มหัศจรรย์แห่งรัก..แม่หลินฮุ่ยกับแพนด้าน้อย
จากวันนั้น..
ผ่านมาแล้วเกือบ ๕ เดือนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไป..ทักทาย..ส่งยิ้มให้แพนด้ายักษ์น่ารักสองตัว “ ช่วงช่วง..หลินฮุ่ย” ขวัญใจชาวไทยทั้งประเทศ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ หลงใหลเขาทั้งสองอยู่ตั้งนาน รวมทั้งผู้คนรอบๆบ้านอันใหญ่โตมโหฬารที่อยู่อาศัยของเขาต่างวิ๊ดว้ายกระตู้วู้กับความน่ารัก ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเดิน จะนั่ง จะนอน จะกิน แม้แต่จะถ่าย..ก็ไม่เว้น ต่างวิ่งหามุมสวยๆ กดบันทึกภาพงามๆ กันแชะ ๆ ..แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะมาสะกิดชี้ให้ดูป้ายว่า “ อย่าส่งเสียงดัง” “ห้ามใช้แฟลทช์” ครับผม..
..ไม่น่าเกลียดนะคะ..
ทำให้คิดถึงคำคมคม..ทำสิ่งใดไว้ย่อมได้สิ่งนั้น
ถึงวันนี้..
วันที่ ช่วงช่วง..หลินฮุ่ยได้ให้กำเนิดแพนด้าน้อย ตัวกระจิริด รู้สึกสงสัยจนทำให้ต้องค้นคว้าเพิ่มเติมว่าทำไมพ่อแม่ตัวเบ้อเริ่ม ลูกถึงเกิดมาตัวเท่ากำมือเท่านั้นเอง..สงสัยจัง กลัวแม่เขาจะคาบแรงๆ แล้วเขาก็จะเจ็บ จะมีอันเป็นไปเสียก่อน แต่นับจากวันที่เขาเกิดมาจนถึงวันนี้ ดูแล้วก็โล่งใจเพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าตัวเล็กแข็งแรงขึ้นมาก แม้ตัวจะแดงๆ เล็กๆก็ตาม เฮ้อ..โล่งอก
ความสงสัยเกี่ยวกับหมีแพนด้า..จึงค้นคว้ามาฝากเพื่อนๆค่ะ
ช่วงช่วง..หลินฮุ่ย และแพนด้าน้อย..ไท้ซินอ้อแอ้ (ชื่อขณะนี้) เป็น “แพนด้ายักษ์” หรือ “ไจแอนต์แพนด้า(Giant Panda) จัดอยู่ในวงศ์หมี ที่ปัจจุบันถิ่นอาศัยพบเฉพาะในจีนและเข้าข่ายบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ..คงด้วยเหตุนี้ละมังคะถึงได้ดังนักหนากับข่าว กลบข่าวการเมืองได้สบายๆ
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับแพนด้า
๑. คำว่า “แพนด้า” มีรากศัพท์มาจากภาษาเนปาล “Nigalya Ponya” แปลว่าสัตว์ที่กินไผ่เป็นอาหาร
๒. ระบบย่อยอาหารของแพนด้า มีลักษณะเดียวกับ “สัตว์กินเนื้อ” แต่อาหารส่วนใหญ่ที่กิน คือ ไผ่และแมลงที่อยู่ในไผ่ ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนของมัน
๓. อาหารโปรดของแพนด้า คือ ไผ่อ่อน
๔. ในวันหนึ่งๆ แพนด้าจะใช้เวลากินอาหาร ๑๖-๒๔ ชั่วโมง
๕. ท่าทางเวลากินไผ่มันจะลุกขึ้นนั่งและเอาขาหน้าจับไผ่ไว้ (เหมือนคนเชียว..มีภาพยืนยันค่ะ)
๖. แพนด้ามีเสียงร้องคล้ายแกะ แต่สามารถร้องเสียงต่างๆกันได้ประมาณ ๑๑ เสียงขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อม (จากที่ผู้เขียนไปยืนดู ได้ยินเสียงเดียว ..แอะ แอ้ ....)
