จากการที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ
ได้จัดประชุมเรื่อง การพัฒนามาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งมี
ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านได้มาให้ข้อคิด
และแนวทางในการพัฒนามาตรฐานการประกันคุณภาพของอาชีวศึกษา ไม่ว่า
จะเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน
(นายมังกร หริรักษ์)
ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษา
(นายสมบัติ แสงสว่างสัจกุล)
และอนุกรรมการการอาชีวศึกษาด้านการส่งเสริมสนับสนุน
กำกับ ดูแล
ตรวจสอบและประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและสถาบันการอาชีวศึกษา
(นายสนอง อิ่มเอม)
เป็นบุคคลภายนอกที่ทำงานเพื่อพัฒนาการอาชีวศึกษา
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะข้อคิดต่าง ๆ
ของอนุกรรมการการอาชีวศึกษาฯ มีเรื่องน่าสนใจดังนี้
uu ผู้ประเมินคุณภาพภายนอก (สมศ.) ยังทำงานในลักษณะของกัลยาณมิตร มีความเข้าใจในตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินสถานศึกษาอาชีวศึกษา และจะเป็นผู้ที่มาจากกลุ่มหลากหลายอาชีพมากขึ้น ไม่กระจุกเฉพาะคนให้แวดวง สอศ. หรือสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนทางวิชาชีพ เท่านั้น
uu จำนวนมาตรฐานและตัวบ่งชี้ จากของเดิม 6 มาตรฐาน 25 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ การประกันคุณภาพภายใน คุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษา การจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา นวัตกรรมและการสร้างองค์ความรู้ของอาจารย์และนักศึกษา การให้บริการทางวิชาการต่อชุมชนและสังคมและการบริหารและการจัดการ จะลดจำนวนลง แต่มีความเข้มข้น ในแต่ละตัวมากขึ้น ซึ่งของใหม่นั้นคร่าว ๆ จะเป็นเรื่อง การประกันคุณภาพภายใน ที่ยังมีความสำคัญและเป็นหัวใจของเรื่องนี้ คุณภาพของนักเรียน/นักศึกษาที่จบ สมรรถนะของวิชาชีพ การทดสอบมาตรฐานวิชาชีพ โดยมีหน่วยงานภายนอกเข้ามามีบทบาท การวิจัยนวัตกรรม ยังคงอยู่ การบริการทางวิชาการฯ จำนวนอาจจะเป็น 5-10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อาชีวศึกษาได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้
uu จำนวนสถานศึกษาที่ได้รับการประเมินภายนอกรอบ
2 ในกลุ่มของ
สอศ. มีจำนวนรอพินิจ และไม่ผ่านหลายแห่ง และ สอศ.
โดยผู้บริหารระดับสูงเห็นถึงความสำคัญ
และพยายามช่วยกันผลักดันที่จะพัฒนาสถานศึกษาเหล่านั้น อย่างไรก็ดี
สอศ.
ก็อยู่ในระดับที่ดีกว่าของหน่วยงานอื่น
uu การประกันคุณภาพ ยังเป็นงานประจำ (routine) ทุกคนมีส่วนร่วม ผู้ปกครอง ชุมชนต้องรู้และเป็นมาตรฐานเดียวกัน การสร้างระบบการประกันไม่ใช่มีห้องประกันคุณภาพ แต่งตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพ มีหัวหน้าประกันคุณภาพ แต่ไม่เห็นถึงระบบของการประกันที่ทุกคนต้องร่วมกันในการพัฒนา เช่น การใช้หลัก PDCA ในการทำงาน หรือ บุคลากรยังตอบคำถามเรื่องการประกันไม่ชัดเจนและความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
uu สถาบันการอาชีวศึกษา
สอศ. จะต้องเตรียมบุคลากรเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น
ๆ ทั้งจะต้องใส่ใจ คุณภาพของนักเรียน/นักศึกษา บุคลิกภาพของการเป็นนักเรียน/นักศึกษาอาชีวะที่ต้องให้สังคมยอมรับให้ได้
การประเมินผลต้องมีมาตรฐานเทียบเท่ากับสถาบันการศึกษาอื่น
ๆ เช่น การคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ
คงไม่ต้องให้พิสูจน์ตั้งสอง-สามครั้ง ถึงจะผ่านเกณฑ์
ดังที่เราได้รับทราบข้อมูลจากที่แล้วมา
และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ
นั้นคือ ข้อคิด
สำหรับคนที่เคยอยู่ในแวดวงอาชีวศึกษา
และยังทำงานเพื่อพัฒนาอาชีวศึกษาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
การปรับเปลี่ยนมาตรฐานการประกันคุณภาพ
เป็นเรื่องที่จะต้องให้เข้ากับยุคสมัย และพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้จะเป็นมาตรฐานใหม่ อย่างไรเสีย
การประกันคุณภาพก็ยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นที่ทุกวงการศึกษาที่บ้านเราต้องให้ความสำคัญ
เช่นเดียวกับประเทศในแถบเอเซียที่ระบบการศึกษาได้พัฒนาก้าวล้ำหน้าไทยหลายประเทศ
ก็ถือว่า เป็นเรื่องลำดับต้น ๆ
ที่ให้ความสำคัญและทำกันมานานแล้วเช่นกัน
นางสาวพิมพร
ศะริจันทร์ ศึกษานิเทศก์ เขียนวันที่ 5 สิงหาคม
2552
จากการเข้าร่วมประชุมพัฒนามาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา
ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ วันที่ 24
กรกฎาคม 2552
บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ
ผู้ที่จะนำบทความ
รูปภาพไปตีพิมพ์ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียนเท่านั้น
ผลงานและสิ่งพิมพ์ของผู้เขียน
ปรับปรุงข้อมูล วัน
พฤหัสบดี,
06 สิงหาคม 2552
ติดต่อผู้เขียนที่ [email protected]
ไม่มีความเห็น