สื่อที่ไม่เลือกข้าง....สุมเชื้อไฟ...ให้คนไทยฆ่ากัน


สื่อต้องเลือกข้าง

 สื่อต้องเลือกข้าง…...และต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง....
             สื่อสารมวลชนทั้งหลาย มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคทั่วโลก มาก ที่สุด "สื่อ" มีทั้งประโยชน์และโทษ
 เป็นตัวกลางทำให้ เราได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีความรู้ ความเข้าใจ ทันเหตุการณ์ และนำมาบูรณาการใน
การดำรงชีวิตอยู่ในสังคม ในขณะเดียวกันสื่อ ยังเป็นอาวุธร้ายแรงที่สุดในโลกที่สามารถทำลายล้างชีวิต
ของ มนุษย์และสัตว์ได้อย่างเลือดเย็น
             ต้องยอมรับว่า ในยุคปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โลกและจักรวาลจึงแคบลง
ถนัดตา การเดินทาง ไปยังที่ต่าง ๆ ในอดีต ต้องเดินเท้า ขี่บนหลังสัตว์ หรือเดินเรือเป็นแรมเดือนแรมปี
แต่ปัจจุบัน อยู่ที่ใหนก็ตามจะได้ยิน จะได้เห็น รับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ การได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร
ผ่านสื่อด้วยเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารที่ทันสมัย ก็มีทั้งประโยชน์และโทษได้ด้วยเช่นกัน
             ดังที่ผมกล่าวตอนเริ่มต้นว่า "สื่อ" มันมีประโยชน์มากมายมหาศาล แต่ก็มีโทษมหันต์ ใน
บทความนี้ ผมขอทำความตกลงในเบื้องต้นว่า ผมขอมองสื่อในมติของโทษของสื่อนะครับ หากจะพูดว่า
สื่อมี ประโยชน์อย่างไรนั้นคงไม่ต้องอธิบายมากในที่นี้ และมันจะมองดูว่าเป็นวิชาการจ๋าเกินไป จึงขอ
เสนอความคิดเห็นของผมในการมองสื่อ และขอใช้คำว่าในทัศนะของคนเป็นครู และเป็นผู้บริหารโรงเรียน
ด้วยนะครับ
              สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่นำเสนอ ข้อมูลให้กับผู้รับข่าวสาร ด้วย
ข้อเท็จจริงเพียงครึ่งเดียว และบ่อยครั้ง ที่บิดเบือนข้อมูล ทำให้คนเข้าใจผิด คล้อยตาม หากนำสื่อไปใช้
ในการโฆษณาสินค้า ก็เพื่อโน้มน้าวให้คน มาซื้อ มาบริโภคสินค้าที่ต้องการขาย หากนำสื่อไปใช้
ในการโฆษณาชวนเชื่อ ใช้ในทางการเมือง ป้อนข้อมูลแบบบิดเบือน หรือจริงเพียงครึ่งเดียวไม่กล่าวถึง
ข้อเท็จจริง ทั้งหมด ผลที่เกิดในปัจจุบันคือ คนไทยโดนสื่อต่าง ๆ ปั่นหัว แบ่งแยก กลุ่ม แยกภาค ศาสนา
แม้แต่เชื้อชาติ-ศาสนาเดียวกัน แต่แตกต่างทาง ความคิดซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง รุนแรง สื่อให้ข้อมูล
บิดเบือนทุกวัน ๆ ๆ จนทำให้เกิดความเชื่ออย่าง 100% ว่าที่ ได้เห็น ได้ยินทางสื่อนั้น ๆ เป็นข้อเท็จจริง
ท้ายที่สุดก็เกิด การไล่ฆ่า ไล่ทำร้ายกัน เกิดความวุ่นวายกันทั้งประเทศ
              ผมอยากจะเห็นการสื่อสารในระดับต่าง ๆ มีความตรงไปตรงมา สื่อสารด้วยข้อเท็จจริง โปร่งใส
ตรวจสอบได้ ให้สื่อ เลือกข้างไปเลย คำว่าเลือกข้างในที่นี้ คือ เลือกข้างถูก หรือจะเลือกข้างผิด เลือกที่จะ
อยู่ข้างความถูกต้องหรือความไม่ถูกต้อง ผมกล่าวเช่นนี้ อย่าเพิ่งประณามผมนะครับ เพราะ ผมมองว่า
คนเรามี 3 กลุ่มใหญ่ในสังคม คือ กลุ่มคนดี กลุ่มคน ไม่ดี และกลุ่มคน เป็นกลาง(ดีก็ o.k. นะ ถ้าเขาไม่ดี
เราก็อย่าไปยุ่ง อย่าไปหาเหาใส่หัว ดีกว่า อยู่เฉย ๆ ดีกว่า)
              ดังนั้น กลุ่มที่กล้าเลือกข้าง ผมจึงว่ามีความกล้าหาญ กล้า แสดงออกมาเลย ไม่ต้องกั๊กไว้ ไม่
อันตรายเท่ากับ กลุ่มที่ 3 คือกลุ่ม เป็นกลาง ยังไงก็ได้ ถ้าได้ดี ได้ประโยชน์ ฉันดีด้วย ถ้าไม่ดี ไม่ได้
ประโยชน์ ฉันไม่ใช่พวกเธอนะ แต่ในขณะนี้ ฉันขออยู่เฉย ๆ ฉันเป็นกลาง พวกเป็นกลางจึงอันตรายสุด ๆ 
              ในมุมมองของผม พวกเป็นกลางจะเป็นพวก กล้าพูดลับหลัง ไม่กล้าเผชิญปัญหา ซึ่งหน้า เขา
ชนะเราชนะด้วย ถ้า เขาแพ้ ฉันไม่เกี่ยว ผมจึงยกย่องการทำสื่อแบบ นปช. หรือพวกเสื้อแดง และ แนวทาง
การทำสื่อของ ASTV ซึ่งเป็นกระบอกเสียง ของกลุ่มเสื้อเหลือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
รวมทั้งรายการบางรายการ บทความบางบทความของสื่อบางช่อง บาง สถานี บางเว็บไซต์ บาง ฉบับที่
กล้าเลือกข้าง กล้าชี้ถูก-ผิด กล้านำเสนอความจริงสู่ประชาชน
               ผมยกย่องในประเด็นความกล้าหาญ คือ กล้าเลือกข้าง และ กล้าที่จะให้ข้อเท็จ ข้อจริง แก่
ผู้ชมผู้ฟัง ส่วนฝ่ายใด นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านทราบดีนะครับ ในทางตรงกันข้าม สื่อ
ของรัฐ กลับเป็นสื่อที่ไม่กล้านำเสนอข้อมูลแบบถูก-ผิด กรณีเกิดความขัดแย้งต้องใช้สื่อของ รัฐในการให้
ความรู้ ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงแก่ประชาชน เมื่อทุกฝ่ายรู้ข้อเท็จจริง แล้วใช้นิติรัฐในการแก้ปัญหา
               สื่อของรัฐ รวมทั้งสื่อของรัฐที่ให้สัมปทานแก่เอกชนทั้งหลาย รวมทั้งสื่อที่เลือกข้างแต่เลือก
ข้างผิด ข้างที่ไม่ถูกต้อง สื่อเหล่านี้แหละ ที่กำลังสุมไฟ ราดน้ำมันเข้าสู่กองไฟที่กำลังเผาไหม้ประเทศไทย
ของเรา
                ผมรู้สึกสงสารพี่น้องชาวไทย กลุ่มที่ขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูล ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ
แล้วออกมาเคลื่อนไหว ก่อความวุ่นวายโดยใช้ความรุนแรงในขณะนี้ แต่จะขอกล่าวโทษ เฉพาะบุคคล
ระดับผู้นำกลุ่มเท่านั้น ส่วนพวกพี่น้องที่มาสมทบ คงขาด ความรู้ เข้าไม่ถึงข้อมูล ข้อเท็จจริง จึงเคลื่อน
ไหว และใช้ความรุนแรง ผิดกฎหมาย
                สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ได้รับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริง แล้วออกมาเคลื่อนไหวแบบ
สันติ อหิงสา บน ท้องถนนใช้ สิทธิตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าสรรเสริญยิ่ง
เพราะการเมืองไทยจะเข้มแข้ง เมื่อคนไทย ได้บริโภคข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง เกิดการรวมกลุ่มของพี่น้อง
ประชาชนเกิดเป็นการเมือง ภาคประชาชนที่เข้มแข็ง (แบบสันติ อหิงสานะคับ) เพื่อคัดคานกลุ่ม ข้าราชการ
และนักการเมืองเลวที่ใช้อำนาจทางราชการ และอิทธิพล ทางการเมืองในทางมิชอบ 
                ในขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริม ป้องกัน ข้าราชการและนักการเมืองที่ดีมิให้ถูกรังแก เหตุการณ์
บ้านเมืองของเราในอดีตจวบจนปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ต้องมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางครั้งต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ผู้ที่
ใช้ความรุนแรงก่อนคือ ผู้แพ้ 
                นี่เป็นข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก การเมืองภาคประชาชนต้องเข้มแข็ง
ต้องมีการรวมตัวของประชาชน เพื่อพิทักษ์สิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมาย ตื่นรู้ ซึ่งผมมีความเชื่อว่า
ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ช่วงของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จะเกิดบรรยากาศของการรับรู้ข้อมูล
ข่าวสารที่ดีทั้งไม่ดี                   
                แต่การมีสื่อที่ดีช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนมีความรู้ความเข้าใจในข้อเท็จจริงมากขึ้น ผู้รักษา
กฎหมายกล้าใช้ กฎหมาย นักการเมืองเลวมีน้อยลง ข้าราชการที่ด้อยคุณภาพก็มีน้อยลง ประชาชนเป็น
ใหญ่ในแผ่นดินมากขึ้น 
               คำว่าเป็นใหญ่ในที่นี้ คือ กล้าที่จะรวมกลุ่มกันอย่างผู้รู้ เพื่อปกป้องสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง
ไทย ภายใต้กฏหมายและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนะครับ มันเป็นเรื่องที่ตลกไหม รัฐกำหนดนโยบายให้
