“ แค่อยากจะร้องเพลงบอก.....แค่อยากให้เธอนั้นเข้าใจ สิ่งที่ฉันทำลงไป...ใจสั่งมา”
เสียงเพลงพี่เสกโลโซลอยตามสายลม ซึ่งเป็นเสียงต้อนรับจากหนุ่มน้อยที่ขับกล่อมพวกเรา “ พยาบาลชุมชน ” อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ( เหมือนพี่เสกจริงจริงด้วย )
พอสิ้นเสียงเพลงเสียงตบมือก็ดังขึ้นเป็นรางวัลมอบแด่นักร้องเสียงใส พร้อมกับการทักทายทุกข์สุขด้วยความเป็นกันเอง “ วันนี้ไม่มีงานโชว์ตัวที่ไหนหรือ” ฉันทักนักร้องเสียงดีที่อยู่ในความมืดมาตลอด 20 ปี อดินันท์ หรือน้องนัน หนุ่มน้อยที่ชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ หนุ่มใต้ผิวดำแดง รูปร่างเล็กและมีความพิการทางสายตามาตั่งแต่เกิด นันมีพี่น้อง 7 คน ตัวเองคนที่ 5 พี่ ๆ ทุกคนทำงานตามอัตภาพทำสวนบ้างรับจ้างบ้างเนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีฐานะยากจนและนันเองก็มีรายได้บ้างเล็กน้อย จากการไปร้องเพลงตาม งานบูญ งานแต่ง รายได้ครั้งละประมาณ 100บาทหรือ ถ้าโชคดี พบคนใจบุญอาจจะได้เพิ่มอีกเล็กน้อย ก็พอซื้อขนมกินไปวัน ๆได้ และการเดินทางในแต่ละครั้ง ก็ต้องอาศัยพี่บ้าง, เพื่อนบ้านบ้างในการรับส่ง ซึ่งนานๆถึงจะมีงานโชว์สักครั้ง และถ้าไม่มีงานเข้าเลย “ แม่เท่านั้น ” จะเป็นผู้ให้ที่ดีที่สุด
“ ผมสงสารแม่.....ผมช่วยแม่ไม่ได้เลย ” น้ำเสียงลูกผู้ชายที่มี ความรู้สึกว่า ตนเป็นภาระของครอบครัว “ ผมอยากทำงานเหมือนคนอื่น....แม่จะได้ไม่ลำบากกับผม ” ฉันอึ้งกับคำพูดและความคิดของน้อง ถึงแม้นันจะอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่จิตใจสูงส่งยิ่งนักมีความกตัญญูรักแม่เป็นห่วงแม่มาตลอด “ คนเราเลือกเกิดไม่ได้....แต่เลือกทางเดินของชีวิตได้น่ะ......” ฉันให้กำลังใจน้องอยากให้เขา “ สู้ ” ในชีวิตที่เขาเลือกเกิดไม่ได้
ฉับพลันก็เกิดความคิดขึ้นมา “ เอาอย่างงี้น่ะ....นันสนใจการนวดมั้ย ” ฉันถามด้วยความดีใจที่สามารถหาทางออกที่ดีสำหรับน้องแต่นันนิ่งและตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจเลย “ ผมจะทำได้หรือ..นวด...ตาก็มองไม่เห็น”
“ ได้ซิ...พี่เคยเห็นคนตาบอดเป็นหมอนวดโบราณตั้งหลายคนแน่ะ.....มันอยู่ที่ความตั้งใจของเรามากกว่า.....ถ้านันสนใจพี่จะพานันไปเรียนที่โรงพยาบาล รับรองสอนจนนันนวดเป็นเลย....ลองดูมั้ย ...ถ้าสนใจค่อยบอกพี่ก้อได้จ๊ะ.”
วันรุ่งขึ้น....นันไปหาฉันตั้งแต่เช้าในชุดที่คิดว่าหล่อสุด....กางเกงขายาวตังเก่งสวมเสื้อยึดตัวใหม่สุดจากตู้ที่บ้านและหวีผมซะเรียบโดยมีสีหน้าเหมือนคนที่กำลังจะมีความหวังในชีวิต หลังจากพูดกับทีมแพทย์แผนไทย นันเริ่มเรียนในวันนั้นทันทีด้วยใจที่มีความมุ่งมั่น.....และกระหายวิชาอย่างเหลือเกิน
เพียงแค่ 3 วัน นันจบหลักสูตร “ การนวดฝ่าเท้า ” และฉันก็เป็นเคสแรกที่นันจะนวดโชว์ฝีมือถึงความสำเร็จของตน และนันก็นวดได้ดีใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษบวกฝากครีม ที่ขอบกางเกงไว้หลายรอย แต่ก็เป็นความยินดีในความสำเร็จขั้นที่ 1 ของหนุ่มน้อยที่รู้สึกน้อยใจ ในโชคชะตาของตัวเองมาตลอด
ในที่สุดโรงพยาบาลรามัน ก็มี อาสาสมัครที่คอยให้บริการนวดฝ่าเท้าแก่ผู้ป่วยและผู้สนใจที่ได้มาแวะเวียนโรงพยาบาลแห่งนี้ สิ่งที่นันจะได้รับจากการนวดเป็นค่าตอบแทนครั้งละประมาณ 40 บาทและเฉลี่ยวันละ 3-4 ราย และในวันหนึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดงานสำหรับผู้พิการระดับอำเภอมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 700 คน นันได้โชว์ลีลาการร้องเพลงบวกกับเสียงอันไพเราะเหมือนเดิม ถ้าไม่ดูหน้าคนร้องนึกว่าพี่เสกกล้ามาโชว์ตัวที่ “ รามัน” ซะแล้ว การโชว์ตัวในครั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เพื่อนผู้พิการคนอื่นๆไม่ว่าเราจะเกิดมาอย่างไรทุกคนมีค่าในตัวเองอยู่ที่ว่าจะค้นหาให้พบและมีโอกาสที่จะแสดงออกมาหรือไม่นอกจากการร้องเพลงแล้วยังมีมุมนวดฝ่าเท้าสำหรับแขกผู้มีเกียรติที่เข้ามาในงานโดยฝีมือโดยนันสุดหล่อ
และเย็นวันนั้นหลังจากงานได้เลิกราฉันก็เป็นคนสุดท้ายที่เข้ารับบริการการนวดจากการเชื้อเชิญจากหนุ่มนัน “ พี่ยา...เหนื่อยมั้ย...นันนวดเท้าให้ ” ฉันไม่รอช้าขอนั่งสักนิดหนึ่ง หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ส่วนนันก็กุลีกุจรเตรียมอุปกรณ์พร้อมที่จะนวดตามขั้นตอนที่ได้ร่ำเรียนมาซึ่งเวลาผ่านไป 6 เดือน
“ พี่ยาครับ.....ตอนนี้ นันมีเงินให้แม่และน้องใช้แล้วน่ะ... ขอบคุณพี่ยามากที่ช่วยผม แต่ก่อนต้องขอตังค์แม่รู้สึกไม่มีค่าในตัวเองเลย แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ ” นันพูดด้วยสีหน้าภูมิใจในตนเองที่สุดซึ่งมันต่างจาก 6 เดือนที่มา
ฉันฟังด้วยความอิ่มเอมใจและรู้สึกภูมิใจในตัวนัน “ทุกคนมีค่าความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน" ฉันลุกจากเตียงนวดโดยที่ไม่มีรอยครีมฝากไว้ที่ขอบกางเกงเหมือนเช่นที่ผ่านมา
“ รางวัลจิตอาสาดีเด่นระดับชาติประจำปี 2551 ”
ณ คอนเวนชั่นฮอล์ล เซ็นทรัลลาดพร้าว
นันอยู่ในชุดเสื้อเชิตแขนยาวนุ่งกางเกงแสลคใหม่เอี่ยมทั้งชุด ( จากร้านไม่ใช่จากตู้ที่บ้าน) ทับด้วยสูทสีดำ ( ที่ยืมมา) ทรงผมตั้งที่ทันสมัย ....ยืนรับรางวัลบนเวที ด้วยใบหน้าที่มีความสุขที่สุดในชีวิต....
ได้อ่านแล้ว...
สวัสดีค่ะ
มาตามข้อมูลค่ะ
สวัสดีคะ
ภูมิใจด้วยนะคะ
เอาเรื่องราวดีดี มาเขียนอีกนะคะ
แม่ต้อยจะตามมาอ่านคะ
ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องดีๆน่ารักมากเลยค่ะ
การให้โอกาส...ทำให้คนเรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่าขึ้นตั้งเยอะเลยนะคะ
^_^
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สวัสดีรอบสองของวันนี้ค่ะ พี่ยา
ตามกันไม่ทันเลยนะคะเนี่ย สงสัยต้องรับปั่นนนนนนนนนนนนนน
คิดถึงค่ะ
ขอบคุณน่ะค่ะ..
จากทุกกำลังใจที่ได้รับ..จะพยายามเขียนเรื่องเล่าดีดีที่เกิดขึ้น
ให้อีก..ในโอกาสต่อไป
ขอบคูณมากมากค่ะ
sharaman
คนเราเกิดมาย่อมไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเปงทางด้านฐานะทางสังคมและอีกหลายๆๆอย่าง ถ้าคนทุกคนที่มีฐานะดีกว่า หรือความเปงอยู่ที่ดีกว่า ให้โอกาสเชื่อว่าคนเหล่านั้นสามารถทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์และตัวเองได้ ดีจัยที่คนในสังคมให้โอกาสเค้า และดีจัยที่เค้ายังมีโอกาศช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวดี เยี่ยมมาก เปงคนหนึ่งเรยที่สู้ชีวิต...(เอาไปเรย...รางวัลคนสู้ชีวิตดีเด่นแห่งปี)
น้องนันน่ารักมากค่ะ
วันนี้ได้มีโอกาสมาฟังน้องนันร้องเพลงด้วย....
ร้องเพราะมากๆๆๆๆๆ
ป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ....
พี่มะลิโรงพยาบาลกะพ้อค่ะ......