๗. มีความเชื่อว่าสาเหตุที่ธรรมชาติออกแบบสีรอบดวงตาของแพนด้าเป็นสีดำ เพื่อทำให้ตาดูใหญ่ขึ้น ดูน่ากลัว ใช้ข่มขวัญศัตรู (คนเลียนแบบได้นะคะ..ลองไม่นอนหลายๆคืนติดต่อกัน)
๘. ขนแพนด้าจะเป็นมันเล็กน้อน ไม่อมน้ำ
๙. แพนด้าจะแยกกันอยู่ตัวใครตัวมัน โดยตัวผู้กับตัวเมียจะมาอยู่ด้วยกันก็ต่อเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ จากนั้นจะแยกกันไปใน ๑-๒ วัน (จริงๆค่ะ..ยืนยันได้ เพราะ ทั้งช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลยค่ะ ทั้งๆที่อยู่อาณาบริเวณเดียวกัน)
๑๐.แพนด้าตามหากันได้ ผ่านการ “ดมกลิ่น” ที่ทิ้งไว้ตามต้นไม้
๑๑.ถ้าแม่แพนด้าตกลูก ๒ ตัวพร้อม ๆ กัน มันจะดูแลลูกได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น (ก็ดีสินะคะเพราะช่วง ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนคาดว่าหลินฮุ่ยจะมีลูก ๒ ตัว แต่ก็ไม่มี..)
๑๒.แพนด้าโตเต็มที่จะสูงราว ๕-๖ ฟุต หนัก ๗๔-๑๐๙ กิโลกรัม
โดมหิมะ...บ้านใหม่ราคา ๖๐ ล้านของแพนด้าน้อย “ไท้ซินอ้อแอ้”
โดมหิมะ บ้านใหม่ของสามพ่อแม่ลูกที่องค์การสวนสัตว์สร้างใช้งบประมาณ ๖๐ กว่าล้านบาทเป็นบ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะจริงๆ (ไม่ใช่ของเทียม) ด้วยการผลิตหิมะให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด โดยมีความเย็นมากถึง -๑๐ องศาเซลเซียส เมื่อพ่นน้ำเย็น ๕ องศาเข้ามาก็จะทำให้กลายเป็นฝอยหิมะปกคลุมไปทั่ว โดมหิมะมีพื้นที่กว้าง ๖๐๐ ตารางเมตร สูง ๘.๕ เมตร มีการตกแต่งภายในเป็นรูปกำแพงเมืองจีนและซุ้มประตูจีน (จากการเสนอข่าวของทางสวนสัตว์เชียงใหม่ ว่าสวยงามตระการตามาก ต้องไปดูด้วยตนเองก่อนนะคะ..ยังไม่เชื่อค่ะเวลานี้ แต่พอดูงบสร้างบ้านแล้วเห็นทีจะต้องเชื่อแล้วละ ..จะนำมาฝากเพื่อนๆค่ะ..หากได้ไปเที่ยว)
อิอิ..วาสนานี่แข่งกันไม่ได้จริงๆ นะ “ช่วงช่วง..หลินฮุ่ย” จ๋า
มหัศจรรย์แห่งรักของแม่หลินฮุ่ยต่อลูกน้อยกลอยใจ
ช่วงนี้ผู้ชมช่าวทางโทรทัศน์และแฟนประจำของหนังสือพิมพ์คงต้องทำใจมากหน่อยค่ะ กับข่าวของแพนด้า ..ก็กลบข่าวร้อนทางการเมืองได้แบบไม่ติดฝุ่นเลย ทำเอารู้สึกอิจฉาหมีขึ้นมาตะหงิดๆ (อิอิ..)
ผู้เขียนก็ติดตามข่าวเช่นกันค่ะ..ที่ประทับใจก็เป็นพฤติกรรมของแม่หมีที่มีต่อลูกน้อยกลอยใจ “ความรักของแม่” ไม่ต่างกับคนและสัตว์นานาพันธุ์
..ภาพประทับใจ ความรักของแม่..
จากการสังเกตของผู้เกี่ยวข้อง..หลินฮุ่ยมีวิธีการที่จะเลี้ยงลูกเป็นไปตามขั้นตอน โดยเมื่อตอนที่ลูกออกมาใหม่ๆ จะรักลูกและหวงลูกมากจะอุ้มไว้ในอ้อมกอดตลอดเวลา เมื่อล่วงเลยเข้าสู่วันที่ ๗-๘ หลินฮุ่ยจะคอยสังเกตลูกแพนด้าน้อยว่าจะแข็งแรงพอที่จะทนสภาพอากาศภายนอกได้หรือไม่ จึงทดลองปล่อยให้ลูกอยู่ห่างตัวมากขึ้น และเดินไปถ่ายมูลและปัสสาวะเสร็จก็รีบกลับมา ไม่ได้อุ้มลูกโดยทันที แต่จ้องมองว่าลูกมีพฤติกรรมอย่างไร ตรงจุดนี้ถือเป็นพัฒนาการหนึ่งที่เรียนรู้ว่าลูกมีความแข็งแรงมากขึ้น
ทีมสัตวแพทย์พี่เลี้ยงได้ป้อนขนมปังไผ่ให้กับแพนด้าหลินฮุ่ย ที่กำลังอุ้มแพนด้าน้อยหรือที่ทีมสัตวแพทย์ เรียกชื่อเล่นว่า"ไท้ซิ่น อ้อแอ้" ไว้แนบอก แพนด้าหลินฮุ่ยกินมากเป็นพิเศษจนเศษขนมปังไผ่ตกลงที่หน้าอกและตามตัวลูกทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาแต่กลับใช้ปากทำท่าเหมือนจะขอแม่หลินฮุ่ยกิน จนลำตัวมีขนมปังไผ่ติดอยู่ทั้งแม่และลูก แพนด้าหลินฮุ่ยใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดให้กับตัวเอง ตลอดเวลา กระทั่ง พี่เลี้ยงได้ให้น้ำใส่ถ้วยให้หลินฮุ่ยดื่มกิน หลินฮุ่ยใช้ปากดื่มน้ำอยู่นาน จากนั้นก็ใช้น้ำที่คาดว่าจะอมไว้ในปากปล่อยลงมาที่ตัวแพนด้าน้อย ลักษณะเหมือนแม่ที่อาบน้ำให้ลูก จนน้ำไหลลงพื้น หลินฮุ่ยได้ใช้ลิ้นเลียทั่วตัวของแพนด้าน้อยอยู่นานจนเห็นว่าแห้งสนิทดีก็นำเข้าไป ไว้ในวงแขนสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้แก่ผู้สื่อข่าวที่ติดตามผ่านหน้าจอโทรทัศน์วงจรปิดที่ตั้งไว้ในศูนย์เพรสเซ็นเตอร์ ภายในโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ต่างบันทึกภาพที่น่าประทับใจในความรักของแม่ที่มีต่อลูกน้อยไว้ ตลอด ๗ วันไม่มีแม้แต่นาทีเดียวที่หลินฮุ่ยจะทอดทิ้งลูกออกจากอ้อมกอด...
นางสาวพวงไข่มุก พัฒนเกียรติเดชา เจ้าหน้าที่ประสานงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่ประจำอยู่ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนติดตามข่าวแพนด้าน้อย ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้ชี้ให้สื่อมวลชนดูอัปกิริยาของหลินฮุ่ย ที่กอดแพนด้าน้อยและโยกส่ายตัวไปมาเหมือนผู้หญิงกล่อมลูกนอนหลับ และหลินฮุ่ยก็ค่อยๆหลับเป็นจังหวะที่แพนด้าน้อยดิ้นตัวกลิ้งไถลลงมาที่พื้นอีก ถือว่าเป็นครั้งที่ ๒ ของวันเดียวกันนี้ แพนด้าหลินฮุ่ยรีบใช้ปากคาบเข้าไปในอ้อมกอดและทำการเลียตัวให้ลูก จากนั้นไม่ยอมให้หลุดจากอ้อมกอดอีกเลย
เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่เป็นผู้หญิงจำนวนมากที่มาเฝ้าดูหลินฮุ่ยกับลูกน้อย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะให้ผู้หญิงที่ชอบทิ้งลูกไว้ตามที่ต่างๆ มาดูความรักของแพนด้าหลินฮุ่ยที่มีต่อแพนด้าน้อย"ไท้ซิ่น อ้อแอ้" ที่ตลอดเวลาผ่านไปเนิ่นนานร่วม ๗ วันไม่มีแม้แต่นาทีเดียวที่หลินฮุ่ยจะทอดทิ้งลูกออกจากอ้อมกอด แม้จะต้องกินอาหารก็ไม่ยอมปล่อยมือออกมาเลย มีลักษณะเอื้ออาทรต่อลูกน้อย ทำเอาหลายคนน้ำตาซึมเมื่อเห็นความผูกพันที่ยิ่งใหญ่ของแม่ลูกคู่นี้
เฮ้อ..ทำเอาผู้เขียนพลอยน้ำตาซึมไปด้วย
วันนี้หากฝนไม่พรำตลอดวันเช่นนี้
ก็จะไปร่าเริงอยู่แถวๆบ้านราคาหลายล้านของแพนด้าผู้มีโชคดีในชีวิตแล้วค่ะ
ขอบคุณ..ภาพแม่ลูกผูกพันจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และกูเกิล
ขอบคุณ..เรื่องราวของแพนด้าจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ด้วยความคารวะความรักของแม่..จากใจผู้เขียน
..สวัสดีค่ะ..