จากบ้านน้อยขึ้นสู่ตึก


วันนี้ย้ายบ้านใหม่ 

         ภาพบ้านน้อยหลังเล็ก  ซึ่งอยู่ตรงทางโค้งของถนนที่ลาดผ่านจากหน้าประตูโรงพยาบาลขึ้นไปยังหน้าตึกบริการผู้ป่วยนอก  จะเห็นเด่นชัดมากถ้าขับรถผ่าน  แต่ทุกคนที่ผ่านก็คือผ่านจริงๆ  เพราะไม่มีอะไรสะดุดตากับอาคารต่ำๆชั้นเดียวขนาดประมาณห้องนอนสักห้องหนึ่งในบ้านของใครบางคนที่พอจะนอนรวมกันได้สักสิบคนแบบเบียดๆ   หลังคามุงด้วยกระเบื้องที่แต่เดิมคงเป็นสีขาว  แต่วันนี้เป็นสีกระดำกระด่างแสดงถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านฝนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว  ผนังทั้งสี่ด้านที่ประกอบกันขึ้นจากตระแกรงเหล็กที่สานกันเป็นรูๆห่างๆพอที่นิ้วสักสามนิ้วสอดเข้าได้อยู่ด้านบน  ด้านล่างเป็นแผ่นยิบซั่มที่ใช้ทำเพดาน   แต่เราเอามาทำเป็นผนังห้องแทน  พื้นเป็นไม้เก่าๆ ( ย้ำเก่าจริง ) จนไม่สามารถเดินบนพื้นไม้ได้โดยตรงเพราะจะถูกเสี้ยนไม้เก่าๆตำเท้าเอา   จึงต้องปูเสื่อน้ำมันทับไว้เพื่อความปลอดภัย  ใต้ถุนเตี้ยๆเป็นดินพร้อมกับกองปลวกจำนวนหนึ่งที่โรงพยาบาลพยามกำจัดอยู่หลายหนแต่ไม่สามารถจริงๆ   มีบันไดด้วยนะ... สามขั้น  แต่ขอประทานโทษเป็นซีเมนต์ค่ะ  แข็งแรงทนทานดีเยี่ยม(เฉพาะส่วนบันได)   ภายในเรามีหนึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องครัวด้วยนะ  อเมชชิ่งจริงๆ

จะว่าไปแล้วบ้านน้อยหลังนี้มีเรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้นกับเขา  ย้อนกลับ ไปเขาเติบโตมาพร้อมกับโรงพยาบาลแห่งนี้ตอนที่เป็นโรงพยาบาลขนาดสิบเตียง   โดยได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นเรือนพักญาติเนื่องจากพื้นที่ในเขตอำเภอสองแต่ละตำบลห่างไกลกัน  การเดินทางไม่สะดวกต้องนอนพักในโรงพยาบาลจนกว่าญาติจะได้กลับบ้าน   เมื่อความเจริญเข้ามาถึงพื้นที่  ถนนหนทางเริ่มสะดวก  มีวิธีการคมนาคมหลายรูปแบบเกิดขึ้นเรือนพักญาติจึงไม่มีความจำเป็นต่อไปแล้วจึงได้มีการนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นใช้ในห้องทำงานบนอาคาร (ที่ไม่ใช่บ้านน้อยหลังนี้)  มาฝากไว้ก่อนเป็นระยะ

          แต่แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งเกิดเหตุไข้ฉี่หนูระบาดหนักในพื้นที่   ประชาชนป่วยเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนมากและมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการฉีดยาต่อเนื่อง  เมื่อมีคนในครอบครัวป่วยสมาชิกในบ้านก็ต้องมาดูแลแล้วจะเกิดอะไรขึ้น  เตียงผู้ป่วยเริ่มขยับจากเตียงเหล็กที่หมุนได้  ขยับลงมาที่เตียงผ้าใบที่ใช้ออกหน่วยสนามทุกอันเริ่มกางออก   ต่อมาขยายลงบนพื้นทางเดินตั้งแต่ในตึกผู้ป่วยในเรื่อยออกมาจนถึงระเบียง  ลามออกมาถึงทางเดินนอกอาคารยาวจนสุดทาง  ที่นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี  คุณป้าหัวหน้าฝ่ายการของพวกเรามองไปเห็นบ้านน้อยหลังนี้เข้า    "เอ้าๆเด็กๆ  ไปขนของออกทำความสะอาดแล้วถ้ามีคนไข้  Admit ใหม่ส่งไปเลย" "ไปตรวจดูน้ำ  ไฟ ด้วยนะ  อย่าลืมพัดลมด้วยเดี๋ยวยุงจะไปหามเอาอีก " สิ้นเสียงป้าของเราบ้านน้อยที่อยู่อย่างเงียบเหงาก็ตื่นขึ้นมาเริงร่ากับแสง  สี  เสียงและผู้คนมากมายที่เดินเข้าเดินออกกันทั้งวันและทั้งคืน  อ้า...ชีวิตชีวากลับมาเสียที่

        เมื่อพายุฉี่หนูสงบ  คุณคงจะคิดว่าบ้านน้อยคงกลับไปเหงาเหมือนเดิมเปล่าเลยค่ะ  ตอนนี้เขาได้ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นอาคารบริการแพทย์แผนไทย  การแพทย์ทางเลือกใหม่ของโรงพยาบาลสอง  มีการต่อเติมอีกเล็กน้อยโดยกั้นห้องอบสมุนไพรเพิ่มขึ้นในบ้าน  ให้บริการนวด  อบ  ประคบ ครบส่วนในบ้านน้อยแห่งนี้  ได้ใส่ผ้าใบกันฝนเพิ่มด้วยอีกหนึ่งอย่าง เพราะฝนสาด (ซึ่งก็โดนมาตั้งนานแต่ลืมไปนิดหนึ่ง) จนกระทั่งงานแพทย์แผนไทยได้รุดหน้าเพิ่มการผลิตสมุนไพรได้เอง   บ้านน้อยไม่พอสำหรับกิจกรรมนี้เสียแล้ว  โรงพยาบาลสร้างอาคารแทย์แผนไทยขึ้นมาใหม่และได้ย้ายงานบริการทั้งหมดไปไว้ที่เดียวกัน

        บ้านเริ่มว่าง  แต่ไม่นานงานอนามัยแม่และเด็กไม่มีพื้นที่บริการเป็นสัดส่วนจึงขอบ้านน้อยหลังนี้เป็นพื้นที่ปฏิบัติงาน  ฝากครรภ์  คลินิคส่งเสริมสุขภาพเด็กดี  ฉีดวัคซีน  และเป็นพื้นที่ทำงาน  ทั้งแม่เด็ก  ทั้งหญิงฝากครรภ์มักจะบ่นว่า  แคบจัง    หลายครั้งที่มีการตรวจเยี่ยมการทำงานเมื่อผู้ตรวจมาเห็นบ้านน้อยหลังนี้มักจะอมยิ้มแล้วบอกว่า  น่ารักดีนะ  แล้วไม่มีการวิจารณ์อื่นใดเพิ่มเติมและเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง  มีการเยี่ยมจากหน่วยงานภายนอก  เมื่อมาถึงบ้านน้อยของเรา  ท่านหัวเราะแล้วบอกว่า  โอ ! เดี๋ยวนี้ในโรงพยาบาลเรายังมีอาคารแบบนี้อีกเหรอ ผมเคยเห็นแบบนี้แถวเพื่อนบ้านเรามาเหมือนกันแต่เขาทุบทิ้งแล้ว   แหม ! ฟังพูดเข้าไม่รู้ประวัติอันโชกโชนของเขาเสียแล้ว  ขาดได้ซะที่ไหนเนี่ยเห็นเล็กๆอย่างนี้เถอะ

          เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งได้มีการจัดกลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชนขึ้น  สร้างอาคารส่งเสริมสุขภาพขึ้นมาใหม่และได้รวมงานและเจ้าหน้าที่ไว้ด้วยกันทั้งหมด  งานบริการฝากครรภ์และคลินิคสุขภาพเด็กดีจึงได้ย้ายไปอยู่รวมด้วยและได้มีพื้นที่บริการเพิ่มขึ้น  มีมุมที่สวยงามไว้ให้เด็กๆได้วิ่งเล่น  ได้ตรวจพัฒนาการอย่างสะดวกขึ้น

            กลับมาที่บ้านน้อย   ตอนนี้   หลังจากงานอนามัยแม่และเด็กย้ายออกไปก็มีงานบริการฝากครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงของโรงพยาบาลมาใช้บริการต่อ  ซึ่งต้องให้การดูแลหญิงตั้งครรภ์ทั้งอำเภอ  พร้อมกับงานกายภาพบำบัด  ดูดูไปก็ดีนะคะ ขณะที่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์กำลังเข้ากลุ่มและรอตรวจ  ก็มีคุณลุง  คุณป้าที่มาทำกายภาพบำบัดพูดคุยซักถามไปด้วยพร้อมกับเล่าเรื่องราวในอดีตสมัยที่ท่านตั้งครรภ์เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อนให้ฟัง   เกิดเรื่องเล่าใหม่ขึ้นด้วยแถมยังมีการส่งเสริมเรื่องนมแม่ด้วยนะ  ท่านบอกว่าแต่ก่อนเด็กกินนมแม่เลยไม่ดื้อ เดี๋ยวนี้เด็กกินนมวัวนมควายเลยดื้อเป็นวัวเป็นควาย ไปนั่นเลย 

สองปีผ่านไป  จำนวนผู้รับบริการเริ่มมากขึ้น   ผู้อำนวยการซึ่งท่านต้องมาฝังเข็มให้ผู้ป่วยที่งานกายภาพบำบัดบ่อยๆ   คงรู้สึกสงสารผู้รับบริการเหล่านั้นจึงให้ต่อเติมอาคารด้านข้างห้องคลอดที่พอจะมีที่ว่างขึ้นและจัดบริการเป็นการดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์  รอคลอด  หลังคลอด  ไว้ในพื้นที่เดียวกัน  และวันนี้ ( 1 กรกฎาคม  2552 ) อาคารต่อเติมเสร็จ  ด้วยเวลาและฤกษ์ยามที่ดีจึงป็นวันดีที่จะย้ายบ้านใหม่เสียที แต่บ้านน้อยยังมีงานกายภาพบำบัดเป็นเพื่อนอยู่นะคะและฉันก็จะต้องมาเที่ยวหาบ้านน้อยหลังนี้อีกนานเชียวล่ะ  จะลืมเขาได้งัย

แล้วจะมาเล่าเรื่องบ้านใหม่ที่ย้ายไปอยู่ให้ฟังต่ออีกต่อไปนะคะ    จะหารูปบ้านน้อยที่น่ารักมาให้ดูด้วยอดใจหน่อยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 272669เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2009 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • มีเยี่ยมบ้านหลังน้อยด้วยคน
  • ทุกสิ่งเริ่มจากเล้กๆก่อนเสมอ
  • ขอบคุณที่ไปเยือนเจ้า
  • โอกาสหน้าจะมาแฮ๋ม

ไปแวะเยี่ยมตั้งแต่เริ่มดูที่แล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ

อยากดูรูปบ้านน้อยหลังนั้นง่ะ.....พี่อ้อม

เขียนได้ประทับใจสุดๆค่ะพี่

ขอบคุณค่ะน้องอัจ ตอนนี้กำลังหัดเอารูปขึ้นอยู่ ลองทำดูอพอได้แล้วค่ะคงจะไม่นานเกินรอ

ขอบคุณค่ะน้องอัจ ตอนนี้กำลังหัดเอารูปขึ้นอยู่ ลองทำดูพอได้แล้วค่ะคงจะไม่นานเกินรอ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท