เรื่องราวของคนทำดีไม่ท้อถอยในการเยียวยาชุมชน
บางครั้งแสงเทียนริบหรี่ท่ามกลางพายุก็ยากเกินจะประคับประคองไม่ให้ดับมอด ทำให้จมอยู่ในความมืดมิด คลำหาแสงสว่างไม่พบ โลกจึงมีเรื่องราวเปื้อนน้ำตาอยู่เสมอ โดยเฉพาะชะตากรรมอขงคนตัวเล็ก ๆ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ชีวิตก็ต้องพบกับความสิ้นหวัง
เหมือนเรื่องราวของลุงสอน อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 9 ตำบลหนอกะปุ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ลุงสอนพบกับความผิดหวังและเสียใจที่ต้องมานั่งร้องไห้และเก็บความทุกข์ไว้ในใจอยู่คนเดียว ภาพหลังน้อยอดีตสู่ให้เห็นว่าได้พบกับเหตุการณ์ความเสียใจที่ภรรยาต้องมาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยโรคเบาหวาน พร้อมมีลูกชาย 1 คน ก็เหมือนไม่มีลูกเพราะลูกชายต้องติดคุกอยู่ในความมืดมิดแห่งความเสียใจ ภายในปีเดียวกัน คือ ความรู้สึกแห่งความสูญเสียของลุงสอน ที่มีแต่การรอคอย การกลับมาของลูกชายที่จะได้พ้นความผิด การรอคอยที่นับวันแล้วนับวันเล่าของการกลับมาของลูกขายซึ่งเป็นความหวังอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของลุงสอน
นั่งนับวันการรอคอยการกลัยมาที่ต้องอยู่อย่างเดียวดาย ท้อแท้ และสิ้นหวังเหมือชีวิตหมดหวังแล้ว ณ บ้านทรงไทยหลังเก่า ๆ มุงสังกะสีที่มีรอยรั่วเต็มไปหมด เวลาฝนตกมีน้ำหยดทั่วบ้าน หม้อ กระป๋อง กะละมังวางรองน้ำเป็นแถว ใต้ถุนบ้านโล่ง มีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคู่ใจ มีวัวอยู่ 3 ตัว มีสุนัข 1 ตัวคอยเป็นเพื่อเล่นให้คลายเหงาลือความทุกข์โศกไปได้เป็นบางครั้ง ยามเย็นฝนตกพร่ำ ๆ เม็ดฝนโปรยโรยรายพร้อมก่อกองไฟ ไล่ยุงให้วัวเพื่อนคู่ใจ ลุงสอนนั่งรอด้วยสายตาระห้อยสายตากวาดมองซ้ายและขวากับ “วันที่รอคอย” ของลูกชายที่ชื่อน้อยทุกวัน ในยามที่เหงาตลอดเวลา เหมือนกายที่อยากเดิน แต่ใจเป็นอัมพาต ที่มีแต่คำว่า รอคอย
แล้ววันหนึ่ง ท่ามกลางพายุและความมืดมิดนั้น มือของความช่วยเหลือก็หยิบยื่นมาช่วยจุดเทียนให้ลุงสอนอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มและจริงใจด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ฉันเป็นจิตอาสาคู่ใจชาวบ้านโพธิ์ลอย ที่มีปรัชญาชีวิตประจำตัวว่า ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการทำงาน เป็นเรื่องราวของการทำความดี เพื่อในหลวงของเรา การทำความดีไม่จำเป็นต้องหวังให้ใครเห็นหรือรับรู้ เพียงแต่ตัวเรา มีความสุขจากการได้ทำความดี มีความสุขจากการให้การดูแลเพื่อนมนุษย์ และมีความสุขจากการได้ทำความดี มีความสุขจากการให้การดูแลเพื่อนมนุษย์ และมีความสุขจากการได้ช่วยเหลือและพัฒนาสังคม เหล่านี้เป็นสิ่งตอบแทนที่มีค่าที่สุด
จุดประกายไฟแห่งความดีในครั้งนี้เกิดจากพลังแห่งความสุขในใจด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และมีปณิธานการทำงานที่ได้รับจากคำสอนของคุณแม่ ด้วยการทำตนเป็นเหมือ “รวงข้าว” ที่อ่อนน้อม และโน้มลงสู่ชาวบ้านอยู่เสมอ
