ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการวิจัยทางการศึกษา และเสวนาถึงรูปแบบการพัฒนาคุณภาพของนักศึกษาครู
ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยท้องถิ่นกับโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา..โดยเฉพาะเรื่องของความร่วมมือในการทำวิจัย
ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีประเด็นคำถามที่พูดถึงมากก็คือ..ครูในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มีความจำเป็นต้องทำ
การวิจัยด้วยหรือ ในเมื่อ ครูเหล่านั้นอาจขาดองค์ความรู้ ขาดประสบการณ์ ไม่มีเวลาในการทำงานวิจัย..เพราะมีภาระการสอน
มากมาย..การทำงานวิจัยจึงเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับครู...และอาจทำให้คุณภาพการสอนลดลง
งานวิจัยควรเป็นหน้าที่ของอาจารย์มหาวิทยาลัย..ระดับอุดมศึกษา มากกว่า...ส่วนครูควรมีหน้าทีสอนแต่เพียงฝ่ายเดียว
ในขณะที่นักการศึกษาส่วนใหญ่มีความคิดเห็นที่ต่างไปว่า..ครูต้องทำวิจัย โดยให้เหตุผลว่า สังคมปัจจุบันเป็น
สังคมที่ใช้ความรู้เป็นฐาน ความรู้เป็นอาวุธที่จะนำพาชาติให้ก้าวหน้า..ครูเป็นผู้นำเยาวชนไปสู่ความรู้..ครูจึงต้องรู้และทำวิจัยเป็น
เพื่อได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่มีคุณภาพ..สู่ผู้เรียน
ผมเองก็มีความคิดเห็นว่า..ครอย่างเราต้องทำวิจัยเช่นกัน
ทำวิจัยเพื่อ...รู้แจ้ง เห็นจริง ในสิ่งที่จะสอนหรือสอนไปแล้ว..ผิดก็จะได้พัฒนาหรือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
ทำวิจัยเพื่อ..พัฒนาหลักสูตร พัฒนารูปแบบการสอน พัฒนาสื่อ ให้มีความรู้ ความเข้าใจผู้เรียน และชุมชน เป็นหน้าที่
โดยตรงของครู และเป็นส่วนหนึ่งกระบวนการเรียนการสอน
งานวิจัยของครูควรเป็นงานวิจัยในชั้นเรียน ไม่ต้องหรูหรา เลิศลอยเหมือนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทหรือเอกในมหาวิทยาลัย แต่เป็นงานวิจัยที่มีคุณค่าต่อการปฏิบัติงาน เป็นข้อค้นพบ ที่ผ่านการศึกษาอย่างมีระบบ..องค์ความรู้ที่ได้จะเป็นตัวอย่างที่เพื่อนครูบุคคลอื่นสามารถนำไปพัฒนาใช้กับชั้นเรียนของตนได้...ไม่ยากเกินเหตุจนครูทำไม่ได้
นักวิชาการในมหาวิทยาลัยเวลามองงานวิจัยของครู ต้องรู้และเข้าใจในข้อตกลงเรื่องนี้ด้วยจะได้เข้าใจครู และเห็น
คุณค่าของงานวิจัยของครู..และที่สำคัญถ้าเป็นไปได้ควรลงมาทำงานวิจัยร่วมกับครู..
คงหมดยุคของการเชิญวิทยากรจากมหาวิทยาลัย มาบรรยายเรื่องการวิจัยกันแล้ว ควรเป็นยุคที่อาจารย์มหาวิทยาลัย
กับครูทั้งหลายลงมาร่วมกันทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพของเด็กไทย...
ทั้งนี้เพราะว่า...อาจารย์มหาวิทยาลัยมากมายด้วยประสบการณ์..แต่ขาดห้องทดลองคือ นักเรียน ในขณะที่ครูมีห้องทดลองที่มากมาย แต่ขาดคนช่วยเหลือทางด้านวิชาการ..ร่วมมือทำงานกันได้ก็จะเกิดผลดีต่อการศึกษา
ถึงเวลาแล้ว...ที่อาจารย์มหาวิทยาลัยหันมาทำ PAR (Participatory Action Research) วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมกับครู..ส่วนครูเองก็ทำ CAR (Classroom Action Research) เป็นการวิจัยในชั้นเรียน.
เมื่อ PAR กับ CAR เดินหน้าไปด้วยกันอย่างพันธมิตรทางการศึกษา คิดว่าถ้าทำได้การศึกษาไทยคงเดินหน้า
ไปได้ด้วยดี... แม้ว่าบางครั้ง PAR จะนำ CAR บ้างก็ไม่เป็นไร..ขอให้การวิจัยเติบโตก็แล้วกัน..
สนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางการศึกษาเพิ่มเติม ได้ที่
http://www.oknation.net/blog/krunoppol
ครูถ้าไม่ทำวิจัย..แล้วรียนป.โท ป.เอก กันทำไม
แปลกแต่จริง เมื่อเรียนจบมาครูก็ไม่คิดจะทำวิจัย..
ต้องไปเชิญอาจารย์ที่สอนมาอบรมเรื่องวิจัย...
สืบข้อมูลดูจะพบว่า ครูไทยแต่ละคนอบรมเรื่องวิจัยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
ประเด็นที่ต้องถามก็คือ..อบรมและเรียนกันอย่างไร..ทำไมไม่มีการทำวิจัย.
มีครูด้วยเป็นจำนวนมากที่ดูถูกดูแคลนครูด้วยกันเอง
ครูในโรงเรียนอาจารย์เป็นวิทยากรหรือบรรยายอะไรจะมีครูในโรงเรียนฟังอย่างสนใจสักเท่าไร
แม้แต่การไปอบรม ประชุม ลงชื่อแล้วก็เร้นกายหายหน้าไปก้มีเยอะแยะไม่ใช่หรือครับ
ทำผลงานก็จ้าง
โรงเรียนที่มี คศ. ๓ คศ. ๔ เยอะๆ นักเรียนอ่านออกเขียนได้ คิดเลขคล่องเพิ่มขึ้นไหมครับ
นักเรียนเป้นคนดีเพิ่มขึ้นไหมครับ
นักเรียน.....
ครูกับงานวิจัย เป็นอะไรที่เกือบจะเรียกได้ว่า อยู่คนละขั้วกันมิใช่หรือครับ เป็นยาขมหม้อใหญ่กันเลยแหละครับ
ครูสอนอยู่โรงเรียนเป็นตั้งแต่ภารโรง เสมียน นักสงคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา......นัก...นัก..ชั่วโมงสอน
อาจารย์มหาวิทยาลัย ชั่วโมงสอนเท่าไรครับ ไม่ต้องเป็นภารโรงครับ ห้องพักมีคนทำความสะอาด เก็บ เช็ด
มีเสมียนพิมพ์งานให้
มันต่างกันมากครับ
มันมีช่องว่างมากครับทั้งระหว่างครูด้วยกันเอง ครูกับอาจารย์มหา'ลัย
ผมไม่ปฏิเสธว่างานวิจัยมีความจำเป็น งานวิจัยมันอยู่ในวิถีชีวิตของทุกคนครับ มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะระลึกได้ว่าสิ่งที่ตนทำมันเป็นกระบวนการของการวิจัยหรือเปล่า สังคมไทยปฏิเสธอะไรที่ดีๆ แล้วเลือกเอาความสะดวกสบายเฉพาะหน้า(ซึ่งมันไม่ค่อยจะดีนัก-ความมักง่าย) แล้วก็ยึดถือปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนเกิดความเคยชินก็มากมาย
ส่วนตัวผมขอยืนยันว่า "งานวิจัยเป็นกิจกรรมหนึ่งที่อยู่ในวิถีชิวิตของทุกคนทุกวัยและทุกอาชีพครับ"
เช่นเดียวกันครับอาจารย์ ผมขอบคุณอาจารย์ที่อย่างน้อยอาจารย์ก็เป็นตัวอย่างของครู นักวิจัย นักวิชาการ ขอบคุณ Go to know ขอบคุณเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผมได้มีโอกาสอ่านงานที่อาจารย์เขียน ขอบคุณมากครับ