ในตอนสายวันหนึ่ง ขณะทำการรักษาทางทันตกรรมให้แก่ผู้มารับบริการตามปกติ มีคนไข้รายหนึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนมาด้วยอาการมีแผลในช่องปาก อ้าปากได้ลำบาก เมื่อให้คุณป้าขึ้นนั่งที่เก้าอี้ทำฟันเพื่อทำการตรวจในช่องปาก ก็พบว่าที่กระพุ้งแก้มทั้งด้านซ้ายและด้านขวามีรอยแผลคล้ายรอยถลอกลอกเต็มไปหมด โดยเฉพาะที่กระพุ้งแก้มด้านขวาจะพบได้เยอะกว่าด้านซ้าย ลักษณะจะเป็นแผลใหญ่ๆ ทั้งแก้มด้านขวา รอบๆ แผลก็มีลักษณะแดงและมีเลือดออกซึมๆ และสุขภาพช่องปากของคุณป้าก็ไม่ค่อยดี อีกทั้งยังทานหมากด้วยเช่นกัน ป้าบอกว่าเป็นมาหลายวันแล้ว ทานอะไรก็ไม่ค่อยได้ ฉันเลยได้ลองเอาผ้าก็อซมาเช็ดที่แผล เพื่อดูว่าจะเช็ดคราบขาวๆ ที่แผลออกหรือไม่ และเพื่อเป็นการช่วยในการวินิจฉัยโรคเช่นกัน พอลองเช็ดดูก็ปรากฏว่าเช็ดไม่ออก จากนั้นจึงลองไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ห้องชันสูตร เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการส่งตรวจเชื้อว่าสามารถส่งตรวจได้เองหรือไม่ เมื่อสอบถามเรียบร้อยแล้วว่าสามารถทำได้ ทางเจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรจึงได้ให้แผ่นแก้วที่หยดน้ำเกลือไว้พร้อมกับไม้พันสำลีมา ฉันจึงได้ทำการส่งตรวจเชื้อจากบริเวณแผล เมื่อตรวจดูผลเชื้อจากการส่องกล้องก็พบว่าไม่มีเชื้อรา มีแต่เชื้อแบคทีเรียที่พบได้ปกติในช่องปาก ฉันจึงวินิจฉัยว่าเป็นแผลที่เกิดจากเชื้อไวรัส พร้อมทั้งสั่งยาให้แก่คุณป้า รวมทั้งได้นัดให้คุณป้ามาดูอาการและดูแผลต่อเพื่อทำการรักษาฟันต่อไป
1 อาทิตย์ต่อมา ในวันที่นัดคุณป้ามาตรวจและดูแผลอีกครั้ง พบว่าแผลที่จากเดิมเป็นแผลถลอกสีขาว รอบๆแผลก็แดงและอักเสบ ปัจจุบันแผลดีขึ้นรอยถลอกเริ่มหายไป แผลเริ่มจะหาย จึงได้ใช้ยาฆ่าเชื้อในช่องปากทำการเช็ดแผล และบอกให้ป้ากินยาต่อเนื่อง รวมทั้งไปซื้อยาฆ่าเชื้อจากร้านยาข้างนอกมาทา เนื่องจากในโรงพยาบาลไม่มียาชนิดนี้ แต่ไม่กี่วันต่อมา พี่เภสัชฯที่เข้าไปตรวจยาและดูคนไข้ในวอร์ดก็ได้มาบอกว่าคุณป้านอนอยู่ในวอร์ด เนื่องจากป่วยเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีไข้สูง กินไม่ค่อยได้ ดังนั้นฉันจึงได้เข้าไปดูอาการและดูแผลในช่องปากของคุณป้า รวมทั้งได้ถามว่าคุณป้าไปซื้อยาฆ่าเชื้อที่หมอบอกหรือไม่ คุณป้าตอบว่าไปซื้อ แต่ไม่มียาอย่างที่หมอว่า ดังนั้นฉันจึงเห็นว่าไหนๆ คุณป้าก็นอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว จึงตัดสินใจที่จะเอายาจากในห้องฟันมาทาแผลให้คุณป้าเอง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกเย็นหมอก็จะหยิบขวดยาจากในห้องแล้วเดินไปที่วอร์ด จากนั้นก็ไปขอไม้พันสำลีจากพยาบาล แล้วเอายาไปป้ายที่แผลของคุณป้า โดยได้มีการซักถามอาการเจ็บ แสบแผล การทำความสะอาดช่องปาก กว่า 1 อาทิตย์ที่คุณป้านอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและหมอก็ได้ไปพูดคุย สอบถามอาการเจ็บ และทาแผลให้คุณป้าทุกวัน รวมทั้งให้กำลังใจแก่คุณป้าด้วย จนกระทั่งคุณป้าออกจากโรงพยาบาล ซึ่งฉันก็ได้บอกให้คุณป้ามาดูแผลที่ห้องฟันอีกทีในวันเดียวกันกับที่ฉันได้นัดมาดูอาการป่วยของคุณป้า โดยให้คุณป้าแวะมาที่ห้องฟันหลังจากหมอตรวจเสร็จแล้ว
จะเห็นได้ว่าการรักษาทางทันตกรรม หากเรามองเพียงสุขภาพฟันอย่างเดียว โดยไม่ได้มองมิติด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับช่องปากคุณป้าจะอยู่อย่างไร ฟันก็ไม่มีแถมมีแผลในปาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดอกไม้ในใจของฉันได้เริ่มบานไปทั่วห้องฟัน ตราบนั้นเป็นต้นมา
ใช่เลยคะ สุขภาวะ ต้องมองแบบองค์รวม มิใช่เพียงบางส่วน
ทีทำงาน ก้อมีคล้ายๆแบบนี้ เหมือนกัน
เอาไว้ จะเขียนลงมั่งคะ