กระทรวง ศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ในสถาน ศึกษาโดย การส่งเสริมการอ่าน การ
คิด การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การตัดสินใจ อย่างมีวิจารณญาณ แต่เมื่อนักเรียน นักศึกษา ได้รับรู้ข้อมูล
ข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ในสังคมปัจจุบัน กลับเจอแต่สื่อประเภท นำเสนอข้อมูลแบบมอมเมาให้ ซื้อสินค้า
ตามระบบ ทุนนิยม
               หากเป็นการนำเสนอเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ นำเสนอเพียง เกิดอะไรขึ้น ที่ไหน เมื่อไหร่ผลเป็น
อย่างไร แต่ไม่ยอม วิเคราะห์ หรือนำเสนอความคิดเห็นให้ปัญญากับผู้ชมผู้ฟังว่า สาเหตุเกิด จากอะไร
สิ่งที่เกิดนี้ส่งผลกระทบต่ออะไร ใคร่ถูก-ผิด และควรแก้ ปัญหา อย่างไร ครูจึงต้องทำงานอย่างหนัก อีกทั้ง
บางครั้ง ครูและผู้บริหารเองนั่นแหละกลับเป็นเหยื่อของสื่อเสียเอง
               หากครูและผู้บริหารโรงเรียนยังไม่รู้จากวิธีการบริโภคสื่อ หรือแยกแยะ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข่าว
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อปัจจุบันและอนาคตที่ดี ก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่า
               อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ผมก็เป็นครู เป็นผู้บริหารโรงเรียนด้วย ก็ขอให้กำลังใจเพื่อน พี่ น้อง
ครูและผู้บริหาร ผู้ใฝ่ดีทุกท่าน จงรู้ทันสื่อ แล้วบ่มเพาะลูก ๆ ของพวกเราให้รู้เท่าทัน ฉลาดบริโภคและ
ฉลาดคิด เพื่อเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ที่กล่าวมานี้ มิได้หมายความว่าสื่อดี ๆ จะไม่มีในประเทศของเรา
รายการดี ทีวีหลายช่อง หนังสือพิมพ์หลายฉบับ เว็บไซต์หลาย แห่ง นักวิชาการหลายคนที่ให้ความรู้
ข้อเท็จจริงผ่านสื่ออย่างตรงไป ตรงมา เป็นความกล้าหาญทางจริยธรรมที่สมควร ได้รับการยกย่อง ชมเชย
ยิ่งนัก
               หากสื่อทั่วประเทศไทยเป็นเช่นนี้ บ้านเมืองของเราคง ไม่วุ่นวายเหมือนเช่นปัจจุบันนี้ และผม
เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมตามหลักของศาสนาพุทธ "ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว" ใครทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่า
กรรมดี หรือ กรรมชั่ว ย่อมได้ผลกรรมนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว สื่อที่ดีต้องอยู่ได้ในสังคมไทย
คนไทยเริ่มตื่นรู้เพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ
               จากการ ได้รับรู้ข้อมูลจากสื่อที่มีคุณภาพ ถึงคน ทำสื่อดี ๆ เหล่านี้จะไม่ร่ำรวยเงินทองเหมือน
สื่อทั่วไป เพราะสื่อประเภทเลือกข้าง กล้านำเสนอข้อมูลเพื่อชี้ถูก-ผิด แทบจะไม่มี ใครกล้าที่จะสนับสนุน
แทบจะไม่มีโฆษณาเข้ามาสนับสนุน ขาดทุนในการสร้างปัญญาให้กับประชาชน แต่ขอจงได้ภูมิใจว่าท่าน
ที่เป็นสื่อดีทั้งหลาย ท่านได้ทำความดี ให้ปัญญาแก่ประชาชน ท่านย่อมได้รับผลกรรมดีนี้อย่างแน่นอน
สิ่งดี ๆ นี้ หากไม่เกิดกับท่านที่เป็นสื่อดี ก็ขอให้พิจารณาดูรอบ ๆ ตัวท่าน ลูก สามี ภรรยา พ่อ แม่ พี่น้อง
ญาติ มิตรสหาย ย่อมได้รับผล กรรมดีจากท่านด้วยอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า
                ดังนั้น ขอผองเราจงมาร่วมแรงร่วมใจกัน รู้ทันสื่อไทย ฉลาด รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ดู ฟัง อ่าน
สื่อจากหลาย ๆ ทาง แล้วฉลาดคิด ฉลาด ตัดสินใจ เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อเลวทั้งหลาย แล้วจะเกิด
ความรัก สมัครสมานสามัคคีกัน อยู่ร่วมกัน อย่างสงบ ร่มเย็น เมื่อพวกเราที่เป็นคนไทยรัก สามัคคีกัน
ร่มเย็น เป็นสุข นี่จะเป็นกำลังใจสำคัญที่จะส่งผลให้พ่อหลวงของพวกเรา ชาวไทยมีพลานามัยที่แข็งแรง
มีพระชนมายุยั่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของผองไทยตลอดไป

หมายเลขบันทึก: 277681เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2009 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อย่าทะเลาะกันเลย  คนไทยเดียวกัน

 

เราแตกต่าง  กันที่  แผกสีผิว    ต่างไอคิว ต่างความคิด ต่างนิสัย

ต่างฐานะความเป็นอยู่ รู้แก่ใจ  ทั้งต่างวัย ต่างกลุ่ม ขุมความคิด

 

เราแตกต่าง  เพราะว่า   ภาษาพูด  ถึงมีลิ้น  การทูต ที่ถูกจิต

กว่าจะได้ ศรัทธา มหามิตร  ทุกชีวิต ต้องประสาน การพูดจา

 

เราแตกต่าง วัฒนธรรม ความ เป็นอยู่  ไม่รอบรู้ประเพณี อันมีค่า

จึงต่างจิต ต่างใจ ไม่นำพา  บ้างล้ำหน้า บ้างล้าหลัง  ในสังคม

 

เราแตกต่าง  ศาสนาที่นับถือ   สิทธิคือ ความพึงใจ ได้เหมาะสม

อิสระ ศาสนาอย่างชื่นชม        ทุกข์ศาสน์ล้วน เพาะบ่ม ให้ทำดี

 

เราแตกต่าง เพราะอยู่ ต่างภูมิภาค  ภาษาจึง ยุ่งยาก บางพื้นที่

พูด ไทย ลาว เขมร พม่า หรือยาวี   สื่อภาษา สานไมตรี ต้องเข้าใจ

 

เราแตกต่าง กันได้ หลายหลายอย่าง แต่เชื้อชาติ ไม่แตกต่าง เลยใช่ไหม

 

ทุกคนรวม  เลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย เทิดทูนไว้ จักรีวงศ์ องค์เดียวกัน

เห็นด้วยมากๆ ค่ะ สื่อต้องเลือกข้าง แต่ต้องเลือกข้างที่อยู่บนพื้นฐาน

ความเป็นจริง ... ความถูกต้อง ผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง ... มุ่งมั่นเชิดชูคนดี  ...

สื่อมีบทบาทมากๆค่ะ ...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท