ส้วมไฮโซ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ราวสองปีก่อนนู้นได้เคยเขียนเรื่องส้วมมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นเขียนเรื่องส้วมกับบริบทของโรงพยาบาลในภาคใต้ การสร้างส้วมกับหน้าตาของโรงพยาบาล ไม่เชื่อก็ลองมาทัศนศึกษาที่โรงพยาบาลของผมดูสิครับ ส้วมของเราค่อนข้างสะอาด มีให้ผู้รับบริการเข้าอย่างเพียงพอ กลิ่นไม่แรงทั้งๆที่มีคนใช้กันอย่างคับคั่ง นี่ต้องยกให้เป็นผลงานความดีของหน่วยเคหะบริการ การสร้างส้วมที่สามารถโชว์ได้และเรากล้าโชว์นั้นก็ต้องยกความดีให้กับคนที่สร้างและจ่ายเงินค่าสร้างในยุคที่เริ่มสร้างตึก หากยังทัศนศึกษาไม่อิ่มใจ ก็ยังอยากจะเชิญชวนให้ไปดูส้วมในห้องทำงานของผู้บริหารมาก อันนี้เขียนไม่ออกเพราะไม่เคยได้ไปเห็นจะจะกับตาตัวเองสักที เพราะยังไม่ได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารกับเขาบ้าง แต่ก็น่าจะคาดเดาได้ว่า ขนาดส้วมสาธารณะยังดูดีขนาดนี้ ของท่านๆก็น่าจะดีกว่าที่เห็นนี่อีก จริงๆนะครับ อยากไปลองนั่งขี้ดูสักทีหนึ่งจังเลย ฮ่าฮ่า
นั่นก็เป็นครั้งหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องส้วมๆ มาวันนี้ก็จะเขียนเรื่องส้วมอีกครั้งหนึ่ง ส้วมที่ค่อนข้างจะแปลกที่แปลกทาง แปลกแยก และแปลกบริสุทธิ์
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ในแต่ละวันที่ผมต้องเดินทางมาทำงานที่โรงพยาบาลที่จัดว่าใหญ่ที่สุดในภาคใต้นี้ แถมยังถูกจัดอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ค่อนข้างขึ้นห้าง หมายความว่า ที่นี่เป็นโรงเรียนแพทย์ ที่นี่ได้รับ HA เป็นแห่งแรกในประเทศไทย (ของโรงพยาบาลภาครัฐ) ที่นี่ได้รับรางวัล TQC และเรากำลังจะเป็นโรงพยาบาล Lean อีกต่างหาก และทราบไหมว่า กว่าที่เราจะพิชิตยอดเขาของแต่ละรางวัลนั้น ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของทุกคนโดยเฉพาะเหล่าบรรดาผู้บริหาร ที่ต้องอดตาหลับขับตานอน ทิ้งลูกทิ้งเมียให้นอนเดียวดายอยู่ที่บ้าน (ฮา..อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเป็นทุกข์จริงๆไหม) เอ..ชักไปไกล มาเข้าเรื่องของผมต่อดีกว่า
เป็นอันว่าในแต่ละวันที่ต้องเดินทางมาทำงานนั้น ผมจะพกความสุข ความภูมิใจมาทำงานด้วยทุกวัน ด้วยว่าเราเป็นหนึ่งในองค์กรอันทรงเกียรติแห่งนี้
ผมขับรถออกจากบ้าน ส่งลูกไปโรงเรียน เข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย ผ่านป้อมยามถนนปัญญานิ่ม (มันจึงต้องเสริมความแข็งแรทางปัญญาด้วยยางหนอนดักล้อโยกช่วงล่างอย่างไรเล่า) เลี้ยวเข้าวงเวียน ผ่านมาทางหน้าคณะทันตแพทย์ เหลือบตาดูตึกอันใหญ่โตของโรงพยาบาลที่ได้รับการทาสีใหม่เอี่ยมอ่อง ไร้ซึ่งร่องรอยถลอกปอกเปิก แล้วเลี้ยวขวาผ่านหน้าป้อมยามเพื่อรับบัตรขึ้นจอดรถในตึกเฉลิมพระบารมี ที่นี่มีที่จอดรถอย่างเพียงพอสำหรับคนที่จ่ายเงินทันเวลา (ฮาอีกรอบ) ผมจอดรถเสร็จในตอนเช้าๆ ก็มักจะเดินลงมาทางบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ลงมาที่ชั้น P2 ซึ่งก็ตรงกับชั้น 3 ของอาคารเฉลิมฯนี้
แต่ในทุกๆวันก็มักจะได้กลิ่นแปลกๆ ก่อนเข้าไปในส่วนของตัวตึก บางครั้งมาตอนดึกๆก็ยังคงได้กลิ่นแปลกๆ ล่องลอยเจือจางอยู่ในอณูอากาศ ผ่านไปผ่านมาจนจมูกเกือบปรับตัวเองได้โดยอัตโนมัติว่า ตรงนี้โทนกลิ่นจะเปลี่ยนไป เดินผ่านโรงอาหารก็กลิ่นหนึ่งซึ่งเราอาจจะหิวได้ เดินผ่านหน้าไอซียูก็จะน้ำลายไหลเพราะกลิ่นกาแฟ แต่ตรงนี้กลับเป็นอยากอ๊วก เอ๊ะ...มันเกิดอะไรขึ้น ก็ตามประสาคนชอบหาเรื่องและแกว่งเท้าหาตอของผมนั่นแหละครับ จึงต้องหยุดซักที หยุดเพื่อจะหาที่มาที่ไปของเจ้ากลิ่นที่ว่า
และก็มาเจอจนได้ จุดกำเนิดของกลิ่นที่ผมว่ามานี้ มันอยู่ในหลุมครับ
เอาล่ะ เรามาทำความเข้าใจกับตำแหน่งและสถานที่กันหน่อยนะครับ
เริ่มกันตรงบริเวณชั้น P2 ของชั้นจอดรถ เมื่อเราออกมาจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเตรียมจะเดินขึ้นบันไดเข้าตัวตึกใช่ไหมครับ แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนจะก้าวขาไปไกลเกินไปนั้น ลองก้มลงมองดูที่พื้นสักนิดครับ บริเวณพื้นถนนตรงนี้จะมีหลุมอยู่สัก 2-3 หลุมใช่ไหมครับ มันเป็นหลุมจากการถูกกระเทาะเปลือกหน้าของถนนใช่ไหมครับ หลุมนี้แหละครับที่เป็นที่มาของกลิ่นชวนคลื่นไส้ที่ผมเล่ามาทั้งหมด ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่ามันเป็นส้วมน่ะสิ
ส้วม นิยามของส้วมก็คือที่ปลดทุกข์ เรียกแบบกระทรวงศึกษาธิการเขาเรียกว่าสุขา เรียกแบบผู้ดีก็ว่าเป็นที่ถ่าย เรียกแบบน่ารักหน่อยก็เรียกว่าที่อึ เรียกแบบบ้านๆอย่างผมก็เรียกว่าที่ขี้
ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย......แล้วใครมาขี้แถวนี้ฟะ ส้วมในโรงพยาบาลผมก็มีมากมาย อุตส่าห์ได้รับการรับรอง HA, TQA, TQC, 5 ส, 5 ส ท้าทาย, SPSS, S&P, Oishi ฯลฯ (แบบว่า โรงพยาบาลของผมได้รางวัลมากจริงๆนะครับ) เออใช่ แล้วใครมาขี้อยู่แถวนี้ ทำไมไม่ไปขี้ในส้วม
ด้วยความโกรธที่ถูกหยามน้ำหน้า เลยต้องหยุดพินิจขี้ ในใจก็เกือบจะโทรศัพท์ไปหาท่านอาจารย์สุวิทย์ อาจารย์วิระชัย และอาจารย์วิธู สามท่านผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชวิทยาเพื่อตรวจสอบหาต้นตอของสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่คิดไปคิดมาต้องรีบหยุดไว้ก่อน เพราะจากตาหมอสูติอย่างผม ซึ่งเห็นขี้มามากมายจากการเบ่งต่อหน้าต่อตาเพื่อให้ทารกคลอดออกมาก็เดาได้เลยว่าไม่ใช่ขี้ของผู้หญิงท้องแน่ๆ ฮ่า ฮ่า เว่อร์ไป ผมอยากจะบอกว่า มันไม่เหมือนขี้คนครับ มันเป็นขี้แมววววววว....
มันเป็นขี้แมว มันเป็นขี้แมว ๆๆๆๆๆ ผมท่องแบบนี้ทุกครั้งที่เดินผ่านหลุมส้วมหน้าลิฟต์ ท่องไปเรื่อยๆ ท่องไปก็สังเกตและนับวันไปว่า จะมีคนมาโกยเมื่อไหร่ ท่องไปจนมันก็เริ่มแห้ง แข็งและเป็นฝุ่นผง สูดดมแล้วสูดดมอีก จนมีการมาเติมอีกก้อน ก็เริ่มจากกลิ่น ก้อนนิ่มๆ เปลี่ยนเป็นก้อนแห้งๆ แข็งๆ เป็นฝุ่นผง วันแล้ววันเล่า หมุนเวียนเปลี่ยนไป จนสมองผมปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะรับมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมานั้น ผมก็ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงอันนี้อยู่ทุกวี่วัน “วัฏจักรขี้แมว”
ถามว่าทำไมไม่มีคนอื่นเห็น ไม่ได้กลิ่น หรือเห็นแล้วดมแล้วก็เฉยๆเพราะสมองเขาปรับตัวเร็วกว่าสมองผม มีบางครั้งที่แมวมันล้ำเส้นไม่ขี้ลงส้วมส่วนตัวของมัน แต่ไปขี้ข้างๆที่จอดรถ ผมเคยเห็นว่ามีคนเผลอเหยียบแล้วลากเท้าเช็ดไปตามพื้นเป็นรอยยาวเชียว แต่ก็ยังให้อภัยมัน ไม่มีใครมาสืบหาเลยว่า แมวของใครไฉนมาขี้แถวนี้ (แมวแถวนี้ชอบทำตัวเหมือนหมาของเพื่อนบ้านผมเลยครับ มันชอบมาขี้ในสนามหญ้าหน้าบ้านผมอยู่เรื่อยๆ) ทำไมไม่มีคนมากลบหลุมส้วมแมว ผมเป็นหมอสูตินะครับ ผสมปูนไม่เป็นดอก วันๆก็มัวแต่ตรวจภายใน ทำคลอด และผ่าตัด เท่านั้น หรือเป็นเพราะว่าการวางส้วมแมวไว้แถวนี้กลับเป็นผลดีต่อโรงพยาบาล ทั้งนี้เพราะมันจะได้ขี้ให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ไปขี้บนฝ้าเพดานแถวๆ OPD ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะหลังๆมานี้ ไม่เคยปรากฏว่ามีแมวมาขี้ให้เหม็นอยู่เหนือห้องตรวจของผมอีกเลยนานเป็นปีแล้ว อึม...อันนี้ถ้าเกิดจากกุศโลบายของท่านๆแล้วล่ะก็ ต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมเลยเชียวนะครับ หากโรงพยาบาลใดต้องการได้รับการรับรอง HA, TQC, TQA, 5ส, 5 ส ท้าทาย, SPSS, S&P, Oishi ฯลฯ แล้วล่ะก็ ต้องรีบมาดูงานด่วน
ด่วนมากนะครับ จะบอกให้ ธนพันธ์รายงานตรงจากหน้าส้วมไฮโซ นวัตกรรมโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ฮือ ไฮโซจริงๆ ครับคุณหมอ
ครับท่านอาจารย์จารุวัจน์
ไฮโซจริงๆด้วย หอมหึ่งเลย
จริงๆด้วยครับอาจารย์ เป็น ส้วมไฮโซ จริงๆ เพราะว่าชั้น P2 เป็นชั้นที่ได้ขนานนามว่า "ชั้นไฮโซ" อาจารย์รู้เปล่า (เพราะว่าจอดรถแล้วขึ้นตึกได้เลย)
ผมเดินผ่านวันละหลายๆรอบ เช้า เที่ยง เย็น บางทีค่ำๆอีกต่างหาก ไม่สังเกตุเห็นเลยนะ สงสัยต้องไปหาหมอ ตา และ หูคอจมูก ซะแล้ว
อาจารย์ครับ วันดีคืนดี ผมก็เจอคุณแมววววววววววว มานั่งโชว์เป็นตุ๊ก-กะ-แมว บนหน้ารถอีกนะ
เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิย 52 ขี้แมวถูกขุดหายไปจากทุกหลุม
เมื่อวันพุธที่ 1 กค 52 ส้วมทุกหลุมถูกปิดทับด้วยหินเคลือบยามะตอย
ฮา......
สงสารแมวจัง......ฮาอีกที