คำสอนของพระมหาสมปองมีเพื่อนส่งมาให้เห็นว่าสอดคล้องกับสถานการณืปัจจุบันจึงขอคัดลอกมาไว้ให้ได้เรียนรู้
โดยพระมหาสมปอง
ตาลปุตฺโต
อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด!
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน
ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลายๆ คน
เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน
ซึ่งจากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มีความสุขก็มีปัจจัยมากมาย
เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่
หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย
ฯลฯ
โดยจะว่าไปแล้ว บ! ริษัทก็เหมือ นกับบ้านหลังที่สองของเรา
บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ ้านซะอีก
เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม
วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ)
วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ
จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากๆ
อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า
ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
'
ไม่เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้
มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า
เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้
... แต่ผมให้เข้าครับ ' (
แล้วไป)
อาตมาจึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร
มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น
ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง
จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข
(แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)
ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติ!
โยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้า แล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงาน แล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ
เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน !
อยากทำงาน ! ดังนั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด
เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน
เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้
ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด
เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น
อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (
ป.อ.ประยุตฺโต)
ในหนังสือเล่มหนึ่ง
ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า
งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผลตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก
นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง ซึ่งหลายๆ
คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว
แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ
อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น
ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร..
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ
ยินดีมากครับ
ใช่ครับ บางทีก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เราต้องยืนหยัดในการทำดี เห็นคุณค่าในอาชีพของตนเอง มองโลกในแง่ที่ดี ความสุขอยู่ที่ใจครับ
อยากถามพระมหาสมปองว่า การทำบุญโดยโดนเงินเข้าบัญชีเราไม่ได้โมทนาเงินโดยตรงเพราะต้องโอนไป จะได้บุญหรือไม่ หนูโอนเงินไปทำบุญที่หลวงปู่เณรคำ จ.ศรีสะเกษ มีคนว่าหนู ว่าไม่ได้บุญเพราะเป็นการโอนเงินไม่ได้ไปทำด้วยตนเอง ก็ไปลำบากค่ะไกล ช่วยกรุณาตอบหน่อยได้มั๊ยค่ะ