ดวงใจ...ของพ่อ


“ ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเจ็บแทนกันได้ผมจะยอมเจ็บแทนลูก ” ...... ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยกันรักษาที่นี่ก็ที่นี่ แต่พ่อต้องฟังคำแนะนำจากหมอ เราจะช่วยกันทำให้ลูกทรมานน้อยที่สุดน่ะ...พ่อน่ะ

          ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินจะกลับตึกผู้ป่วย  มีความรู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองอยู่  แอบคิดในใจ...เราก็มีเสน่ห์เหมือนกันน่ะ  จึงหันไปมอง....ก็พบกับรอยยิ้มของพ่อลูกคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังรอตรวจที่คลินิกพิเศษ  ข้างห้องแพทย์แผนไทย 

ข้าพเจ้าจึงเข้าไปทักทายพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบอย่างเป็นกันเอง  รอยยิ้มที่สดใสจากเด็กหญิงวัย 9 ขวบและแววตาที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด แต่ตัวเล็กนิดนึง ไว้ผมสั้น หน้าตาสดชื่น ต่างกับหนึ่งเดือนที่ผ่านมา และตลอดระยะเวลาของการพูดคุย  ก็จะเห็นรอยยิ้มของสองพ่อลูก ดูแล้วช่างมีความสุขจริงๆ

และเมื่อเดินจากพ่อลูกมา ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาในความคิดของข้าพเจ้าและจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป... วันนั้นข้าพเจ้ามีหน้าที่เป็นเวรตรวจการณ์บ่าย ดึก มีผู้ป่วยมาที่แผนกห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน  เป็นเด็กผู้หญิงร่างกายผอมโซ  หายใจเหนื่อยหอบมาก  ปลายมือปลายเท้าซีด  แพทย์เวรได้เข้ามาซักประวัติและพูดคุยกับพ่อของเด็ก และมีการโต้ตอบกันแบบมีอารมณ์ในน้ำเสียงเล็กน้อย

         ข้าพเจ้าเริ่มมองเห็นถึงความคัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างแพทย์กับพ่อของเด็ก  จึงเข้าไปทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยทันที  พ่อเด็กมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัดจากอาการของลูกสาว  แพทย์ก็เครียดจากอาการของเด็กที่แย่มาก ๆ  ทั้งสองฝ่ายมีจุดหมายเดียวกันคือ ต้องการให้เด็กอาการดีขึ้น  แต่เวลานี้ต่างฝ่ายเริ่มไม่อยากพูดคุยกัน  ข้าพเจ้าจึงขอเป็นกลางโดยถามอาการจากแพทย์และอธิบายแผนการรักษาให้พ่อเด็กเข้าใจเพื่อยินยอมรับการรักษาแต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่ข้าพเจ้าคาดคิดไว้ เพราะพ่อไม่ยินยอมใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อส่งต่อไปโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

แม้ลูกจะตาย...ก็ขอให้ตายที่นี่   น้ำเสียงพ่อแผ่วเบา ในการรตัดสินใจ  ใบหน้าบ่งบอกถึงความกังวลที่มีต่ออาการป่วยของลูกสาวประหนึ่งว่าในโลกนี้มีเพียงเรา พ่อ-ลูก ที่เข้าใจกัน

   ทำไมพ่อไม่สงสารลูกหรือ  ข้าพเจ้าเอ่ยปากถาม  แต่ไม่มีคำตอบ และไม่รู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ข้าพเจ้าหันไปมองลูกสาวที่หายใจเหนื่อย  ใส่ออกซิเจนพ่อ ลูกมองตากันเหมือนปลอบใจซึ่งกันและกันและยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น และพูดขึ้นว่า

แล้วแต่อัลลอฮ (ซบ.) หากถึงเวลาที่จะต้องกลับไปหาอัลลอฮ (ซบ.) ก็ต้องไปกันทุกคน

 

        สุดท้ายเด็กคนนี้นอนรักษาที่หอผู้ป่วยในหญิง  ข้าพเจ้ากลับขึ้นไปนอนที่บ้านพัก... แต่ภาพของเด็กผู้หญิงคนนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดตลอดเวลา  ภาพที่กำลังหายใจเหนื่อยหอบจนตัวโยก  ริมฝีปากเขียวคล่ำ แววตาที่เศร้า  ข้าพเจ้านอนไม่หลับเลยอยากให้ถึงเวลาเช้าเร็วๆ เพื่อที่จะได้ไปดูอาการของเด็ก และพูดกับพ่ออีกครั้งให้ยินยอมให้แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจให้ได้

            เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ารีบไปตึก....พบว่าเด็กยังคงมีอาการหายใจเหนื่อยเหมือนเดิม  อาการไม่ดีขึ้นแต่ไม่แย่ไปกว่าเดิม  คิดอยู่ในใจว่าถ้าได้ใส่ท่อช่วยหายใจอาการคงดีกว่านี้แน่  ข้าพเจ้าจึงหาเวลาไปพูดคุยกับพ่อของเด็กทุกครั้งที่มีโอกาส  แต่คำตอบที่ได้รับคือ    ไม่...ครับ    จากหนึ่งวันเป็นสองวันสามวัน....และหลายวัน   ข้าพเจ้าก็ทำเช่นนี้เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและหวังว่าสักวันพ่ออาจจะยอมรักษา...

          ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเจ็บแทนกันได้ผมจะยอมเจ็บแทนลูก   เป็นคำพูดจากใจของผู้เป็นพ่อ... ที่สงบนิ่งและก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตาข้าพเจ้า         ผมเห็นภาพคนที่ผมรัก มีอาการหายใจเหนื่อย และแย่ลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จากผมไปต่อหน้าต่อตามาแล้ว  2  คน... นี่ก็อีกคน... ทำไมผมจะไม่เจ็บปวด    ถ้าให้ผมตายแทนได้ผมก็จะยอมเพื่อให้ลูกหายป่วย    แล้วพ่อก็เริ่มระบายความคับอกคับใจที่สุ่มอยู่ในใจมาตลอดเวลา    หลายปีก่อนผมต้องเสียภรรยาด้วยโรคร้ายนี้เช่นกัน  อาการแบบนี้เลย .... หลังจากนั้นลูกคนเล็ก  มีอาการชักเกร็งหมอใส่ท่อช่วยหายใจ  แต่ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น คือ ภาพที่ลูกเสียชีวิตขณะใส่ท่อช่วยหายใจที่โรงพยาบาลศูนย์...  ก่อนลูกจะจากไปผมรู้ว่าลูกทรมานมาก  ใส่ท่อช่วยหายใจไม่ได้ช่วยอะไรเลย  นอกจากยื้อชีวิตได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง สุดท้ายก็ตาย  ความทรมานไม่ได้ต่างไปจากพี่สาวของเขาขณะนี้เลย  หมอบอกได้ไหมว่าถ้าใส่ท่อช่วยหายใจแล้วลูกจะมีชีวิตต่อไปและทรมานน้อยกว่าเดิม  ผมคิดว่าผมมีประสบการณ์มากพอ  ผมพร้อมกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น    ถ้าหากลูกจะตายก็ขอตายที่นี่เถอะ   ข้าพเจ้าถึงกับอึ้ง และนิ่งไปเลย  หมดมุกไปดื้อ ๆ  แต่ก็พยายามรวบรวมสติ  เพื่อที่จะหาทางช่วยให้เด็กมีอาการดีขึ้น

             ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยกันรักษาที่นี่ก็ที่นี่ แต่พ่อต้องฟังคำแนะนำจากหมอ เราจะช่วยกันทำให้ลูกทรมานน้อยที่สุดน่ะ...พ่อน่ะ       

            แล้วพ่อก็ขอตัวเดินไปหาลูก  ข้าพเจ้ามองตามไปพร้อม ๆ กัน พ่อเดินไปที่หัวเตียง นั่งลงบนเก้าอี้ใช้มือลูบศีรษะลูก มืออีกข้างหนึ่งหยิบคัมภีร์อัลกุรอาน  เริ่มอ่านแล้วก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของลูก  ขณะที่ลูกยังคงนอนศีรษะสูง ใส่ออกซิเจน  อาการหายใจเหนื่อยมากยังคงมีอยู่  แววตาอิดโรย  เพราะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน  รับประทานอาหารก็ได้น้อย พ่อบอกลูกว่า

         ฟังน่ะ...  อาเยาะจะอ่านให้ลูกฟัง  อัลลอฮจะช่วยให้ลูกหายดี      ลูกสาวพยักหน้ารับสายตามองไปยังพ่อ  ความรู้สึกระหว่างพ่อลูกถ่ายทอดผ่านสายตา  เพราะเด็กเหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้

