วันนี้ วันพระ... ผู้เขียนได้แสดงธรรมว่าด้วยอนัตตลักขณสูตรต่อจากครั้งที่แล้ว โดยเริ่มต้นได้ยกพระบาลีในพระสูตรซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสถามบรรดาภิกษุปัญจวัคคีย์ดังต่อไปนี้
ต่อจากนั้นก็ไ้ด้อธิบายว่า เมื่อนำเรื่องไม่เที่ยงและเป็นทุกข์มารวมกับเรื่องอนัตตา ซึ่งพระองค์ได้ตรัสก่อนหน้าแต่นี้ ก็จะเห็นได้ว่่าเป็นไตรลักษณ์นั่นเอง แต่พระพุทธเจ้าตรัสอนัตตาก่อน เพราะเรื่องไม่เที่ยงและเป็นทุกข์นี้ มีสอนกันทั่วไปในลัทธิศาสนาต่างๆ ส่วนเรื่องอนัตตานี้ เป็นของใหม่มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เพิ่งตรัสสอน...
อนิจจังคือความไม่เที่ยง ก็ได้แก่ความไม่ยั่งยืน ไม่คงทนถาวร... ส่วนคำว่า ทุกข์ แปลตามศัพท์ว่า ทนสภาพเดิมได้ยาก ซึ่งอาจพูดง่ายๆ ว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นก็ไม่เที่ยง เพราะว่ามีความแปรปรวนคือเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดานั่นเอง...
เฉพาะประเด็นว่า รูปไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ยาก ดังเช่นได้มีการจำแนกลักษณะ ๔ ของรูป กล่าวคือ
ประการสุดท้ายที่ได้อธิบายก็คือ เมื่อเรารู้แล้วว่ารูปไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ก็ไม่ควรถือว่า...
คำว่า นี้ ในที่นี้หมายถึงรูปหรือร่างกายนั้นเอง แต่สำนวนว่า นี้ของเรา เราเป็นนี้ นี้เป็นอัตตาของเรา นั้น เป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ง่ายนัก ท่านพุทธทาสได้ถือเอาประเด็นนี้มาใช้เป็นสำนวนไทยๆ จนติดปากคนปัจจุบันว่า...
สรุปว่า เมื่อเรารู้ว่า ร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ก็ไม่ควรยืดถือว่าเป็นตัวกูของกู และธรรมเทสนาก็ได้จบตอนลงเพียงแค่นี้ วันพระหน้าก็จะแสดงต่อไปจากนี้แล้วค่อยนำมาเล่าต่อไป....
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