เพื่อนที่ทำงาน กับเพื่อนที่จริงใจ


ความเป็นเพื่อนคือความเป็นชีวิต

ตอนเราเรียนชั้นอนุบาล เราก็มีเพื่อน ตอนเราเรียนชั้นประถม เราก็มีเพื่อน ตอนเราเรียนระดับมหาวิทยาลัย เราก็มีเพื่อน จนกระทั่งเราทำงาน เราก็มีเพื่อน เรามักจะเชื่อกันว่า เพื่อนแท้เพื่อนเทียมมันสัมพันธ์กับระยะเวลาที่รู้จักกัน จริงหรือ

มะลิ มาพา เชื่อว่าหลายคนคงพูดว่าเพื่อนที่ทำงานไม่จริงใจเหมือนเพื่อนสมัยเรียน ในชีวิตทุกคนมีเพื่อนไม่มากมายนักหรอก หากนับกันจริง ๆ ส่วนใหญ่มีแต่คนที่รู้จักกัน ทักทายกัน โอภาปราศรัยกันในเส้นรอบวงสังคมของเรา เราก็จะบอกว่า “คนนี้เป็นเพื่อน รู้จักกัน เคยคุยกัน” ซึ่งใครนิยามคำว่าเพื่อนกว้าง ๆ ก็จะมีเพื่อนมากมาย หากใครนิยามคำว่าเพื่อนจำกัด ๆ นับคนนี้เป็นเพื่อนได้ นับคนนั้นเป็นเพื่อนไม่ได้ ไม่นับคนโน้นเป็นเพื่อน ก็จะมีเพื่อนไม่มากนัก ใช่หรือไม่

สำหรับตัวมะลิ มาพา เอง ณ ตอนนี้อยากบอกว่า การเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ ด้วยจิตใจมันยาวนาน มันมีคุณค่าและความหมายในชีวิตมาก คนที่เป็นเพื่อนจอมปลอมจะไม่รู้ซึ้งรู้สึกรู้สาอะไรนักหรอกกับคำนี้เพราะทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ ไม่ได้แสดงว่าเป็นเพื่อนอย่างแท้จริง

การรู้สึกด้วยจิตใจ ด้วยจิตวิญญาณในความเป็นเพื่อน ถึงแม้ไม่มีใครรู้ใครเห็น แต่เราเองนั่นแหละเป็นคนแรกที่รับรู้ มันจะเกิดมีความสุขใจและซึ้งกับความหมายของเพื่อน ที่เราได้แสดงออกได้พูดได้กระทำสิ่งต่าง ๆ ให้เพื่อน

เพื่อนที่จริงใจมิได้ต้องจำกัดด้วยว่าจะรู้จักกันมายาวนานเท่าไร เรียนกันมาตั้งแต่ชั้นไหน แต่เพื่อนที่จริงใจมันรับรู้ด้วยใจจริง ๆ

มีหลาย ๆ เรื่องที่ มะลิ มาพา อยากเล่าสู่กันให้ท่านผู้อ่านฟังค่ะ แต่ตอนนี้คงเล่าได้เรื่องเดียว

เพื่อนต่างวัยที่เกือบเกษียณ เป็นเพื่อนที่รู้จักกัน 3 ปีกว่า แต่เราคิดว่าสนิท เป็นเพื่อน เป็นพี่ที่นับถือ ไม่ปากอย่างใจอย่าง ได้โทรศัพท์มาแต่เช้าวันเสาร์ ให้เราไปลพบุรีเป็นเพื่อนหน่อย พี่เบนแกร้อนใจต้องไปตามคนที่ขโมยเหรียญในหลวงที่แกให้ลูกชายไว้ยังไม่ทันไรเพื่อนของเพื่อนมานอนพักด้วยขโมยเอาไป ลูกชายไม่รู้ข้อมูลอะไรของเขาสักอย่าง รู้แต่ชื่อเล่นว่า ชื่อคิมแกเล่าให้ฟังเมื่อวันศุกร์ สืบเสาะสอบถาม แจ้งความไว้ ตอนแรกพี่เบนได้ข้อมูลมาว่า คนนั้นเป็นทหารม้าอยู่สระบุรี มะลิ มาพา ก็ช่วยสืบค้นข้อมูลทางเนต ก็พิมพ์รายชื่อทหารทุกสังกัดเป็นร้อย ๆ ชื่อให้แกไว้สืบต่อ วันเสาร์ได้ความว่าคนนั้นเป็นทหารปืนใหญ่อยู่ลพบุรี แกก็อยากรีบไปหา ไอ้เราและพี่ปูจะติดภารกิจครอบครัวในทุกเช้าวันเสาร์ ตอนสาย ๆ สัก 11 โมงไม่ได้หรือพี่

เป็นวันอาทิตย์ไม่ได้หรือพี่ ทั้ง มะลิ มาพา กับพี่ปู ไม่มีภาระนัก (ถึงแม้ที่จริง มะลิ มาพา ติดติวหนังสือสอบให้น้องพงศะ เพราะต้องสอบวันอังคาร แต่ไม่เป็นไร ยังมีวันจันทร์อีกวันที่ มะลิ มาพา ต้องลางานติวหนังสือสอบให้ได้)

(ไอ้เราก็เข้าใจแกนะ เพราะเราก็เคยเป็นแบบนี้ พอของหายที ไม่ใช่ของมีค่างวดอะไร แต่เป็นของที่ขาดไม่ได้ เช่น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย สมุดเลคเชอร์เราหาย เราไปตามทุกที่ที่มหาวิทยาลัยเลย แถมมีคนบอกว่าเห็นพนักงานร้านอาหารแถวนั้นมาเข้าห้องน้ำคณะเรา เราก็คิดนะว่าเค้าจะมาเอาสมุดของเราไปทำไม แต่ยังไงเราก็ต้องไปตาม ก็ไม่มี สุดท้ายก็ต้องขอเพื่อนถ่ายเอกสารวิชานั้น อีกครั้งเราเอาสมุดจดงานของเราใส่กระเป๋าคุณน้องเพื่อจะได้ติดเอากลับบ้านไปด้วย เราจะได้ไม่ต้องถือกลับบ้านตอนเย็น แต่เราก็ไม่ได้บอกเค้าไว้ แต่ตอนเย็นวันนั้นเค้าต้องไปบรรยายที่โรงแรมแถวปิ่นเกล้า เค้าก็รื้อค้นเอกสารเอย สมุดเอย หนังสือเอย อะไรของเค้าวางไว้เต็มโต๊ะบรรยายบ้าง โต๊ะเจ้าหน้าที่บ้าง โดยที่เค้าไม่รู้ว่าสมุดของเราก็รวม ๆ อยู่กับของเค้า พอกลับบ้านมา เราก็ไม่เจอสมุดจดงาน ก็โทรศัพท์ตามหากันใหญ่ เราเสียดายหากสมุดจดงานเล่มนั้นหาย ก็ลองโทรไปถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เชิญคุณน้องไปบรรยายและเค้ายังอยู่ที่โรงแรมเตรียมงานวันต่อไป แล้วเค้าก็โทรกลับมาบอกว่าเจอสมุดเรา คืนนั้น 5 ทุ่มเที่ยงคืน พวกเราก็รีบขับรถไปที่โรงแรมกันเลยเพื่อไปเอาสมุดจดงานเล่มเดียวแล้วก็กลับบ้าน)

ตอนเช้าวันเสาร์นั้น มะลิ มาพา ต้องดูน้องพะริ ก็เลยต้องพาน้องพะรินั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟดอนเมือง รอพี่เบนมารับไปที่ทำงานแถวดอนเมือง เพื่อรอพี่ปูอีกคนมาช่วยขับรถให้พี่เบน แวะทานข้าวเที่ยงกัน แล้วก็ตรงดิ่งไปลพบุรีกันเลย น้องพะริแกคงตื่นเช้ามาก เลยหลับอุตลุดปาเข้าไป 3 ชั่วโมง ตั้งแต่รถเพิ่งออกจากดอนเมืองได้ไม่นาน ตอนทานข้าว มะลิ มาพา ต้องอุ้มน้องพะริและกินข้าวไปด้วย เกือบถึงลพบุรี ฟ้ามืด ฝนตกหนัก

  น้องพะริเองค่ะ

มาถึงทหารปืนใหญ่ลพบุรี พี่เบนติดต่อและสอบถามทหาร พวกเราก็สงสารและลุ้นให้แกได้ความได้เรื่องได้ราวและเจอคนชื่อคิม สุดท้ายก็ไม่เจอคนชื่อคิม และรู้จากทหารว่า ปลดประจำการไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วได้ และต้องรอมาติดต่อวันราชการ หากต้องการข้อมูลทหารที่ปลดประจำการไปแล้ว

สุดท้ายก็ต้องกลับ พี่ปูแวะหาเพื่อนที่กองบิน 2 ลพบุรีแป๊บนึง พี่เบนก็แวะหาเพื่อนที่หอบังคับการบินในกองบิน แต่ไม่พบ ตอนนี้น้องพะริเพิ่งตื่นเอง ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย นอนเต็มอิ่ม เราก็ตรงดิ่งกลับกรุงเทพ กว่า มะลิ มาพา และน้องพะริ จะถึงบ้านก็เกือบ 2 ทุ่ม พร้อมกับความสุขใจที่ได้ไปเป็นเพื่อนพี่เขาให้ทำภารกิจเร่งด่วนเสร็จสิ้น เหมือนกับการตอบโจทย์ ตอบข้อข้องใจ ถึงแม้จะไม่ได้ผลลัพธ์ แต่ก็ได้คำตอบ เพราะหากไม่ไปปฏิบัติภารกิจนี้ พี่เบนต้องคับข้องใจในชีวิต

เป็นใครก็ต้องร้อนใจแบบนี้นะคะ เหมือนเราซื้อเสื้อผ้า คนขายบอกว่าใส่ไม่ได้ให้เอามาเปลี่ยนได้ พอเราเอาไปใส่ดูแล้วไม่ถูกใจหรือใส่ไม่ได้ เราก็แทบอยากจะเอามาเปลี่ยนเร็ว ๆ วันที่ซื้อนั่นเลยยิ่งดี แต่มันเย็นแล้วดึกแล้วร้านเค้าปิดแล้ว คืนนั้นเราก็จะร้อนใจอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็ว ๆ เราต้องรีบเอาไปเปลี่ยน ทีนี้เวลาเปลี่ยน บางทีไม่มีสีนั้น ไม่มีทรงนั้น เราก็เอา เพราะใจเราอยากเปลี่ยนเร็ว ๆ เดี๋ยวคนขายไม่ให้เปลี่ยน พอเปลี่ยนได้แล้วเราก็สบายใจ

แต่หากเราพิมพ์งานอยู่ดี ๆ หรือกำลังลบไฟล์ต่าง ๆ เหมือนการทำ 5 . ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา อีเมล์ของเรา เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ของเราอยู่ เรารีบ ๆ เผลอกดปุ่ม Delete หรือคำสั่งอะไรที่มันสามารถลบข้อมูลออกไปได้แบบไม่ตั้งใจ เลือกไฟล์ที่จะลบผิดบ้าง เลือกโฟลเดอร์ผิดบ้าง แต่มันถูกลบไปแล้ว นี่ซิ ร้อนใจยังไง ก็ยากที่จะไปเอากลับมาได้ ได้แต่นั่งเสียดายข้อมูล คิดถึงข้อมูลจัง กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ และค่อย ๆ ทำใจได้ในที่สุด ค่อย ๆ สะสมข้อมูลใหม่ ตัดใจกับข้อมูลมีค่าของเราที่หายไปแล้ว ใช่ไหมคะ

หมายเลขบันทึก: 282258เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2009 07:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ

กลับมาแล้วครับ แวะไปอ่านบันทึกท่องเที่ยวตอน 1 และ 2 ได้แล้วนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท