“อาจารย์ประภาศรี ผ่าตัดห้องไหน ? ”
เป็นเสียงที่ทำให้ ห้องทานข้าวที่มีหมอและเจ้าหน้าที่กำลังสนทนากันสนุก ต้องหยุดเงียบลง และรอคอยฟังคำตอบจากใครสักคน เพียงเพื่อบอกให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จังหวะที่เงียบสงบ ทำให้ผมชวนนึกย้อนไปถึงเมื่อราว 4 ปี ก่อน สมัยที่ผมเป็นอาจารย์แพทย์ใหม่ ๆ ที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
อาจารย์แพทย์หญิงวัย 50 ปี รูปร่างสันทัด ผมสั้น ทมัดทะแมง เดินคล่องแคล่วว่องไว ตามบุคลิกของนักกีฬา เวลาทำงานมักเห็นอาจารย์ออกตรวจ OPD ตลอดทั้งวัน บ่อยครั้งที่อาจารย์ทานกาแฟแทนข้าวเที่ยง และหากใครจะตามหาอาจารย์ในช่วงเย็น สามารถตามที่สนามเทนนิสได้เสมอ ส่วนในช่วงตอนค่ำ อาจารย์จะมาดูคนไข้ และสอนนักศึกษาที่หอผู้ป่วยหรือห้องผ่าตัด
เป็นประจำที่หอผู้ป่วย พวกเราจะเห็นว่าช่วงความเงียบยามค่ำคืน กลับมีเสียงอาจารย์เพียงผู้เดียวที่ยืนสอน ข้างเตียงคนไข้ รายล้อมไปด้วยนักศึกษาแพทย์ ที่ยืนนิ่งเงียบ ตัวเก็ง อย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนเสียงอันทรงพลังของอาจารย์สามารถหยุดให้นักศึกษาสนใจความรู้ที่อาจารย์กำลังมอบให้
บ่อยครั้ง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อาจารย์รับและต้องผละออกจากหอผู้ป่วย ตรงไปห้องผ่าตัดที่อยู่เยื้องทางซ้าย แต่อาจารย์ไม่เคยลืมที่จะเรียกนักศึกษาเหล่านั้น ตามไปสอนที่ห้องผ่าตัด และสาธิตการผ่าตัดที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย ความคล่องตัว การใช้มีดและอุปกรณ์ผ่าตัด ทำให้เหล่านักศึกษาเพลิดเพลินไปกับเทคนิคการผ่าตัด บางครั้ง เวลากลับล่วงเลยไปถึงตี 3 หรือ ตี4 ทุกคนยังคงจดจ่ออย่างตั้งมั่นที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ เหมือนทรัพย์สินที่มีค่า ประดุจดังการดูละครเวที โดย ศิลปินชั้นเอกที่หาตัวจับได้ยาก
ผมอดคิดไม่ได้ว่า ที่ห้องผ่าตัดในวันนี้ กลับไม่ใช่อาจารย์เป็นผู้ผ่าตัด ณ ขณะนี้อาจารย์คงอยู่บนเตียงผ่าตัด ที่ต่างไปจากสถานภาพเดิม ระหว่างที่ผมคิด เริ่มมีเสียงเรียกชื่อผม เหมือนปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ที่ครุ่นคิดอยู่
“อาทิตย์ พรุ่งนี้ ออกตรวจ OPD แทนอาจารย์ประภาศรี ช่วงเช้าได้ไหม”
“เดี๋ยวพี่จะไปหาน้องหมอซักคนเพื่อไปประชุมที่ราชวิทยาลัยศัลย์แทนอาจารย์ประภาศรี พรุ่งนี้”
เป็นเสียงจากพี่ชาญ หัวหน้าภาคฯ ผู้ใจดี แต่กลับมีสีหน้ากังวล และดูท่าทางเร่งรีบ
“แล้วตารางสอนนักศึกษาวันพรุ่งนี้ กับ ตารางผ่าตัด ช่วงบ่ายของอาจารย์ประภาศรี จะทำอย่างไรดีครับ”
ผมถามก่อนที่พี่ชาญจะรีบเดินออกจากห้องไป แต่เหมือนพี่ชาญไม่ได้ยินเสียงของผมเลย คงเป็นเพราะเสียงพูดคุยเกี่ยวกับการผ่าตัดที่ดังทั่วไปหมดในห้อง จนแทบจะจับใจความใดๆ ไม่ได้
วันรุ่งขึ้น เป็นเวลาเกือบบ่าย 3 โมง หลังตรวจผู้ป่วยที่ OPD เสร็จ ผมมายืนคอยที่หน้าห้องพักฟื้น พร้อมด้วยรังนกที่ตั้งใจฝาก เพื่อบำรุงสุขภาพหลังผ่าตัด
เมื่อเปิดประตูบานใหญ่ที่ห้องพัก ผมกลับเห็นอาจารย์ในชุดทำงาน และวุ่นกับการจัดสัมภาระ อาจารย์เอื้อมหยิบเอกสารที่วางซ้อนทับกับผลสอบนักศึกษา เพื่อเตรียมจัดเข้ากระเป๋า
ผมสังเกตว่า อาจารย์ใช้แขนซ้ายช้าลงไปมาก และใบหน้าที่ขมวดคิ้ว ผมรีบเอารังนกยื่นให้.....เพื่อให้อาจารย์ได้หยุดพัก และผมจะได้ช่วยอาจารย์เก็บเอกสาร แต่เหมือนอาจารย์จะรู้ทัน
“อาทิตย์ ขอบคุณมาก ไม่ต้องช่วยหรอก อาจารย์ทำเองได้” เป็นเสียงของอาจารย์ที่ยังคงทรงพลัง ทำให้ผมหยุดนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ....จึงได้ถามว่า
“อาจารย์...เป็นอย่างไรบ้างครับ”
“สบายดี” พร้อมเสียงหัวเราะดัง ๆ และรอยยิ้ม อันเป็นเอกลักษณ์ของอาจารย์ ทุกครั้งที่ผมเห็นรอยยิ้มนั้น มุมแก้มของผมจะเผยออกอย่างไม่รู้ตัว
“วันนี้อาจารย์รีบมากต้องไปสอนนักศึกษาและมีงานอีก ขอบคุณมากสำหรับรังนก แต่พรุ่งนี้อาจารย์ ค่อยกลับมากินนะ พอดีเลย จะได้บำรุงหลังให้เคมีบำบัด”
ผมหยุดนิ่งไปชั่วครู่ เพราะคำว่าเคมีบำบัดมีความหมายเฉพาะ ที่ผมไม่อยากได้ยินจากอาจารย์เลย ผมกลับนิ่งและดูกังวลมากกว่าอีก ในขณะที่สายตาอาจารย์กลับมีรอยยิ้มและมีความสุข
ทันใดนั้นอาจารย์ก็รีบออกจากห้องไปแต่ยังไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารชิ้นสำคัญบนโต๊ะ “ตั๋วเครื่องบิน” ที่อาจารย์บรรจงหยิบด้วยมือซ้ายที่ว่างอยู่ และพูดกับผมว่า
“อาทิตย์ ฝากแจ้งที่ราชวิทยาลัยศัลย์ฯ ว่าอาจารย์จะเดินทางไปถึงเที่ยวบินวันนี้ และขอเอาเรื่องผลการสอบของนักศึกษาเข้าประชุมด้วย”
ผมเริ่มคลายความกังวล ลงไปบ้างเมื่ออาจารย์ยิ้มให้ผม ก่อนเดินออกจากห้อง ผมยืนนิ่งกับที่และยิ้มกับตัวเองอย่างอิ่มเอมใจ เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกและได้ค้นพบความสุข ของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง ที่มีวิญญาณของการเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง ผมได้ตระหนักแล้วว่า ความสุขของคนที่เป็นครูนั้น เป็นเช่นไร..
.
“ความสุขของครู... ผู้ให้ ..เพื่อนักเรียนตลอดไป”
*********************
เกี่ยวกับผู้เขียน : เรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของอาจารย์แพทย์ ในโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง เป็นเบื้องหลังการอุทิศตนในการทำงานเพื่อลูกศิษย์ และเพื่อประโยชน์ของคนไข้ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าจะถุกรุมเร้าด้วยโรคร้าย เช่นเดียวกับมนุย์คนอื่นๆทั่วไป
" อาทิตย์ " เป็นนามแฝงของอาจารย์แพทย์คนหนึ่ง ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ได้ยึดถือหลักปฏิบัติและจริยาวัตรอันงดงามของแม่พิมพ์ สืบต่อมารุ่นต่อรุ่น และบันทึกความทรงจำนี้ ผ่านเรื่องเล่า เพื่อให้ นักศึกษาแพทย์ หรือบุคลลากรอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่ไม่ได้อยุ่ในวงการแพทย์ ได้รับรู้ถึงความทุ่มเท ความงดงามของคนที่เป็น "แพทย์ "และเป็น "ครู "
ผู้เขียน ในนามว่า " อาทิตย์" เป็นผู้เข้าอบรมหลักสุตร Narrative medicine " รุ่นแรกของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และนี่เป็นงานเขียนเรื่องแรก ที่มีคุณค่า อย่างยิ่ง
ขอขอบคุณมา ณ. โอกาสนี้ ด้วยคะ
แม่ต้อย
“ความสุขของครู... ผู้ให้ ..เพื่อนักเรียนตลอดไป”
1. ♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿
แม่ต้อยให้พอลล่าเป็นที่ ๑ เลย
ตลอดไป อิอิ
สวัสดี ครับ . แม่ต้อย
เป็นเรื่องเล่า...ชั้นครู จริง ๆ ครับ
ผมยกชา ถ้วยคุณภาพ มาเสริฟ คุณแม่ต้อย ครับ
ปรุงด้วย ชามีคุณภาพอย่างดี เครื่องปรุงบรรจงใส่ และตั้งใจคนอย่างปราณีต ครับ
ขอบพระคุณ เรื่องเล่า คุณภาพ เช้าวันทำงาน แบบนี้ ด้วย ครับ
สวัสดีค่ะ
. แสงแห่งความดี
ขอบคุณมากคะ
สำหรับกาแฟที่น่าดื่มมากๆ อย่างกับรู้ว่าแม่ต้อยนั้นติดกาแฟงอมแงม..
คุณหมอเจ้าของเรื่อง คงดีใจมากๆคะ
แม่ต้อยจะส่งกำลังใจไปให้คนเขียนนะคะ
. ครูคิม
สวัสดีคะ
ครูคิม ก็เพราะว่าในชีวิตการทำงานของหลายๆคน ที่ได้ทุ่มเทสิ่งดีดีให้กับสังคม ไม่เคยได้มีโอกาสนำมาเผยแพร่อย่างนี้
คงเหมือนกับที่แม่ต้อยชื่นชม ครูคิม( จริงๆนะคะ ไม่ได้ ปากหวาน)และอีกหลายๆท่าน ในgotoknow นี้
รักและระลึกถึงเสมอคะ
สวัสดีครับแม่ต้อย
ขอขอบคุณครับที่ได้กรุณาแนะนำช่วยเหลือ โรงเรียนพลอยได้รับสิ่งดี ๆ ครูที่โรงเรียนกล่าวถึงและเปิดอ่านบันทึกทำให้รู้จักไปด้วย
สวัสดีค่ะ แม่ต้อนสบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ แม่ต้อย
ขอชื่นชม ครูอาทิตย์ ด้วยจิตคารวะค่ะ
ครูผู้ให้ และปิดทองหลังพระ ..
พี่แม่ต้อย สบายดีนะคะ เดินทางปลอดภัย รักษสุขภาพนะคะ
. pa_daeng
สวัสดีคะ
ดีใจด้วยนะคะ ที่การ reAcc ผ่านไปได้ด้วยดี
แม่ต้อยว่า น้องป้าแดงมีข้อมูลมากมายที่เป็นเรื่องราวดีดี
กำลังชวนมาเรียนnarrative medicine คะ
ดีไหมคะ?
. มนต์สัณธ์
ท่านผอ.คะ
ขอบคุณมากคะ ที่มาให้กำลังใจ สำหรับ อาจารย์คุณหมอท่านนี้คะ
และแม่ต้อยก็ขอเป็นกำลังใจให้ แม่พิมพ์ทุกท่าน เช่นกันนะคะ
สวัสดีคะ ครูป้อม
แม่ต้อยมีความสุขในทุกๆวันคะ
เพราะได้รับกำลังใจจากครูป้อมทุกๆเช้า
จริงๆคะ
ขอบคุรมากคะ
แม่ต้อยขากุ้งไม่ได้เเวะมาเยี่ยมแม่ต้อยนานเเล้ว ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับการทำสไลด์ เตรียมที่จะพูดในวันที่ 17 นี้นะคะ ตอนนี้เรียบร้อยเเล้วกุ้งส่ง file สไลด์ไปให้คุณกัญญารัตน์แล้วนะคะ ฝากเเม่ต้อยช่วยดูด้วยค่ะว่าตอบโจทย์ของเเม่ต้อยหรือเปล่านะคะ
ถ้ายังงัยมีอะไรที่ต้องปรับต้องเพิ่ม เเม่ต้อยโทรหากุ้งหรือส่ง mail มานะคะ
ถ้ากุ้งจะโทรหาเเม่ต้อย เเม่ต้อยสะดวกช่วงไหนคะ เย็นๆ หรือเปล่า บางทีกุ้งก็ไม่กล้ากวนค่ะตอนกลางวัน อ่อ..กุ้งได้รับหนังสือเชิญแล้วนะคะได้รับเมื่อวานนี้ และเดี๋ยวพรุ่งนี้กุ้งจะตอบรับกลับไปนะคะ ขอบคุณแม่ต้อยค่ะ เเวะมาอ่านเรื่องราวของคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูและ พกพาจิตวิญญาณของความเป็นหมอมาด้วยค่ะคุณหมออาทิตย์
สวัสดีค่ะ สบายดีหรือเปล่าคะ
มาเยี่ยมยามถามข่าวคะแม่ต้อย
รอต้อนรับแม่ต้อยนะคะ
สวัสดีครับ อ่านแล้วยิ้ม โชคดีที่ได้อ่าน ขอบคุณครับ รักษาสุขภาพนะครับ
. สุธีรา
น้องกุ้งคะ
แม่ต้อยอยากให้น้องกุ้งเล่าถึงแนวคิดว่า bereavement นั้น
น่าอยุ่ในทุกมิติ
เมื่อคนไข้มีความทุกข์ เสียชีวิต จะมีผลกระทบต่อชีวิตที่เหลือ
แล้วกุ้งมาคุยกับแม่ต้อย คืนวันที่๑๖ ได้ไหมคะ
แล้วเจอกันคะ
พอดีช่วงที่ผ่านมาแม่ต้อยค่อนข้างยุ่งมากคะ
สันทัศน์ ทองงามดี [IP: 119.42.88.242
สวัสดีคะ
ดีใจที่ได้คุยกับน้องอีกคะ
แม่ต้อยว่าน้องสันทัศน์ ต้องมีเรื่องดีดี อีกมากเลยนะคะ
วันนี้แม่ต้อยมีเรื่องของเภสัชกรที่พุทธชินราชมาลงด้วยนะคะ
แล้วอย่าลืมอ่านเรื่อง " เมื่อดอกอินทนิลบาน " ในเอกสาร quality care นะคะ
สวัสดีค่ะ แม่ต้อย
เเม่ต้อยคะ bereavement care น่าอยู่ทุกมิติหมายความว่าอย่างไรคะ
หรือว่าเเม่ต้อยอยากบอกว่า ต้องใช้ทุกมิติขององค์รวมดูแล กุ้งยังรู้สึกงง งง
เเต่ว่าหัวข้อเราจะเป็น เเนวคิดการดูแลในมิติจิตวิญญาณนะคะ
. สุธีรา
สวัสดีคะน้องกุ้ง
แม่ต้อยเองคงจะเบลอๆมากกว่า
แม่ต้อยเพียงอยากจะบอกว่า มิติทางด้านจิตวิญญาณนั้น มันต้องอยู่ในการดุแลคนไข้ทุกประเภท ทุกขั้นตอน ไม่ใช่เพียงคนไข้ระยะสุดท้ายเท่านั้นคะ
แบบที่อาจารย์ สกล ท่าบรรยายไว้นะคะ
แต่แม่ต้อยว่าน้องกุ้งอย่ากังวลเลยคะ
เอาแบบที่กุ้งเตรียมไว้นะคะ
ดีที่สุดแล้วละคะ