ได้อ่านบทความใน go to know หลายบทความ โดยเฉพาะบทความเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน บทความเกี่ยวกับทางออกของการศึกษาไทย ทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวที่ผมได้สัมผัสในช่วงเวลาหนึ่ง..จึงนำมาร่วมเสวนาออนไลน์ด้วยครับ..
เป็นช่วงเวลาที่ผมพาคุณแม่เดินเข้าเดินออก และนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง ทำให้ผมได้พบความจริงเกี่ยวกับชีวิตคนเดินดินกับองค์กรของรัฐอยู่หลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ แม้ว่าจะเป็นเพียงแง่มุมเล็ก ๆ บางส่วนของสังคมไทยก็ตาม แต่ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย...
อย่างกรณีแรก เป็นผู้ช่วยพยาบาลที่อยากเปลี่ยนสายงานมาทำงานฝ่ายปกครอง เธอมีความพากเพียรแบ่งเวลาไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่นแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐแต่กลับพบว่า ค่าเรียนของมหาวิทยาลัยท้องถิ่น แพงแสนแพงยิ่งกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังในกรุงเทพฯ ซะอีก
ส่วนกรณีที่สอง เป็นเสียงบ่นของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นม.ปลายโรงเรียนของรัฐแห่งหนึ่งที่บ่นว่าค่าเรียนของโรงเรียนเธอ
ก็แพงเช่นกัน ไม่แพ้ค่าเรียนของโรงเรียนเอกชน..
กรณีที่สาม เป็นคำบอกเล่าของแม้ค้าขายของในหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง กำลังรอการประมูลรอบใหม่ ซึ่งองค์กรดังกล่าวตั้งราคาประมูลขั้นต่ำไว้แพงริบลิ่ว จนเธอไม่แน่ใจว่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือเปล่า...
จากกรณีดังกล่าว...ทำให้ผมนึกถึงบทความบทหนึ่ง ซึ่งเคยแปลไว้นานแล้วร่วมสามสิบปีเห็นจะได้ เมื่อครั้งยังเรียน ป.โท อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เป็นบทความที่พูดถึง องค์กรแบบราชการที่เติบโตขึ้นมารับใช้ประชาชน เป็นองค์กรที่นับวันจะมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้คนต้องเอาอกเอาใจ คอยหมั่นรักษาดูแล..และเติมเชื้อเพลิงให้ขับเคลื่อนอยู่ต่อไปแม้ว่าท้ายสุด..เมื่อฟืน ถ่าน น้ำมันหมด..อาจต้องใช้ร่างกายมนุษย์เป็นเชื้อเพลิงก็ต้องยอม..
กรณีของผู้ช่วยพยาบาลสาว นักเรียนหญิงม.ปลาย..และแม่ค้าขายของคนนั้น..คงเป็นส่วนหนึ่งของคนในสังคมปัจจุบัน ที่ต้องยอมรับเงื่อนไข..ยอมเป็นเชื้อเพลิง เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตขององค์กร..
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่เราปล่อยและละเลยยอมให้คนในองค์กรของรัฐคิดเอง ตัดสินใจเอง.โดยอ้างถึงความก้าวหน้า..การเติบโตของหน่วยงาน...ซึ่งที่จริงก็อาจจะไม่ใช่ความก้าวหน้าก็ได้..
ด้วยเหตุนี้ผมจึงบอกว่า....อย่าได้ไว้วางใจองค์กรของรัฐเป็นอันขาดครับ..
ต้องเฝ้าดูแล..และทักท้วงครับ..อย่าปล่อยให้เดินโดยลำพัง..ต้องช่วยกันครับ
เชิญอ่านบทความแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูนพพล ได้ที่
ฝากบทความนี้ไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ go to know ด้วยครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์นพพล หนูเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นเรียนอยู่ศูยน์น่านค่ะ ปีนี้หนูอยู่ปี 4 ค่ะ มีเรื่องน่าสนใจ อย่าลืมเล่าให้หนูอ่าน-ฟังด้วยนะค่ะ
คำว่า "เพื่อความอยู่รอด" ใช้เป็นข้ออ้างได้ทุกเรื่องเลยนะคะ...
สุดท้ายก็ตกหนักที่ประชาชนตาดำๆ ที่ต้องยอมเหน็ดเหนื่อยทำงาน...เพื่อหาเงินไปคอยเติมเชื้อเพลิงให้องค์เหล่านั้น...
ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณมากค่ะ