มีใครได้รับอีเมล์เรื่องไข่ปลอมบ้างครับ ผมได้รับเมื่อสัก 3 วันที่แล้วเปิดอ่านดูก็ไม่ได้รู้สึกอะไร คือเจออีเมล์ประเภทนี้ค่อนข้างบ่อยเท่าที่จำได้คือ
1)เมล์ประเภทส่งให้คนที่คุณรัก20คนภายใน...ช.ม. จะสมหวัง
2) เทพโชคลาภส่งต่อเยอะ ๆ (เดี๋ยวนี้เทพทันสมัยมาทางอินเทอร์เน็ต)
3) เรื่องจริงที่เมืองจีน(ย้ำว่าต้องเมืองจีนเท่านั้น เพราะที่อื่นยังไม่เคยได้รับ เนื้อหาก็เป็นประเภทภาพการฆ่าคนสดๆหรือทารุณกรรม แล้วถามว่าไม่แน่ใจว่าใช่ไหมใครรู้ช่วบอกที)
4) ก่อนกินตรวจสอบก่อน (เมล์ประเภทนี้จะเป็นพวกเกี่ยวกับของกินที่สกปรกหรือทำมาจากสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของจริง ไข่ปลอมก็อยู่ในประเภทนี้ นอกจากนี้ที่พอจำได้ก็ ตีนไก่ ไก่ทอด)
5) อันนี้เป็นเมล์ประเภืที่บอกว่า Photoshop ทำได้คือก่อนแต่งหน้าเอาคนหน้าตาไม่ดีมา แล้วบอกว่าตัดต่อด้วย Photoshop เอาหน้าอีกคนที่สวยๆมา
เท่าที่พอจำได้มี 5 ประเภทนี้แหละครับ ส่วนที่เป็นรูปตามหาคนหายหรือภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารชายแดนใต้ที่ถูกทำร้ายนี่ผมเชือว่าของจริง ...เอ....แล้วมันน่าสนใจอย่างไร น่าสนใจที่เมื่อ1-2วันนี้หนังสือพิมพ์ให้ความสำคัญกับข่าวไข่ปลอมถึงขั้นเอาลงหน้า 1 เลยทีเดียว แสดงว่าข่าวนี้มีคนให้ความสนใจพอสมควร(มากพอที่ บก.ข่าวหน้า 1 จะตัดสินเอาลง 2 วันได้) คือข่าวนี้ขายได้ว่างั้นเถอะ
ผมเชื่อว่าคนที่อ่านข่าวหลายคนเชื่อทันทีที่เห็น (เพราะเพื่อนครูผมหลายคนทีเดียวที่เชื่อว่ามันเอามาขายแทนไข่จริง) คือเชื่อว่ามีคนทำไข่ปลอมมาขายแทนไข่จริงว่างันเถอะ ไม่ได้เชื่อว่ามันจริง ผมนึกสงสัยง่าย ๆ ว่าไข่ปลอมมีขั้นตอนการทำยุ่งยากทีเดียว(จากอีเมล์ที่ส่งมาให้ดู) ที่สำคัญการทำไข่ปลอมมาขายแทนของจริงต้นทุนต้องถูกกว่า แต่วัตถุดิบที่ใช้ทำไข่ปลอมราคาสูง ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ไข่ปลอมมีจริงแต่เขาไม่ได้ทำมาขายแทนไข่จริง
ผมเชื่อว่าก่อนหน้าอีเมล์ไข่ปลอมนี้หลาย ๆคนก็เคยได้รับเมล์ 1 ใน 5 ประเภทด้านบน แล้วก็ทำตามคำแนะนำ(ที่เขาบอก) โดยเชื่อว่าไม่มีอะไรเสียหาย แน่นอนครับไม่มีอะไรเสียหาย แต่เป็นไปได้ไหมหากเราเชื่อโดยไม่ใช้หลักการพิจารณาตัดสินใจในหลักของเหตุและผลบ่อย ๆ เราเองจะกลายเป็นคนที่เชื่อทุกเรื่อง เชื่อแบบไม่มีเหตุผล เพราะได้ตัดสินใจไปแล้วว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนี้เลว คนนั้นดี คนนี้เลว และสิ่งเหล่านี้ถูกฝังไว้ในความจำแล้วเปลี่ยนแปลงได้ยาก ถ้าสังคมเรามีคนลักษณะนี้มาก ๆ สังคมคงจะวุ่นวายน่าดู
พระพุทธเจ้าเคยตรัสเรื่องหลักความเชื่อไว้ผมขออ้างอิงมาจาก http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm ดังนี้ครับ
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
ขอความเชื่ออย่างมีเหตุและผลจงเกิดกับทุกคน(ที่มีสติ)ครับ
เรื่องนี้คิดน่าจะอยู่ที่วิจารณาญาณของแต่ละบุคคลนะคะ คนในสังคมเรามีหลายรูปแบบ
คนเชื่อก็คงมี คนไม่เชื่อก็คงมี แต่คนที่ทำเรื่องนี้มาน่าจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ทำประโยชน์อย่างอื่นมากกว่านะคะ สื่อมวลชนก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้สังคมเราดียิ่งขึ้น เชื่อว่าสื่อเองก็คงรู้ว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร แต่สนใจจะขายข่าวเพียงอย่างเดียวหรือไม่
ขอบคุณที่ให้สติคะ ปกติก็ไม่เชื่อใครง่ายๆอยู่แล้วนะคะ