          ลูกเริ่มมีอาการดีขึ้นตามลำดับ (ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย)  ข้าพเจ้าเริ่มหาช่องทางให้นักโภชนาการมาพูดคุยเรื่องอาหารที่จะช่วยบำรุงร่างกาย  พ่อรับฟังว่าจะปฏิบัติตามเพื่อจะช่วยให้ลูกหายป่วยเร็วๆ   ผู้ป่วยใช้เวลานอนรักษาตัวอยู่ประมาณ  1  เดือนครึ่ง  ในบางครั้งพ่อก็มีปากเสียงกับพยาบาลบ้างพวกเราเข้าใจในความเครียดที่มีต่อเหตุการณ์หลายๆอย่าง

 

             ภาพสุดท้ายก่อนที่เด็กจะกลับบ้าน คือ เด็กหน้าตาไร้เดียงสา  นั่งเล่นหมากเก็บ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่บนเตียงผู้ป่วย ส่วนพ่อก็ยุ่งกับการเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน  ข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปทักทาย   ว่าไงมีความสุขจริง ๆ น่ะ พ่อหันมายิ้มแล้วตอบว่า ลูกจะได้กลับไปเรียนหนังสือเสียที  พ่อก็จะได้ไปทำงานเงินเริ่มหมดแล้ว ตามด้วยเสียงหัวเราะที่เพิ่งจะได้ยินจากพ่อคนนี้      อย่าลืมมาตรวจตามหมอนัดน่ะ 

            พ่อยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ และพูดว่า    ฝากขอบคุณทุก ๆ คนที่ช่วยดูแลลูกของผม จนถึงวันนี้ขอบคุณมาก ๆ ครับ  ข้าพเจ้าจึงบอกไปว่า จะไม่มีวันนี้ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน และพ่อก็ดูแลลูกได้ดีมาก ๆ ขอชื่นชมจริง ๆ   

            พ่อลูกหันมามองหน้ากัน  แล้วยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุข  นี่แหล่ะ หัวใจของคนเป็นพ่อ ยิ่งใหญ่จริง ๆ 

คำสำคัญ (Tags): #sha
หมายเลขบันทึก: 273008เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2009 10:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ผมอ่าน เรื่องเล่า มา หลายเรื่องแล้ว

รู้สึกว่า คนเขียน น่าจะไม่ใช่ หมอน่าจะเป็น พยายาล

เนื้อหา บางเรื่อง ก็ ออกจะเป็น เรื่องเล่า ที่ไม่มี วิชาการ แต่ เป็น เรื่องทางจิต ทางใจ

จึงทำให้ ผม อ่านแล้ว ออกจะเป็น แนว ลึกลับ ปาฏิหารย์

น่าจะมีการเขียน โดยการมี กอง บรรณาธิการ คอย ตรวจทาน แล้ว เพิ่มเติม มุมมอง

ให้ หลายด้าน สักหน่อย ครับ

ได้อ่านแล้วมีความรู้สึกเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อได้ดีขึ้น เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ

สามารถเยียวยาได้ทั้งผู้ป่วยและญาติรวมทั้งเยียวยาจิตวิญาณผู้ให้บริการให้มีจิตใจที่สูงขึ้นด้วย ขอเป็นกำลังใจให้คนทำงานด้านสุขภาพทุกๆท่านค่ะ

อ่านแล้วน้ำตาไหล มันเหมือนปาฏิหาร ส่วนหนึ่งคงมาจากแรงศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ของพ่อ ที่พยายามวิงวอนเพื่อให้ลูกหาย แต่ส่วนหนึ่งคงมาจากการรักษาพยาบาลที่ได้รับจากทีมสุขภาพ ซึ่งผู้เล่า อาจจะไม่ได้สื่อออกมา ให้ได้รับรู้ และที่เด็กคนนี้ หาย ก็คงมาจากกำลังใจ และคำวิงวอนของทุกๆคน ที่อยู่รอบข้าง...อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ เพราะประสบการณ์แบบนี้ ก็เคยเจอเหมือนกัน.....

สวัสดีค่ะ เป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ ได้ แต่สัมผัสได้จากความรู้สึกของผู้อ่านค่ะ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

ใช่ลูกคือชีวิต ของคนเป็นพ่อ-แม่ อย่าว่าแต่เจ็บปวดแทนเลย ตายแทนได้ก็ยอม ขอบพระคุณ

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาเยี่ยม ชารามัน
  • เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ การรักษาทางกายบางครั้งก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด
  • ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆค่ะ

รักพ่อและคิดถึงพ่อมากๆๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท