มื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมามีโอกาสไปจัดหลักสูตร Dialogue ให้กับ บจ. สยามคูโบต้าอุตสหกรรม วันนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ได้พบปะกับทีมนายช่างแห่งสยามคูโบต้าอุตสาหกรรม อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ออกเดินทางจากอาคาร เอส เอ็มทาวเวอร์มุ่งสุ่จุดหมายปลายทางพร้อมกับวิทยากร (ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร) ณ ภูเขางามรีสอร์ท จ.นครนายก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
ถึงเวลาที่กำหนดผู้ดำเนินรายการกล่าวที่มาที่ไปของการจัดสัมมนาและแนะนำวิทยากรอย่างกระชับและชัดเจน บรรยากาศช่วงเช้านี้ท่านวิทยากร (ดร. มนต์ชัย) อธิบายถึงแนวทาง วิธีการ หลักการ แนวคิด ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการตั้งวงเพื่อทำ Dialogue เน้นการฟังอย่างละเอียด มีสมาธิ ไม่ตีความในสิ่งที่รับรู้ ช่วงเช้าแบบนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมง่วงเป็นธรรมดาของการบรรยายค่ะ ก็มีเผลอหลับไปบ้างแต่พองาม หลังจากได้รับรู้ถึงทฤษฎีและแนวทางเป็นที่ประจักษ์แล้ว ช่วงบ่ายเลยไปถึงยามเย็นเน้นการฝึกปฏิบัติ โดยกำหนดหัวข้อกันเองและหัวข้อที่ท่านวิทยากรกำหนดให้ในแต่ละรอบ แต่ช่วงแรกรู้สึกอึดอัดบ้างและเกร็ง เพราะยังไม่มีสมาธิในการฟังอย่างละเอียด พะวงเรื่องที่ตัวเองต้องพูดเป็นลำดับถัดไป โดยการฝึกปฏิบัติจะมีคุณประคอง (ดร.มนต์ชัย) ตอบข้อซักถามผู้เข้าร่วมเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่ง ๆ ขึ้น
การทำ Dialogue ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการผลักดันของผู้บริหาร สำคัญอยู่ที่บุคลากรในองค์กร เพราะทักษะเทคนิคการฝึกปฏิบัติจะติดตัวพนักงานนั้นไปตลอด เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดแรงขับให้องค์กรหมุนไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ หลักสำคัญทำ Dialogue ให้สมบูรณ์ต้อง ลงทุนกับการฟังให้มาก ฟังอย่างละเอียด มีสมาธิการฟังพร้อมกันทุกคนในวง การเรียนรู้ของมนุษย์อยู่ที่หู แต่สิ่งที่เรารู้สึกและมักคิดวนเวียนอยู่ในหัวและถามตัวเองเสมอ คือ “เราไม่รู้ว่า เราไม่รู้อะไร” และ “เราก็ไม่รู้ว่าเรารู้อะไร” ทำให้ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้ เทคนิค ประสบการณ์ ที่เรารู้ออกมาได้อย่างลื่นไหล เปรียบเสมือนน้ำในเขื่อนเพราะถ้าปล่อยออกที่ละมาก ๆ ก็จะทำให้ผู้รับประโยชน์ (คนใต้เขื่อน) ได้รับความเดือนร้อน แต่ถ้าระบายน้ำออกมาทีละนิด ๆ ทำให้ผู้รับประโยชน์ (คนใต้เขื่อน)ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ และน้ำในเขื่อน (ความรู้ในตัว) ก็จะไม่หมดไปเพราะยิ่งระบายหรือถ่ายทอดความรู้มากเท่าไหร่ ความรู้ที่ได้รับกลับมาก็มากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าผู้รับประโยชน์หรือผู้รับข้อมูลข่าวสาร ไม่สามารถนำความรู้ เทคนิค ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดออกมา นำไปเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติหรือนำมาต่อยอดความรู้ จะไม่สามารถเกิดความรู้ใหม่ ๆ ได้เลย
หลังจากการร่วมกระบวนการฝึกปฏิบัติทั้ง 2 วัน “จะนำกลับไปฝึกกับคนใกล้ตัว (ภรรยา) เพื่อให้มีการฟังมากขึ้น” “เมื่อเราฟังลูกน้องแล้วขอให้ผู้บริหารฟังเราบ้าง” “สิ่งที่พูดในวันนี้เกี่ยวกับการมองภาพอนาคตของ บจ.สยามคูโบต้าอุตสาหกรรมว่าเดินทางไปแนวไหน ควรนำไป Implement จริง เพราะจะเกิดประโยชน์องค์กรจริง” นี่คือเสียงสะท้อนส่วนหนึ่งที่มาจากความรู้สึกของผู้เข้าร่วมสัมมนา
หลากหลายหน่วยงานที่นำเครื่องมือนี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน รวมทั้งโรงพยาบาล แล้วท่านละคะ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อขับเคลื่อนองค์กรของท่านแล้วหรือยัง แต่อย่าลืมนะค่ะว่าเครื่องมือทุกเครื่องมือก็มีความเหมาะสมในแต่ละบริบทขององค์กร
ไม่มีความเห็น