นโยบายการศึกษากับปัญหาสุภาพอนามัย


ถ้าสุขภาพร่างกายของเยาวชนและคนในชาติไม่แข็งแรง เราจะรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2010 หรือ 2011 ได้อย่างไร

     การกำหนดนโยบายการศึกษาของไทยเปลี่ยนแปลงไปตามการเมืองที่เปลี่ยนไป พรรคการเมืองใดมีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ก็ให้นโยบายด้านการศึกษาตามกรอบแนวคิดที่นักการเมืองที่มีความสามารถด้านการศึกษามาเป็นผู้กำหนดนโยบาย บ้างก็ให้ความสำคัญด้านการใช้สื่อ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้ความสำคัญเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ มากเกินไป มีการจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และหลักสูตรสถานศึกษาตามความเหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่น พร้อมกับลดชั่วโมงการเรียนการสอนพลศึกษา ปัญหาที่ตามมาในช่วงระยะเวลา 4 - 5 ปีที่ผ่านมาคือ เด็กไทยมีสุขภาพอนามัยที่แย่ลง ร่างกายไม่แข็งแรง ร่างกายไม่มีภูมิต้านต่อโรคติดต่อสายพันธ์ใหม่ ไม่มีทักษะชีวิตในการป้องกันคัวเอง และป้องกันโรค เชื่อไหมว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ออกกำลังกายน้อยโดยเฉพาะผู้หญิง ชั่วโมงพลศึกษาเท่านั้นที่เขาได้ออกกำลังกาย

    อย่ามัวแต่ถือฐิติเข้าข้างตัวเอง คิดเอาเอง ถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่มีส่วนในการกำหนดนโยบายการศึกษาต้องเปิดใจกว้าง มองไกลถึงหลักความจริง ถ้าสุขภาพร่างกายของเยาวชนและคนในชาติไม่แข็งแรง เราจะรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2010 หรือ 2011 ในอีก 2 - 3 ปี ข้างหน้าได้อย่างไร

   

 

หมายเลขบันทึก: 276827เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2009 21:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท