เมื่อวานดได้ไปประชุมที่ สสส.
เลยได้เอกสารมาหลายชุด มีอยู่ตัวนึงเป็นจดหมายข่าวของ
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ (HISO)
http://hiso.or.th
ฉบับที่ 11 เดืิอนกุมภาพันธ์ 2552 หน้าปก "มันมากับน้ำดื่ม"
มีอยู่คอลัมน์นึง "เซ็กส์เสี่ยงๆ...เลี่ยงดีกว่า"
จริงๆในคอลัมน์มีเนื้อที่ดีครับ
แต่ผมอยากสรุปคร่าวๆ แต่อาจจะไม่ครบทุกประเด็นนะครับว่า
ในช่วงนั้น ได้มี นักศึกษาจากจุฬา ได้ทำวิจัยความหมายหรือนิยามของคำว่า "กิ๊ก"
ซึ่งมีหลายนิยามดังนี้
1. "กิ๊ก" ไม่ใ่ช่ "ชู้"
2. "กิ๊ก" คือคนที่เราใส่ใจมากกว่าเพื่อน
3. "กิ๊ก ไม่ใช่ชู้แต่แฟนรู้ต้องเลือก"
และจากการสำรจประชากรอายุ 18 ปีขึ่นไป จำนวน 1,480 ตัวอย่างพบว่า
กว่า 98% เคยมีกิ๊ก และ
กว่า 60% เคยมีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กด้วย
สำหรับ 3 อันดับแรก ที่ทำให้คนเรานอกใจแฟนหรือคู่สมรสนั้นคือ
1. ความจู้จี้ขี้บ่นของผู้หญิง และความไม่เอาไหนของผู้ชาย
2. ทะเลาะกันบ่อย
3. เหงา ขาดความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว
สำหรับสถานการณ์ การมีกิ๊กของคนไทย ปี 50 เป็นดังนี้ครับ
กว่า 98% ของคนไทยจะมีกิ๊ก
กว่า 60% จะมีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กของตนเอง
กว่า 36% เคยมีกิ๊กโดยเฉลี่ย 3 คน
กว่า 40% เคยมีกิ๊กและยังคบกันอยู่
และกว่า 85% รับไม่ได้ถ้ารู้ว่า แฟนตัวเองมีกิ๊ก
และยังมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการมีกิ๊กว่า
อาจส่งผลถึง การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกวิธี โรคติดต่อต่างๆ ความร้าวฉานในครอบครัว
ทำร้ายร่างกาย หย่าร้าง อาชญากรรม
ข้อมูลที่นำมาเสนอนั้นอาจจะเก่าไปนะครับ
แต่อย่างไร ในปัจจุบัน กิ๊ก กำลังกลายเป็นแฟชั่น (หรือเปล่า?)
และอาจจะกำลังเปลี่ยนนิยามไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะเปลี่ยนรูปแบบของความสัมพันธ์ไปอีกด้วย
เครียดเรื่องการเมือง แต่อย่าลืมใส่ใจเรื่องสังคมนะครับ
ครอบครัวคือสิ่งสำคัญครับ
ใครที่จากบ้านมาไกล (อย่างผม) ติดต่อกลับไปบ้านบ้าง หรือกลับบ้านบ้างนะครับ
ขอบคุณ
จดหมายข่าวดีดี จาก สสส.
HISO
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
จะมารบกวนไปแจ้งผลตรวจเลือดที่บ้านหน่อยนะคะ
ตอนนี้เพื่อน ๆ ชาวบล็อกเราไปกันเยอะแล้วค่ะ
รอ....อยู่ค่ะ
บอกได้ไหมกรุ๊ปเลือดอะไรเอ่ย
ที่นี่นะคะ
การที่มีกิ๊ก..มันทำให้หัวใจชุ่มช่ำค่ะ...
คำว่า"กิ๊ก" ก็ไม่ต่างจากคำว่า"ชู้" หรอกค่ะเป็นเพียงการเรียกเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ผิดแค่นั้นเอง
ยิ่งสำหรับผู้หญิงแล้วถ้าไม่มีใจ...คงไม่สามารถมีความสัมพันธ์ได้
ทางที่ดีอย่าได้มีดีกว่าค่ะ