เมื่อฉันได้เข้ามาสัมผัสชีวิตของลุงสอน เปรียบเสมือนญาติมิตรที่ชิดใกล้ ได้รับรู้ในความรู้สึก ความทุกข์ที่ต้องอยู่เดียวดายไร้คนช่วยเหลือกับวัยชรา อายุ 75 ปี ที่ต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ รับจ้างดายหญ้า ก็พาให้ชีวิตอยู่รอดไปได้วัน ๆ ไม่มีเงินเหลือเก็บที่จะเป็นค่ารถในการเดินทางไปหาลูกชายยังเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี ลุงสอนต้องอยู่คนเดียวไร้คนพึ่งพิงต้องต่อสู้กับโรคประจำตัวที่ตนเองเป็นอยู่ คือ โรคความดันโลหิตสูง เป็นมา 4 ปี ถึงแม้โรคนี้จะไม่เป็นอันตรายในทันใด แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการให้กำลังใจ และดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ก็เป็นที่น่าสงสาร ผู้สูงอายุคนหนึ่งที่ต้องตกทุกข์ลำบากทั้งกาย และใจ เปรียบเหมือวงเวียนชีวิต ยามเจ็บป่วยก็ขาดคนดูแลเยียวยาพาไปโรงพยาบาล เวลาไปโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาก็ต้องจ้างเมล์เครื่องพาไป
“ฉัน” ผู้เป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ได้เอื้อมมือให้ความช่วยเหลือดูแลทุกข์สุขของลุงสอน หลังจากทราบวงเวียนชีวิตของลุงสอน แม้เทคโนโลยีวิทยาการรักษาโรคจะเจริญก้าวหน้าเพียงใด แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาทุกโรคให้หายขาดได้ อีกทั้งยังมีสัดส่วนของโรคใหม่ ๆ ที่ต้องหาทางรักษามากขึ้นด้วยเหตุนี้การรักษาและการเข้าถึง “ยาดี” แล้วสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ “กำลังใจ” เพื่อใช้ในการต่อสู้กับความทุกข์ การปรับตัวเพื่อรับกับการปรับเปลี่ยนสภาพร่างกาย ความไม่แน่นอนของชีวิต
“กำลังใจ” จึงเป็นยาขนายวิเศษที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้รับจากการกินยาหรือฉีดยา ฉันและครอบครัวได้ให้การช่วยเหลือไม่ว่าลุงสอนจะกิน นอน หรือเวลาเจ็บป่วย ให้การช่วยเหลือในนามของ 1669 ประจำหมู่บ้าน “บรรจง” ใครเจ็บป่วย ฉุกเฉิน เรียกขอความช่วยเหลือได้
ในยามตะวันรุ่งเช้า แสงทองส่องฟ้า เสียงไก่ขัน ฉันลุกขึ้นจากที่นอนไปบ้านลุงสอย เข้าไปถามไถ่เตรียมหาอาหารให้พร้อมหยิบจับเตรียมยา
ในยามเย็นกลับมาจากทำงานขี่รถมอเตอร์ไซด์ด้วยหน้าตื่นกังวลด้วยความห่วงใยใส่ใจได้เข้าไปพูดคุยเป็นกิจวัตร เพราะบ้านของลุงสอนอยู่ใกล้กันสามารถไต่ถามสารทุกข์ ทำให้การดูแลนั้นกระชับมากขึ้น เสมือนญาติในครอบครัวอีกหนึ่งคน
กิจวัตรประจำวันกับกิจกรรมการดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ในยามดึกเสียงฝนตกพร่ำ ๆ เม็ดฝนตกลงบนหลังคา เสียงอึ่งอ่างร้องลั่นทั่วท้องนา กลับมีเสียงคนพูดแทรกขึ้นมา
“แก่น โอ๊ย ! ช่วยด้วย! ปวดหัว พร้อมีเสียงอาเจียนออกมา และมีเสียงสั่นร้องคราง”
ได้ยินเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ บรรจงลุกขึ้นตะแคงหูฟังอยู่ข้างฝาบ้าน ในใจของฉันในตอนแรกรู้สึกกลัวไม่คิดว่าจะมีคนมาขอความช่วยเหลือ
“แก่น ได้ยินหรือเปล่า? ทำไมถึงปวดหัวอย่างนี้เนี่ย”
“ลุงสอนใจเย็นนะ ไม่ต้องตกใจกลัว ฉันใช้มือขวาประคองไหล่ปลอบโยน มือซ้ายพร้อมกดโทรศัพท์ หมายเลข 1669 โทรแจ้งของความช่วยเหลือจากหน่วยลริการการแพทย์ฉุกเฉิน
ทันใดนั้นเสียงไซเรนก็ดังขึ้นมาแต่ไกลห่างจากบ้านลุงสอนประมาณ 200 เมตร กึกก้องท่ามกลางความเงียบในยามดึก
“ลุงสอนรถโรงพยาบาลมาแล้วค่ะ”
ลุงสอนกวาดสายตามองไปที่หน้าบ้าน น้ำตาไหล พร้อมร้องด้วยความปวดต้องการได้รับการรักษาในทันใด
เสียงรถมาจอดเสียงเบรกดังเอี๊ยด ๆ เสียงปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นอยู่ในท่ามกลางความมืด พร้อมให้การพยาบาลกับลุงสอนและพาลุงสอนไปยังโรงพยาบาล จากผลการรักษาจากการตรวจจากแพทย์และพยาบาลทราบว่า ลุงสอนเกิดภาวะของความเครียด เหงา ไม่มีใครเป็นที่พึ่งพิง และให้คำปรึกษา ผสมผสานกับการมีโรคประจำตัว หลังจากกลับบ้าน ลุงสอนรู้สึกดีขึ้น และได้รับการคลายเครียด
ฉันยังคงห่วงใยในความรู้สึกห่วงใยและกังวล เพราะสีหน้าและสายตาที่ซึมของลุงสอนในยามที่เหงาอยู่คนเดียวก็เริ่มเป็นอีก บรรจงได้เข้าไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคลินิกการให้คำปรึกษาสุขภาพจิต โรงพยาบาลบ้านลาด ได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ ฉันจึงพาลุงสอนมาคลินิกให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต และพบกับเจ้าหน้าที่ในการให้คำปรึกษาในครั้งนี้ หลังจากกลับบ้านอีกครั้ง ลุงสอนได้บอกฉันว่า ชีวิตต้องมีความหวัง และไม่สิ้นหวังกับเรื่องร้ายในชีวิตต้องต่อสู้และอดทนกับการรอคอยให้ได้ ฉันได้ฟังแล้วรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ทำให้ผู้สูงอายุคนหนึ่งที่คิดว่าตนเองสิ้นหวัง เพราะคิดว่าชีวิตไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้วอย่างน้อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวดำ คนนี้ก็ทำให้โลกทั้งใบของคนคนหนึ่งมีรอยยิ้มเกิดขึ้นได้
“วันที่รอคอย” ก็มาถึงของลุงสอนก็มาถึงลุงสอน ลูกชายที่ชื่อน้อย วัย 37 ปี ได้รับการพ้นโทษจากเรือนจำกลาง อ้อมกอดของไอรักแนบอกทั้งสองมือกอดไหล่ของลุงสอนและลูกชาย คือสิ่งที่มีค่าที่สุด สำหรับลุงสอนคือการกลับมาของลูกที่คือดวงในน้อย ๆ ตลอดเวลา
การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของการปรับตัวทำความดีเพื่อพ่อและชุมชน คือ การมีอาชีพที่สุจริต พออยู่พอกินในสภาพเศรษฐกิจพอเพียงระดับหนึ่งด้วยการมีอาชีพรับซื้อของเก่าขาย เก็บตกบนถนน รับซื้อตามหมู่บ้านโดยการปั่นจักรยานลากรถเข็นคันเล็ก ๆ ด้วยรอยยิ้ม และความภูมิใจกับอาชีพของตนเอง และมีความสุขกับการได้ดูแลพ่อบังเกิดเกล้าที่ต้องอยู่คนเดียวมาเป็นเวลานาน
การเข้าใจและยอมรับจึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องกระทำโดยมีพื้นฐานการไม่แพ้ควบคู่เสมอ แม้ร่างกายจะดำรงอยู่กับโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่เราก็สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่แข็งแกร่ง สร้างสุขภาพจิตที่แข็งแรงได้โดยต้องใช้ความพยายามที่ตั้งมั่นอยู่บนกำลังในที่เข้มแข็ง ซึ่งพลังกำลังใจนี้เองที่จะได้รับจากมิตรภาพ ครอบครัว ผู้ใกล้ชิด และมิตรสหายผู้เข้าใจและเป็นตัวอย่างที่ดี
การบำบัด บำรุงกาย ด้วยมิตรภาพจากเพื่อมนุษย์ด้วยกัน จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยกันสร้างวงจรแห่งการช่วยเหลือกันเพื่อเสริมพลังชีวิต และจิตใจให้เข้มแข็ง ให้ชีวิตหลังภาพเป็นชีวิตใหม่ที่ส่งต่อคุณค่าต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ต่อไปอย่างไม่เคยสิ้นหวัง
ไม่มีความเห็น