พระอรรถกถาจารย์ได้ยกย่องการบำเพ็ญความเพียรของพระโพธิสัตว์ใน มหาชนกชาดก ว่าเป็นขั้นปรมัตถบารมี (ผู้สนใจต้องการอ่านทั้งหมด คลิกที่นี้) และสำหรับชาดกเรื่องนี้ในปัจจุบันได้รับการกล่าวถึงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระมหาชนก ฉบับพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๙ ซึ่งผู้สนใจอาจหาอ่านเพิ่มเติมได้ไม่ยาก ในบันทึกฉบับนี้จะนำเสนอเฉพาะส่วนสำคัญที่สุดในเรื่อง ซึ่งเป็นตอนที่พระมหาชนกโต้ตอบกับนางเทพธิดาเมขลาเท่านั้น...
จับตอนว่า พระมหาชนกเรือแตกก็ว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง โดยว่ายมาแล้ว ๗ วัน นางเทพธิดาเมขลาจึงมาลอยอยู่กลางนภากาศแล้วก็โต้ตอบกับพระมหาชนกตามความที่คัดมาดังนี้...
ในตอนนี้ ที่ว่าไม่เป็นหนี้ต่อบรรดาญาติ เทวดา และบิดามารดา นั้น หมายถึง ถ้าเรามีความเพียรพยายามในหน้าที่การงานจริงๆ แล้ว บรรดาญาติก็ไม่ขายหน้า ไม่เสียใจ ไม่อาจตำหนิติเตียนว่าทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียได้ เทวดาที่แอบลุ้นหรือต้องการจะช่วยเหลือก็อาจทำได้เต็มที แม้แต่บิดามารดาก็จักภูมิใจในความเป็นลูกของเรา เป็นต้น
เทพธิดาจึงอ้างเหตุผลว่า ถ้าทำไปแล้วไม่สำเร็จก็เหนื่อยเปล่า ไร้ประโยชน์ ทำนองว่า...
พระโพธิสัตว์จึงกล่าวแก้เทพธิดาว่า ถ้าสำคัญว่าไม่สำเร็จแล้วไม่ทำก็จะรู้ผลแห่งความเกียจคร้าน ขณะที่บางคนตั้งใจทำอย่างเต็มที่ แม้จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ซึ่งในกรณีนี้ พระโพธิสัตว์ได้ชี้ให้เห็นว่า คนอื่นๆ ในเรือนั้นตายหมดแล้วเพราะไม่มีความพยายาม ขณะที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ และเพราะความพยายามนี้เอง ทำให้พบเทวดามาปรากฎอยู่ข้างหน้า...
แล้วก็ยืนยันว่า พระองค์จะพยายามต่อไป... เทพธิดาศรัทธาในความเพียรพยายามของพระโพธิสัตว์จึงบอกว่า
โดยความเพียรพยายามของพระโพธิสัตว์ในการว่ายน้ำเพื่อให้ถึงฝั่งโดยไม่ย่อท้อ ประมาณนี้ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นความเพียรชั้นปรมัตถ์ คือ เป็นการบำเพ็ญความเพียรขั้นสูงสุด
กราบนมัสการ พระคุณเจ้า
มาอ่านบันทึกนี้ก่อนทำงาน
บุคคลที่ทำความเพียร...แม้นจะรู้ว่า หนทางข้างหน้า ยังมองไม่เห็น
ความเพียร...สอนเราได้ หลาย ๆ อย่าง
คนอื่นๆ จมในมหาสมุทรหมด เราคนเดียวยังว่ายข้ามอยู่ และได้เห็นท่านมาสถิตอยู่ใกล้ๆ เรา เรานั้นจักพยายามตามสติกำลัง จักทำความเพียรที่บุรุษควรทำ ไปให้ถึงฝั่งแห่งมหาสมุทร
เป็นถ้อยความ..ที่พิจารณาเห็นงามด้วย....ธรรม....เป็นที่สุด
กราบนมัสการ ด้วยความเคารพ