Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

วันที่ 4 เห็นไตรลักษณ์


ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนะ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

รู้สึกได้ว่า เราโชคดีมากนะ  ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา  มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา  และมีโอกาสได้เจริญภาวนา ทั้งสมถและวิปัสสนากรรมฐาน  ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดีและเก่งมาก  อบรมสั่งสอน ชี้นำแนวทางที่ถูกต้อง

ช่วงนี้  ชาตินี้เป็นนาทีทองของเรา  ที่จะทำสงครามข้ามภพข้ามชาติให้ได้

ภาวนาต่อไปนะ สักว่ารู้  สักว่าเห็น  ด้วยใจที่มุ่งมั่น เป็นกลาง ไม่เข้าไปแทรกแซง

สู้ ๆ ตั้งใจปฎิบัติและอย่าลืมเป้าหมายของเราว่า  “ต้องบรรลุโสดาบันให้ได้”

คนเรานะ  จะทำอะไรให้สำเร็จ  ต้องตั้งเป้าหมายของการกระทำนั้น  แพรก็เหมือนกัน

ดังนั้น  เป้าหมายในการปฏิบัติธรรม   คือ  ต้องบรรลุโสดาบันให้ได้

สิ่งใดเกิดขึ้น  สิ่งนั้นดับไป  สิ่งนั้น คือ อะไร คือกายกับใจนี้เอง เพราะเรายึดกาย ยึดใจเป็นตัวเรา

รู้กาย รู้ใจอย่างที่มันเป็น  ไม่ได้เป็นโสดาบันในชาตินี้  ก็ชาติหน้าล่ะ 55

พากเพียร  อดทนภาวนาต่อไปแบบนี้  รับรองไม่พลาดแน่นอน

 

เพราะจิตเกิดดับเป็นขณะ  เราต้องพัฒนากายใจของเรา

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนะ อยู่ชั่วคราว

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนะ มีเหตุก็เกิด  หมดเหตุก็ดับ  บังคับไม่ได้

ความจริงของการของใจ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  บังคับไม่ได้

สิ่งใดเกิดขึ้น  สิ่งนั้นดับไป

 

วันจันทร์ที่ 23  มีนาคม พ.ศ. 2552

 

04.00 น.  วันแรกของการปิดวาจา  ตื่นนอน  อาบน้ำ ดื่มกาแฟมอคค่าเงียบๆ  อยู่กับตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองว่า สู้ๆ  พยายามต่อไป  คิดถึงลูก  คิดถึงบ้านก็อดทนไว้  ต้องเอาของดีกลับไปฝากที่บ้านให้ได้  มันหนีไปไหนไม่ได้  มาครึ่งทางแล้ว ต้องสู้กันให้รู้ๆไปเลย

04.30 น.    เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 2 ให้เข้าห้องปฏิบัติธรรมค่ะ ได้เวลาไปทำสงครามข้ามภพข้ามชาติกันแล้วค่ะ ไปค่ะ เข้าไปเจริญภาวนาด้วยกัน

04.35 น. ไม่มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้าแล้วนะคะ  หลวงพ่อบอกว่า  เสียเวลาปฏิบัติค่ะ  ให้เริ่มปฏิบัติได้เลย  เพราะปฏิบัติแล้วได้มากกว่าสวดมนต์ค่ะ  แพรก็เดินจงกรม  นั่งสมาธิ เดินจงกรมสลับกันไป

06.00 น  หลวงพ่อสอนให้เดินจงกรม Step 3 “ยกหนอ  ย่างหนอ เหยียบหนอ”  จนหมดเวลาค่ะ   พระอาจารย์ก็นำแผ่เมตตา กรวดน้ำแผ่ส่วนบุญ กราบลาพระพุทธ กราบลาพระอาจารย์  แล้วลงไปทานข้าวเช้าค่ะ 

06.35 น  ไปต่อแถวตักอาหารกันนะคะ เมนูอาหารเช้าวันนี้ ข้าวต้ม ผัดถั่วงอก  ยำหัวไชโปว้  น้ำเต้าหู้ กล้วย  มะละกอ  ทานเสร็จแล้วก็พักผ่อนค่ะ  เตรียมพร้อมก่อนภาวนาช่วงเช้า รอบแรก

07.30 น  เสียงออดดังเรียกให้เข้าห้องแล้วค่ะ  ใจมันคึกคัก พร้อมที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมต่อ เข้ามาในห้อง ไปที่เบาะนั่งประจำ  กราบพระแล้วก็เดินจงกรมเลยค่ะ  วันนี้แหละ  ต้องมีอะไรดีแน่ๆ

แพรเดินจงกรม  Step 3 “ยกหนอ  ย่างหนอ เหยียบหนอ”  สบายๆค่ะ ปวดก็รู้ ดูห่างๆ  พยายามไม่เกร็ง ไม่ตั้งใจกับมันมาก  เพราะจะเผลอไปเพ่ง แล้วก็เครียดกับการภาวนา  

08.00 น   เข้าประจำที่เปลี่ยนเป็นนั่งภาวนา “พองหนอ  ยุบหนอ”  อธิษฐานจิต 1 ชั่วโมงค่ะ ก่อนภาวนาก็สวดแผ่เมตตาก่อนนะคะ  จิตใจผ่องใสกับการเจริญเมตตาสมาธิ  ก็ภาวนาต่อค่ะ  ดูท้องมันพอง ดูท้องมันยุบไปนะคะ

08.10 น.     มาแล้วค่ะเวทนา  มันเหมือนโจรค่ะที่กำลังจ้องๆจะเข้ามาในบ้าน  ถ้าเราเผลอ ขาดสติเมื่อไหร  มันก็จะเข้ามาปล้นเรา  ถ้าเรายังมีสติอยู่มันก็แค่เดินเลาะๆรั้วรอบบ้านเท่านั้นเอง  ดูดีๆนะคะ  เวทนาเริ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร  เข้ามาตรงไหน  เข้ามาแล้วเป็นยังไง เห็นนิวรณ์ 5 ไหมค่ะ  ถ้าไม่เห็นดูที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/gotoybat/261289

08.30 น     “พองหนอ  ยุบหนอ”  อย่างมีสติ  เผลอก็ให้รู้  ใจลอยก็ให้รู้  เรารู้ทันใจตัวเอง รู้สึกตัวปั้บ สติมันก็ตัดขาดเลย ค่ะ ปวดตรงไหน รู้ตรงนั้นก็ภาวนาว่า “รู้หนอ ปวดหนอ” รู้แล้ววางๆ รู้เฉยๆ ไม่เข้าไปแทรกแซง รู้แล้ว วางได้แล้ว ก็กลับไปที่  “พองหนอ  ยุบหนอ” ค่ะ มาร 5 สลับกันเข้ามาตลอด  รู้ทัน รู้ตัว สติมันจะเกิดขึ้นทันที เห็นมันแล้วก็ไม่ต้องไปโกรธหรือไปเกลียดมันนะคะ  ทำใจให้เป็นกลาง  สักแต่ว่ารู้สักแต่ว่าเห็น  ให้มีสติ ให้รู้สึกตัวไว้  มันเผลอไปคิดเรื่องนั่น เรื่องนี้ พอรู้สึกตัวก็บอกตัวเองว่า  อย่าส่งจิตออกนอก  แล้วภาวนาต่อไปค่ะ  เห็นไหมค่ะ ถ้าไม่รู้จะดูยังไง  อ่านที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/gotoybat/261118

08.45 น     เวทนามาแรงมาก  อภิสังขารมารค่ะมันบอกว่าให้ออกจากสมาธิเถอะ  ขยับหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็หายแล้ว  ออกมาก่อนเถอะ  นั่นแน่ๆ เราก็สู้นะภาวนาเร็วขึ้น “พองหนอ  ยุบหนอ ปวดหนอ” ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สมาธิเริ่มแตกซ่าน  กระเส็น กระสับ กระส่ายมาก  ใจมันดิ้นๆ อยากออกจากสมาธิ  อู๊ย...ปวดขา  ปวดก้น ปวดคอ มากจริงๆ พยายามพิจารณาให้ลงไตรลักษณ์  เดี๋ยวมันก็ปวดมาก เดี๋ยวมันก็ปวดน้อย เดี๋ยวมันก็หายปวด  ทุกอย่างมันเป็นของชั่วคราว พยายามออกมาดูอยู่ห่างๆ  เพราะเข้าไปดูเวทนาใกล้ไม่ไหวค่ะ  สติยังไม่ตั้งมั่นขนาดนั้น  มารมันก็คอยมาหลอกค่ะ  บอกให้ออกเถิดๆ เดี๋ยวค่อยมาสู้กับมันใหม่ พอรู้ทันมัน  ก็รู้สึกตัวขึ้นมา  ภาวนาต่อเนื่องเร็วขึ้น  อดทนกัดฟันภาวนาต่อ  แล้วมันก็นึกถึงคำพูดหลวงพ่อได้ว่า  “ภาวนาไป  ตายเป็นตายนะ  ถ้าตายหลวงพ่อจะทำศพให้ฟรี  ให้มันตายไปเลยนะ” ใจมันก็ฮึดสิค่ะ  มันคิดได้ ปลงได้แล้วค่ะ  ตายก็ตาย ตอนเวทนามันแรงมาก มากซะจนรู้สึกว่า  ตายแล้วนะ  มันจะตายแล้วนะ  มันจะตายจริงๆนะ  ตรงนี้แหละ  ใจเรามันก็ฮึกเหิมขึ้นมา  ดูมันตายไปเลย  ภาวนาให้ตายไปข้างหนึ่งเลย  ยังไงไม่หมดเวลา  ไม่ออกจากสมาธิเด็ดขาด   มันก็เลยดูได้  ภาวนาได้ จนหมดเวลานาฬิกาดัง ...สาธุ

09.00 น       สาธุ..ดีใจมากค่ะ เราทำได้ นั่งได้จนถึงเวลาที่กำหนด  ก่อนออกจากสมาธิแผ่เมตตา  กรวดน้ำในสมาธินะคะ  ส่งตรงถึงที่ค่ะ เทคนิคนี้ครูอาจารย์ท่านก็ให้มาค่ะ แล้วค่อยๆคลายจากสมาธิ

09.05 น      ออกจากสมาธิแล้ว ยืดขาค่ะ ขาเป็นเหน็บก็นั่งทุบนั่งนวดขาไป  คิดทบทวนค่ะว่าเมื่อกี้เป็นไงบ้าง ปลื้มใจค่ะ เราผ่านมันมาได้  เราทำได้นะ

09.10 น      ลุกขึ้นเดินจงกรมต่อค่ะ 30 นาที สู้ๆ ไม่ให้เสียเวลาที่สละมา  ช่วงนี้นาทีทอง  ต้องดีกว่าเดิมแน่ๆ  “พากเพียรหนอ”

09.40 น      อธิษฐานขอนั่งภาวนา 1 ชั่วโมง  ค่ะ  กำลังทำได้  มันต้องเน้นๆย้ำๆต่อไปจะได้ไปได้ดี

10.40 น   ไม่อยากจะบอกเลยค่ะ  โดนมันสอนไตรลักษณ์เข้าให้  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  มันไม่เที่ยง  มันเป็นทุกข์  มันไม่มีตัวตน  มันว่างเปล่า  เดี๋ยวได้  เดี๋ยวไม่ได้ เดี๋ยวดี  เดี๋ยวไม่ดี  สติหลุดมาก  สติอ่อนจริงๆค่ะ  มันวืดไป วืดมา วืดตลอดบัลลังค์นี้  พยายามตามดู ตามรู้ตั้งสติ  มันก็ไม่ได้  เหมือนหลับในตลอด  ทั้งๆที่ไม่ง่วง  เฮ้อ..!

10.45 น  เดินจงกรมแทนแล้วกัน  ใกล้หมดเวลาแล้ว

11.00 น  หมดเวลาภาวนาค่ะ  สาธุ!  แผ่เมตตา  กรวดน้ำ กราบลาพระพุทธเสร็จแล้วก็ลุกไปทานอาหารกลางวันค่ะ

เมนูอาหารกลางวัน คือ ข้าวกล้อง  ต้มจืดเต้าหู้ไข่  ผัดผักกวางตุ้งใส่เห็ดกะแครอทด้วย  ค่ะ มีมันบวดเป็นของหวานค่ะ

11.30 น  ทานเสร็จแล้วก็มานั่งเขียนบันทึก  แล้วนอนยืดหลังสักหน่อย ปวดระบม เมื่อยไปหมดอากาศในห้องพักก็ร้อนมาก นอนเล่นไปค่ะ  หลับก็ช่าง  ไม่หลับก็ช่าง  

12.45 น.  เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 1 ตื่นแล้วค่ะ ลุกขึ้นเตรียมตัวเข้าห้องน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ดื่มน้ำ  เฮ้อ..สดชื่นขึ้นตั้งเยอะ

13.00 น.  เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 2 แพรก็เดินเข้าห้องปฏิบัติธรรมค่ะ  ไปสู้กันต่อนะคะ เข้ามากราบพระ  แล้วแพรเดินจงกรม  Step 3        เดิน  30 นาที

           

13.30 น  กลับมานั่งภาวนา  “พองหนอ  ยุบหนอ”  กำหนดไว้ 1 ชั่วโมงค่ะ  ตั้งใจจะแลกชีวิตเต็มที่ เอาสมาธิให้ได้แน่นๆ  ภาวนาอย่างมีสติ สบายๆ  หลงบ้าง เผลอบ้าง คิดบ้างก็รู้สึกตัวไว้ค่ะ  แปลกนะคะ  ไม่ยักจะปวดมากๆเหมือนเมื่อเช้า  มีเวทนาเล็กน้อย  เป็นทุกข์ยังพอทนได้

14.30 น   หมดเวลานั่งภาวนาที่ตั้งใจไว้  ได้สมาธิที่สบายมากขึ้นค่ะ พยายามไม่เกร็ง ไม่เพ่ง ไม่เครียด แล้วก็ภาวนาต่อไปเรื่อยๆ  พักเล็กน้อยก็ เดินจงกรม  10 นาที  นั่งภาวนา  20 นาที ต่อค่ะ

15.00 น.  ได้เวลาพักทานน้ำปานะ ให้ชื่นใจ  เข้าห้องน้ำ  ล้างหน้า  พักผ่อนร่างกาย จิตใจให้สดชื่นก่อน  ทุกคนจะตั้งใจมาก  ไม่คุยกันเลย  ไม่สบตากันด้วย  เครียดมากไปหรือเปล่า

15.30 น.  อากาศข้างนอกร้อนมาก  รีบกลับเข้าห้องปฏิบัติธรรมดีกว่าค่ะ  ไปสู้กันต่อค่ะ ตั้งใจภาวนาเดินจงกรม  30 นาที  นั่ง  1 ชั่วโมงค่ะ

17.00 น.  สาธุ...หมดเวลาปฏิบัติแล้ว  ช่วงบ่ายรอบสองวันนี้ แปลกนะคะ  ไม่เจอเวทนาที่ขาแรงเหมือนเมื่อเช้าเลย  ปวดนะ  ทุกข์นะ  แต่ก็พอทนได้ค่ะ  ฟุ้งซ่านมากก็รู้  เห็นเจ้ากรรมนายเวรในชาติปัจจุบัน ก็แผ่เมตตา  แผ่บุญให้ตลอด เวทนาที่บ่าขวามาแรงมากแทน  ก็ดูทัน ทนได้ ภาวนาได้จนหมดเวลา

17.20 น.  ไปพักผ่อน ดื่มน้ำ อาบน้ำ  นอนพักผ่อน เฮ้อ..คิดถึงลูก  คิดถึงสามี

18.30 น.  ได้เวลาเข้าห้องปฏิบัติธรรม  ปฎิบัติธรรมกันต่อได้ 30 นาที  แล้วเค้าก็ให้พักค่ะ รอฟังธรรมจากหลวงพ่อค่ะ

19.00 น.  หลวงพ่อเข้ามา  อ.อภิญญา นำกราบหลวงพ่อ แล้วกล่าวอาราธนาพระธรรมค่ะ

ก่อนที่หลวงพ่อจะเทศน์นะคะ  หลวงพ่อจะกล่าวว่า "ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า  ผู้ตรัสรู้ธรรมคำสั่งสอนได้โดยพระองค์เอง แล้วนำสัจธรรมคำสั่งสอนนั้น  ออกมาเปิดเผยให้แก่มวลมนุษย์พุทธบริษัทได้ทราบโดยทั่วกัน  ขอความเจริญในธรรมแด่โยคีผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมทั้งหลายทุกท่าน  เป็นวาระอีกวาระหนึ่งที่ท่านทั้งหลายจะได้ฟังธรรมกันเกี่ยวแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม  ฉะนั้นการฟังธรรมนวันนี้ก็เอามือวาง นั่งให้สบาย ไม่ต้องเกิดความอึดอัดใจ ทำใจให้สบายฟังไปเรื่อยๆ"

