

   อืม  ด้วยสภาพ...เช่นนี้แล้ว....ทำให้นึกถึงความเจ็บป่วยอีกหลายๆอย่าง..ที่อาจจะเกิดขึ้น

  (ขณะนั้นมันแว๊ปไปที่เรื่อง...ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ^_^ ปรุงแต่งไปโน่นเลย...)

     นึกถึงการที่ต้องตรวจต่างๆ  นึกถึงการที่ต้องให้คำปรึกษาก่อนและหลัง....

 

   ด้วยสภาพตอนนั้น  ก็รักษาความเจ็บ่วยเฉพาะหน้า...

   ซึ่งเป็นการเจ็บป่วยด้วยวัณโรคปอด  พบเชื้อในเสมหะ   รอยโรคในปอดชัดเจน

   เริ่มยา  ....

   1 สัปดาห์ต่อมาอาการดีขึ้น  สภาพท่านกลับมาเกือบเหมือนเดิมเมื่อ 1  เดือนที่แล้ว

   ทีมเราเริ่มปรึกษากัน..ถึงเรื่องการตรวจคัดกรอง  และการให้คำปรึกษา

   เกิดคำถาม  และความกังวล และความท้าทายในทีมมากมาย  ทั้งพี่ๆงานจิตเวช  พี่ๆงานผู้ป่วยติดเชื้อ

  เราจึงได้ร่วมกันหารือ  วางแผน  โดยจะให้อาการท่านดีขึ้นมากๆก่อน.........

  

    วันนี้เป็นวันที่ให้ยาครบ  12 วัน...ดูท่านดีขึ้นมาก....

    คิดว่าเป็นวันที่ดีในการเริ่มต้นพูดคุยเกี่ยวกับการตรวจเลือดและผลเลือด

   ....โดยพื้นฐานผมไม่ได้เข้าฝึกการให้คำปรึกษาที่เป็นระเบียบแบบแผน  แต่ว่าจากประสบการการณ์ทำงาน  การเรียนรู้จากผู้ป่วยมา  และการค้นคว้าเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆเรื่อยมา...

    ....

    ... แต่ว่าวันนี้เป็นวันที่สบายๆ  และกำลังไปทำบุญมาและอิ่มบุญอยู่  พร้อมกับสติที่มีกำลังแรงเพราะได้พบกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มากมาย

.... คิดว่ากุศลที่ทำมาน่าจะส่งผลให้การงานราบรื่น.....

....การสนทนาจึงเริ่มต้น...(โดยคิดในใจว่าเป็นการปูพื้นให้พี่ๆงานให้คำปรึกษาไว้ก่อน...)

...เป็นการเริ่มต้นด้วยความเคารพ...เคารพในสภาวะธรรม (ผู้ป่วย) ที่ปรากฏต่อหน้าของผมเอง...

.... เพราะผมก็ไม่รู้ชัดนักว่า...สภาวะที่ปรากฏต่อหน้านั้นเป็นสภาวะที่สูง  สะอาด  สว่าง  บริสุทธิ์มากกว่าสภาวะที่เราว่าหมอหรือเปล่า...

 

 ...พูดคุยเกี่ยวกับพื้นฐาน  เรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมา   ...

 ...พูดคุยเกี่ยวกับโรค  ความเสี่ยง  และผลที่อาจจะเกิดขึ้นหลังตรวจและคำอธิบาย

 ...พูดคุยเกี่ยวกับธรรม.. เรื่องราวการปฏิบัติ    วิถีของนักเดินทางกับท่าน

 ...(พยามที่จะสื่อแบบไม่ให้เป็นการสอน หรือดูว่าเรารู้  แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ และการตั้งคำถาม)

 ...ระหว่างนั้นก็สังเกตท่าทาง  สภาวะของท่าน....  ผมสัมผัสว่าท่านนิ่งมาก  และก็ยิ้มตลอด

  ...จนบางครั้งก็ไม่แน่ใจ...อืม..เอาน่า  ผมบริสุทธิ์ใจนะ...****คิดในใจ****

  ...

  ....และผมก็ได้เล่าเรื่องราวความในใจ  ที่เกิดกรณีเช่นนี้  กับสิ่งที่คล้ายๆกัน...

  ... 2 ปีกว่าที่ผมได้มาทำงานที่แห่งนี้   ได้พบผู้ป่วยท่านหนึ่ง  ที่เจ็บป่วยด้วยอาการทางผิวหนัง

  บ่อยครั้ง....จนเราสงสัย และได้ขอท่านตรวจ  ขอหลายครั้งจนท่านคงจะเบื่อๆหมอ  จึงยอมตรวจ

  แต่เมื่อส่งไปที่งานผู้ป่วยฯ  ก็ทราบจากพี่ๆแล้ว ว่าเป็นผู้ป่วยเดิม  ที่ปฏิเสธ  ไม่ยอมรับผลเลือด

  แต่ท่านก็ต้องมาใช้บริการ รพ ตลอด  บ่อยมาก  เพราะว่าอาการแทรกซ้อน...

       จำได้ว่าพยามพูดคุยหลายครั้ง  รวมทั้งพยามหารือ กับทีม  หาตัวช่วยอื่นๆมากมายก็ไม่ได้ผล

   สุดท้าย1 เดือนก่อนนั้นก็พยามอย่างมาก   เป็นความพยามครั้งสุดท้ายที่จะลองให้คำปรึกษา

   เพื่อให้ท่านได้ยอมรับ  และเข้าโครงการยาฯ   และเพื่อท่านจะได้เเข็งแรงต่อไป

    แต่เวลาที่เราเข้าประเด็นเรื่องนี้  ท่านก็จะพาไปเรื่องอื่น  เฉออกไป   และถ้าเราวกกลับมา  หรือตรึง

   ประเด็นที่เราต้องการสื่อสารท่านก็จะมีปฏิกิริยาที่ทำให้เราต้องหยุดทันที  ด้วยความเข้าใจในสภาวะ

   เป็นสภาวะที่ไม่พร้อม...........

 

           จนพบท่านอีกครั้ง  ใน 2 เดือนต่อมา

        ก็เป็นวันที่ผมทำหน้าที่อีก  คือรถไปรับผู้ป่วยบนดอย  รถล้ม

  พอมาถึงก็พบว่าเป็นท่าน  แต่เป็นสภาวะใหม่  เป็นคนธรรมดาไปแล้ว  ใส่กางเกงยืน

  เราได้สนทนากัน  ทราบว่าท่านออกมา  แล้วต้องการจะกลับบ้านไปพบญาติที่จังหวัดอื่น

  โดยท่านซื้อรถ จยย. ใหม่  และก็ขี่ไป

            ได้รับท่านไว้รักษาตัว  จนอาการดีขึ้น 5-6 วัน  ได้มีคนใจดี  พาท่านไปส่งถึงบ้านเดิมของท่าน

  ระหว่างที่ดูแลท่าน  ก็ไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย

         แต่คำพูดสุดท้ายที่กล่าว  และผมก็จับมือท่านแน่น  และพยามสื่อด้วยความจริงใจ  ตั้งใจว่า  ถ้าอาจารย์อยากกลับมาที่ปาย  อยากเริ่มต้นเรื่องที่เคยพูดคุยกัน  ก็ให้ท่านกลับมาที่ปายได้นะ  พวกเราพร้อมและยินดีให้การดูแลท่านด้วยความเต็มใจยิ่ง....

 

 

 

-****-

    เป็นเรื่องเล่าที่แบ่งปันกับท่าน....

    แล้วก่อนจากกันก็ได้บอกว่าจะประสานเรื่อง  หอผู้ป่วยสงฆ์ที่เชียงใหม่

   และก็บอกท่านว่าจะมี จนท. มาพูดคุยกับท่านเพิ่มเติมนะครับ...

**-**-

 

  หลงจากนั้นสุดท้ายจริงๆ  ด้วยความไม่แน่ใจว่าเราอาจจะได้ล่วงเกินอะไร  ทั้งกาย วาจา ใจ  จึงได้ขอขมาและขออโหกรรมต่อท่าน  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบท่านมา จนถึงมารักษาครั้งนี้

  ท่านก็ได้ยิ้มๆและกล่าวอโหสิให้ด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล  สงบ....

 

  พอออกมาผมก็ประสานไปยังพี่ผู้ที่จะมาให้คำปรึกษาต่อไป

 เป็นการส่งเวรว่าผมพูดคุยเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว  ดังข้างต้น  และสภาวะท่านเป็นอย่างไรบ้าง***

 

  พอบ่ายก็ได้คุยกับพี่ที่ทำหน้าที่นี้.........

  พี่เล่าว่าดีมากเลยหมอ  ทุกอย่างไปได้ด้วยดี  ราบรื่น ดูท่านยอมรับได้

  และผมก็ยิ่งดีใจ  เมื่อทราบว่าท่านตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป  ให้เราได้ดูแล

  เพราะเมื่อท่านทราบผล  ก็พิจารณาแล้วว่า  การกลับไปบ้านหาญาติที่ห่างมานานนั้นก็คงไม่สะดวก

  แถมเป็นเมืองใหญ่ที่วุ่นวาย

 จะไปพักที่เชียงใหม่  หาสถานที่พำนักใหม่ก็เป็นเรื่องที่ยาก  เพราะว่าการเดินทางที่ลำบาก เรื่องข้อเท้าที่ปวดอยู่****

 

 จึงเข้าได้กับที่ผมได้วางไว้ในใจว่า   ที่ๆนี่น่าจะเหมาะกับท่าน  เพราะสงบ  เรียบง่าย  ทีมพี่ๆงานบริการด้านนี้ก็จิตใจดี  มี HHC สูงมากๆ กันทุกๆคน

  ที่เหลือคือการวางแผนให้การดูแล  การทำความเข้าใจกับผู้ที่อยู่ดูแลท่าน****

 

  ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำไป ถูกหรือผิด  ดีไม่ดีอย่างไรบ้าง

  แต่พยามที่จะทำ  เท่าที่สภาวะจิตใจ  สติปัญญาที่พอจะเอื้ออำนวยได้ตอนนั้น****

 พอนึกถึงคำสอนพระตถาคตที่กล่าวถึงเรื่องการดูแลผู้ป่วย

    ว่าคนที่รักษา......ก็เหมือนกับการได้รักษาพระองค์....

   ทำให้รู้สึกว่ามีพลัง...มีจิตที่นอบน้อมกับสิ่งที่ปรากฏมาก

  และรู้ทันอกุศลจิตของตนเองที่ออกมาแว็ป ๆ  โดยที่เราก็ไม่สามารถบังคับได้  (จึงได้ขออโหสิกรรม...)

 

   แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ...

       ขอให้เรามิจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ  มีความมุ่งหมายที่เป็นกุศล  ...เมื่อจิตที่เปี่ยมด้วยสติมากเท่าใด  สิ่งที่เราได้กระทำไปก็น่าจะสมบูรณ์ตามความมุ่งหมายมากเท่านั้น 

      ไม่ประมาทในสิ่งที่เรามองไม่เห็น  และสิ่งที่เรามิอาจจะรู้เเละเข้าถึงได้........

      การตามรู้  ตามดูจิตใจของเราเองขณะที่ทำงาน****

 

kmsabai @ pai........

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องเล่า
หมายเลขบันทึก: 252084เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2009 00:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีดี..นี้ค่ะ

คุณค่า คือ การได้นำเรื่องราวอันเป็นหน่อเนื้อเมล็ดพันธุ์ที่ดีมารดน้ำพรวนดิน ทำให้จิตเราเคลื่อเข้าสู่ความปภัสสร...ยิ่งขึ้นค่ะ

(^___^)

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับ

ตอนแรกสื่อด้วยความกังวลครับว่าจะดีหรือเปล่า

 

ความคืบหน้าตอนนี้คือ  พระอาจารย์ที่เป็นเจ้าสำนัก  ท่านจะกลับยโสธร...

  แนวทางจึงเปลี่ยนไปครับ

  ท่านอาจะกลับกรุงเทพ  ที่บ้านท่าน

  วันนี้ได้ทราบเพิ่มเติ่มว่า

 

  การที่ท่านเริ่มต้นเส้นทางเดินชีวิตครั้งนี้  ต้องเลือกระหว่างครอบครัว  กับทางเดิน

  ท่านเลือกทางเดินนี้   ถือว่าเด็ดเดี่ยวยิ่งครับ

  ตั้งใจว่าจะให้ท่านหายดีก่อนแล้ว

  ค่อยๆ  เดินทางต่อไปครับ.........

รูป...ภายนอกคือ สิ่งที่เรามองเห็น...

แต่หน่อเนื้อภายใน..คือ "เจตนา" ที่เราตั้งมั่นไว้

ไม่ว่ารูปนั้น จะปรากฏเป็นเช่นใด..แต่ใจที่ได้ตั้งมั่น ... ก็ยังคงตั้งมั่นและไม่สั่นคลอน ไม่ว่า "เรา" จะสัมพันธ์ต่อสรรพสิ่งนั้นในรูปแบบใดหรือลักษณะใด..

แม้แต่เราก็ยังไม่มีเรา...แต่เราได้เป็นเราเพราะเราต่างยังต้องอิงอาศัย "รูป" นี้เพื่อการเรียนรู้และขัดเกลา...

การที่หมอได้ทำ และตั้งมั่น...เป็นสิ่งที่พึงทำ ณ สภาวะที่ดำรงอยู่นี้...

(^___^)

การที่ได้เริ่มต้นสื่อสารความดี  เรื่องราวที่ลึกซึ้ง

ทำให้ผู้คนได้เดินตามบนวิถีทางที่ดีงามครับ

ตอนนี้ท่านได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน

คงจะหายดีก่อนเดินทางต่อไปครับ

 

พี่น้องพยาบาลหลายคน...เอาของมาถวายท่าน

คุณเปิ้ลแม่ท้องอ่อนๆ  ก็ได้ทำบุญครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท