คุณนึกน้อยใจไหมว่าทำไมหนอเราถึงลำบากกว่าคนอื่น ทำไมคนนั้นดูทำงานมีความสุขมากกว่าเรา ทำไมเราต้องอดนอน ทำไมเราต้องอยู่เวรดึก ทำไมต้องตื่นแต่เช้ามารับเวร ทำไม ทำไม ทำไม มันอยู่ในใจฉันเสมอและทำไมเราต้องมาเป็นพยาบาลห้องคลอด โรงพยาบาลชุมชนเล็ก ๆ ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่เพียงพอ แต่คุณลองมองไปรอบ ๆ ตัวเราซิค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่ายังมีคนที่โชคชะตาเลวร้ายกับชีวิตเขา ยิ่งกว่าการที่เรามาคิดว่าการทำงานของเราลำบากมากมาย ในหลาย ๆ คนที่มีโชคชะตาเลวร้ายนั้น
“แอ๋ว” (นามสมมติ) เธอเป็นคนหนึ่ง เธอเป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ผิวขาว พูดจาไพเราะ เธอมีบุตรมาแล้ว 2 คน และเคยแท้งบุตรมาแล้ว 2 ครั้ง กับสามีคนก่อน ขณะนี้เธอตั้งครรภ์ท้องที่ 5 กับสามีคนปัจจุบัน ซึ่งมองดูแล้วสามีของเธอยังเด็กและมีอายุน้อยกว่าเธอถึง 12 ปี ได้พาเธอมาคลอดที่โรงพยาบาลของเรา แอ๋วได้รับการดูแลจากสามีของเธอเป็นอย่างดี ตลอดทุกระยะเวลาของการรอคลอดนั้น แอ๋วได้รับการดูแลเอาใจใส่ ทั้งจากสามีของเธอ และพยาบาลห้องคลอดเป็นอย่างดี
ฉันมองไปที่เตียงเห็นแอ๋วนอนพลิกตัวซ้ายที ขวาที บางครั้งเธอก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเอามือกุมไว้ที่ท้อง และบางครั้งมีเสียงดัง กล๊อส ๆ ดังรอดออกมาจากไรฟันของเธอ ฉันและพยาบาลคู่เวรเดินเข้าไปลูบท้องเธอเบา ๆ ท้องของเธอแข็งตึง ฉันให้เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมทั้งเอามือลูบท้องขึ้นและผ่อนลมหายใจออกทางปากช้า ๆ พร้อมทั้งลูบท้องลง แอ๋วไม่รอช้า ทำตามที่ฉันบอกได้เป็นอย่างดี ส่วนเพื่อนของฉันนั้นกำลังสาละวนอยู่ข้างเตียงของแอ๋วอีกข้างหนึ่งกับสามีของเธอ เธอใช้น้ำมันมะกอกเทลงบนฝ่ามือและใช้น้ำมันมะกอกนวดเบา ๆ ที่หลังของแอ๋ว พร้อมทั้งแนะนำให้สามีของเธอทำตาม สามีของเธอทำตามได้เป็นอย่างไม่ย่อท้อ แอ๋วส่งยิ้มให้กับเราและบอกว่า “ขอบคุณมากนะหมอ ที่ดูแลแอ๋วเป็นอย่างดี” เธอยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แต่ในแววตาทั้งคู่ของเธอนั้นมองดูเศร้า ๆ เหมือนมีเรื่องกังวลใจอยู่
และแล้วเวลาที่แอ๋วรอคอยก็มาถึง เวลา 03.05 น. แอ๋วคลอดปกติได้ลูกชาย ตัวอ้วนกลม ผิวขาวหน้าตาหน้าเกลียดน่าชัง เพื่อนของฉันส่งลูกให้เธอและให้เธอโอบกอดทันทีหลังคลอด แอ๋วกอดลูกน้อย เธอยิ้ม และมีน้ำใส ๆ ไหลมาที่ข้างแก้มทั้งสองข้างของเธอ ฉันนึกไปเองว่าเธอคงดีใจที่ได้ลูกชายน่าตาน่ารัก แต่ความจริงแล้วนั้นมันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด และในความเงียบนั้น แอ๋วพูดขึ้นว่า “ฉันจะมีปัญญาเลี้ยงลูกให้ได้ดีแค่ไหนก็ไม่รู้ เงินก็ไม่มี ตอนนี้ต้องหยุดทำงานอีก สามีก็ไม่มีงานทำ แถมยังเจ้าชู้ และมีเมียอีกคนหนึ่งกำลังท้องได้ 3 เดือน อยู่ด้วยกันกับฉันที่บ้าน ฉันคิดไม่ตกจริง ๆ หมอว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะทำอย่างไร ฉันจะเลี้ยงลูกอย่างไร แม้กระทั่งค่าทำคลอดฉันยังไม่มีให้หมอเลย” ฉันตกใจมากมีเรื่องแบบนี้ในชีวิตคนด้วยหรือ ในขณะที่ฉันมีงานทำนั่งอยู่ในห้องแอร์ ทำงานไม่ต้องแบกต้องหาม ยังมานั่งท้อแท้กับงานที่มีทำอยู่ ฉันเริ่มเข้าใจชีวิต และเห็นสัจธรรมมากขึ้น ขำว่าทำไม ทำไมที่ฉันคิดอยู่เสมอ เริ่มจางหายไปจากความคิดตอนนี้ฉันคิดอยู่อย่างเดียวกว่า จะทำอย่างไรดีถึงจะช่วยแอ๋วได้บ้าง และฉันก็บอกแอ๋วว่า ใจเย็น ๆ นะแอ๋ว ปัญหาทุกปัญหามันมีทางออก อย่าเพิ่งท้อใจไปเลย เรามาช่วยกันคิดดีกว่าไหม
แอ๋ว นิ่งเงียบ และตอบฉันว่า “ฉันมองไม่เห็นทางออกจริง ๆ หมอ มันมืดไปหมดทุกทาง” ฉันถามแอ๋วว่า “แล้วสิ่งที่แอ๋วกังวลมากที่สุดตอนนี้คืออะไรหรือ” แอ๋วตอบฉันว่า “ฉันไม่มีเงิน แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้ค่าทำคลอดละ” ฉันบอกแอ๋วว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะคุยกับศูนย์ประกันให้ว่ามีทางออกไหนได้บ้าง ตอนนี้ที่สำคัญ แอ๋วดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงก่อนนะ พักผ่อนเถอะนะ แอ๋วส่งยิ้มให้ฉัน แล้วบอกว่า ขอบคุณอีกครั้งนะหมอที่เป็นกำลังใจให้ ฉันขอบคุณหมอมากจริง ๆ
ด้วยความอ่อนเพลียจากการคลอดบุตรแอ๋วก็หลับไป ฉันมานั่งคิดต่อว่า แล้ววันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปชีวิตของแอ๋ว เธอจะเป็นอย่างไรนะ
ตอนเช้าของวันใหม่ฉันนำเรื่องของแอ๋วมาปรึกษาเพื่อน ๆ ในงานห้องคลอด ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า อันดับแรกเราต้องส่งแอ๋วเข้าพบทีมสุขภาพจิตของโรงพยาบาลเพื่อประเมินภาวะเครียดก่อน
เราไม่รอช้ารีบติดต่อทีมสุขภาพจิตดำเนินการทันทีผลพบว่า แอ๋วมีภาวะเครียดปานกลาง แล้วหลังจากนั้นเราก็ส่งแอ๋วเข้าพบศูนย์ประกันของโรงพยาบาล แอ๋วได้รับการผ่อนผันเรื่องค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลครั้งนี้ให้มาชำระเงินค่าใช้จ่ายภายหลังได้ (รอจนกว่าแอ๋วจะเบิกเงินค่าคลอดบุตรจากประกันสังคมได้ก่อน) แอ๋วดีใจมาก เธอขอบคุณเจ้าหน้าที่ศูนย์ประกัน และนั่งรถเข็นกลับด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้น
หลังจากแอ๋วกลับบ้านได้ 7 วัน แอ๋วอุ้มลูกน้อยกลับมาโรงพยาบาลของเราอีกครั้ง และมาพบฉันที่ห้องคลอดเพื่อมาดูแผลฝีเย็บหลังคลอดตามนัดแอ๋วส่งยิ้มให้พร้อมทั้งเอ่ยบอกว่า “สวัสดีค่ะหมอ” ฉันเห็นแอ๋วมีสีหน้าสดชื่นกว่าครั้งก่อน ฉันถามแอ๋วว่า “เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือเปล่า ลูกอ้อนไหม สะดือลูกหลุดหรือยัง ปวดแผลหรือเปล่า” แอ๋วบอกฉันว่า “ลูกเลี้ยงง่ายไม่ค่อยร้องกวน สะดือหลุดแล้ว แผลฝีเย็บฉันก็ไม่ปวดแล้วนะหมอ” ขณะที่ฉันดูแผลฝีเย็บฉันได้ถามทุกข์สุขของแอ๋วเรื่องทั่ว ๆ ไป แอ๋วบอกฉันว่า สามีก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกบ้าง ครอบครัวของสามีเข้ามาช่วยเหลือและช่วยเลี้ยงลูกในบางครั้ง ฉันเลยคิดว่า ถ้าฉันต้องกลับไปทำงานลูกน่าจะมีคนดู แต่ฉันก็ยังโชคดีนะ ที่ภรรยาอีกคนของสามีเป็นคนดีคอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง ฉันคิดว่า ชีวิตฉันน่าจะดีขึ้น ขอบคุณหมออีกครั้งนะที่เป็นห่วง
ฉันคิดว่าปัญหาในชีวิตของแอ๋วคงไม่จบลงแค่นี้ หลังจากที่ได้พบกับแอ๋วในครั้งนั้นฉันได้ข่าวว่า แอ๋วและครอบครัวกลับไปอยู่บ้านพักข้างโรงงานที่ต่างจังหวัด จึงเป็นที่น่าเสียดายว่าเราสามารถติดตามและช่วยเหลือแอ๋วได้เพียงแค่ระยะสั้น ๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ฉันก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้โทรศัพท์สอบถามการเลี้ยงลูกและวิถีชีวิตที่เธอดำเนินอยู่ในปัจจุบันเป็นระยะ และได้แนะนำเธอทุกครั้งว่าถ้ามีปัญหาไม่สบายใจโทรกลับมาหาเราได้เสมอในเวลาราชการ และให้เธอติดต่อกับทีมสุขภาพจิตของโรงพยาบาล
ถึงแม้จะเป็นเพียงการดูแลเธอในระยะสั้น ๆ แต่มันก็เป็นความภาคภูมิใจของฉันที่สามารถแก้ปัญหาให้กับแอ๋วได้ ถึงแม้ว่าเราจะมองว่าปัญหาของแอ๋วเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ความจริงแล้วนั้นมันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของแอ๋ว
ไม่มีความเห็น