               คืนนี้  หลวงพ่อเทศน์ เรื่อง สติสัมปชัญญะ  จิตวิญญาณ ขันธ์ 5 เน้นที่วิญญาณ (Perception) หรือการรับรู้  หรือผัสสะในกายได้แก่ ตา หู จมูก ปาก ลิ้นและใจ  ประโยชน์ของการภาวนา  พองหนอ  ยุบหนอ  รู้ไหมค่ะว่า  คำว่า "หนอ" น่ะ สามารถตัดภพตัดชาติเราได้เลย  ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น  แข็งแรงขึ้น อ่อนเยาว์ ผิวพรรณดี ภาวนาดีๆนะคะ จะทุกข์ทรมาน ลำบากประมาณ 3 วันแรกเท่านั้นค่ะ ต่อจากนั้นก็สบายแล้วค่ะ คนที่ฝึกภาวนาไว้  พอตายไปก็จะได้ไปดี ไปเกิดในที่ๆดี  คนไม่เคยฝึกภาวนา  ตายไปก็ไปที่ไม่ดี ความแตกต่างในการตายระหว่างคนที่ภาวนาเป็นกับภาวนาไม่เป็น  และโทษของการฆ่าตัวตาย ก็ต้องฆ่าตัวตายอีก 500 ชาติ นอกจากนั้นหลวงพ่อก็บอกประโยชน์กับโทษของอกุศลธรรมและกุศลธรรมด้วยค่ะ  รวมทั้งการสร้างสมบารมี เพื่อเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวในภายภาคหน้าด้วยค่ะ

20.00 น.  ตอบปัญหาธรรมค่ะ หลวงพ่อนำข้อสงสัยที่ผู้ปฏิบัติธรรมเขียนใส่ไว้ในกล่องหน้าห้องปฏิบัติธรรม มาตอบค่ะ  จะได้หายสงสัยกันสักที  เรานี่แหละ  ไปสอบอารมณ์ไม่ได้  ก็ขอสอบอารมณ์จากการเขียนเลย  แพรก็เล่าสภาวะธรรมที่เจอไปค่ะ  หลวงพ่อท่านก็อนุโมทนา ต้องลองฟังดูนะคะ  แต่ละคนมีสาระทั้งนั้น

21.00 น. หมดเวลาฟังธรรมและตอบปัญหาค่ะ  หลวงพ่อก็นำกราบลาพระพุทธค่ะ  พวกเรากราบลาหลวงพ่อ รอหลวงพ่อออกไปก่อน  แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนค่ะ  แพรก็ออกมาอาบห้องน้ำหน้าห้องปฏิบัติธรรมอีก  เงียบๆดีค่ะ  อาบคนเดียว  น่ากลัวดีเหมือนกันนะค่ะ อยากลองดูบ้างไหมค่ะ

21.30 น. ปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้วค่ะ  แพรยังไม่ง่วงเหมือนเดิมคะ  ก็เดินมานอนที่เตียงนอนแล้วแอบเปิดมือถือค่ะ  อยากรู้ว่ามีใครคิดถึงหรือเปล่า  เช็ค miss  call ค่ะ  555  ดีใจจังมีคนคิดถึงเราด้วย  เฮ้อ..เมื่อวานได้คุย  วันนี้ไม่ได้คุย ไม่มีอะไรแน่นอน  ฟุ้งซ่านไปก็เท่านั้น  กาย ใจ นี่มันเป็นตัวทุกข์จริงๆ เห็นไหมค่ะ  พิจารณาลงไตรลักษณ์ได้ แล้วก็นอนภาวนาต่อไป  อากาศมันร้อนมากๆค่ะ นอนไม่ค่อยหลับก็นอน ดูท้องพอง ท้องยุบไปค่ะ เฮ้อ... เดี๋ยวก็หลับไปเองค่ะ

 

พรุ่งนี้เช้าเจอกันใหม่ค่ะ 

 

บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองนะคะ

หมายเลขบันทึก: 269070เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2009 17:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 17:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ยินดีด้วย
  • ขออนุโมทนากับบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญครับ

รู้แบบกลางๆนะครับ อย่าเผลอ อย่าเพ่งนะครับ

สาธุครับ

ขอบคุณค่ะที่แนะนำ

แพรก็พยายามเตือนตัวเองบ่อยๆค่ะ

ดูกาย ดูใจ รู้ปัจจุบัน ด้วยใจที่เป็นกลาง

เผลอไปก็รู้ เพ่งอยู่ก็รู้ ดูสบายๆ รู้ไปเรื่อยๆ ตามความจริง

กายกับใจมันเป็นตัวทุกข์ ยังไงมันก็ต้องทุกข์

มันก็ค่อยๆวางค่ะ

ต้องอ่านตอนต่อไปนะคะ แล้วจะรู้ว่าวางยังไง ได้แค่ไหน 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท