ปี ๒๕๕๒ ปีทองแห่งการรังแกครู
ครู คือ ผู้พัฒนาคนของประเทศมาหลายยุคหลายสมัย สร้างคนเก่ง สร้างคนดี สร้างผู้นำประเทศ สร้างนักวิชาการ สร้างนักพัฒนา จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกคนเกิดมาแล้วมีใครที่ไม่ได้รับการสั่งสอน อบรมบ่มนิสัยจากครู ตั้งแต่ อนุบาล เขียนไม่ได้อ่านไม่ออก จวบจนวันนี้เขาเหล่านั้นพูดเก่งจนสามารถทำให้ลิงหลับได้อย่างง่ายดาย
น่าเสียดายที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มีอาชีพเป็นครู จึงไม่รู้ว่าครู รู้สึกอย่างไร (บางคนเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ครู) จึงไม่เห็นความสำคัญของครู คิดจะทำอะไรก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะกลัวครูจะก้าวหน้าเกินก็ไม่ทราบได้ สิ่งเหล่านี้เริ่มมาจาก
๑. การปรับลดอัตรากำลังครู (แต่ทำไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงครูไม่เพียงพออยู่แล้ว)
๒. การยกเลิกโบนัสครู (ในความเป็นจริง หน่วยงานอื่นได้ ๒ - ๓ เท่าของเงินเดือน)
๓. อ้างว่าจะปรับเพิ่ม ๘ เปอร์เซน (ในความเป็นจริงเป็นเพียงความฝัน)
๔. ป่าวประกาศว่า คศ.๓ จะไม่มีเงินตอบแทน ๕๖๐๐ บาท (ในความเป็นจริง ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายให้ครู)
๕. ปีหน้าไม่มีโบนัส (ในความเป็นจริง มันก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว ที่ได้ทุกวันนี้ น้อยกว่าทิปนักร้องห้องอาหารด้วยซ้ำไป)
๖. ปีหน้าท่านจะรังแกครูด้วยวิธีไหนอีกไม่ทราบ (ในความเป็นจริงทุกท่านทราบอยู่แล้ว)
เมื่อไหร่เขาเหล่านั้นจะคิดได้น่ะ ว่าเขารังแกครู ก็เหมือนกับรังแก พ่อ-แม่ คนที่ ๒ ของเขา รู้หรือไม่ว่ามันจะทำให้เขาบาปหนักเป็นอย่างยิ่ง แม้ไม่ได้สอน แต่ก็เป็นเหมือนตัวแทนของครูที่สอนเขา ไม่อยากบอกเลยว่า พวกเขา เป็น ผู้ทำร้ายผู้ที่เปรียบเสมือนบุพการรี
ครูไทยทั้งหลายจงก้มหน้ารับกรรมจากการกระทำของลูก(ศิษย์)ที่ลืมพระคุณ ของครู ต่อไปเถิด แต่ท่านทั้งหลายอย่าโทษเขาเลย เป็นเพราะเราไม่ได้สั่งสอนเขา ในเรื่องความกตัญญูเป็นอย่างดีนั่นเอง อย่าโทษ ลูก(ศิษย์) เลย ให้โทษเราเอง และจากนี้ไปจงสอนลูก(ศิษย์)เราให้เห็นความกตัญญูอย่างแท้จริงเถิด
ไม่มีความเห็น