“กำลังใจจากหมอยา”


“กำลังใจจากหมอยา”

ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบของเช้าวันเสาร์  วันหยุดของคนส่วนใหญ่  แต่สำหรับเราแล้วมันเป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติงานกับการอยู่เวรนอกเวลาราชการ  เสียงเพลงชาติแว่วมาแต่ไกล  พร้อมกับการเดินทางมาถึงห้องยาพอดี  ลงมือทำงานด้วยจิตใจที่เบิกบาน  พร้อมให้บริการเต็มที่  เมื่อทำงานบริการผู้ป่วยนอกได้สักพัก  แบ่งเวลาเข้าไปซักประวัติยาเดิมของคนไข้ที่ตึกผู้ป่วยใน  หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในส่วนนี้  ได้รับรายงานจากพยาบาลให้สอนคนไข้เตียง  11  พ่นยา  ไม่รอช้ากลับมาเตรียมอุปกรณ์ในการสอนพ่นยาครบชุด  เมื่ออุปกรณ์  ความรู้และความมั่นใจถูกเตรียมพร้อม  เดินกลับเข้าไปในตึกผู้ป่วยในอีกครั้ง  มุ่งตรงไปที่เตียง  11  ทันที  เมื่อถึงเตียงผู้ป่วย  พบชายชรานั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าวิตกกังวล  ฉันจำได้ว่าชายคนนี้เป็นคนไข้ประจำของเรานี่เอง  ต้องทำ Reconcile  ทุกครั้งที่มานอนโรงพยาบาล

            อ้าว  ลุงเงินนี่เอง  เป็นยังไงค่ะ  เห็นพยาบาลบอกหนูว่า  ลุงพ่นยาไม่ถูก

            ลุงเงินพยักหน้าเจื่อน    เพราะการมานอนโรงพยาบาลบ่อยครั้งของลุง  น่าจะทำให้พ่นยาได้ถูกต้องนะ

            หนูนึกว่าลุงพ่นยาได้ซะอีก  ใช้ยาพ่นเป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ  ไหนลุงเงินลองพ่นยาให้หนูดูซิค่ะ

            ลุงเงินหยิบยาขึ้นมาพ่นให้ดูด้วยความลังเล  ระคนกับความกลัวที่เราสังเกตได้  เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงลงมือสอนลุงเงินพ่นยาด้วยกลยุทธ์ที่ได้สั่งสมมาจากการร่ำเรียนเจ้าพนักงานเภสัชกรรมบวกกับประสบการณ์  โดยการใช้แผ่นภาพสอนการพ่นยามาประกอบด้วย  เหลือบเห็นลุงเงินฟังและดูด้วยความตั้งใจ  จากนั้นให้ลุงทำให้ดูอีกครั้ง  ลุงเงินพอจะทำได้แล้ว  ความกลัวกลดลง  แต่ฉันไม่ได้หยุดนั่งเพียงเท่านี้  หมั่นเดินเข้าไปหาลุงเงินที่เตียงเพื่อให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลุงเงิน  เมื่อถึงเวลาที่จะต้องพ่นยาให้หมอดูอย่างถูกต้อง  ฉันเข้าไปแตะแขนเบา    และบอกกับลุงว่า 

ลุงเงินไม่ต้องกลัวนะ  ลุงทำให้หมอดู  เหมือนเวลาที่ทำให้หนูดูแบบนี้ละจ๊ะ  ลุงเงินเก่งต้องทำได้แน่ 

เมื่อหมอเดินมาถึงเตียงลุงเงิน

อ้าวเจ้าหน้าที่ห้องยา  มาสอนลุงเงินพ่นยาเหรอ  ลุงเงินพ่นยาเก่งแล้วละซิ  ไหนลองพ่นให้หมอดูสิ

ลุงเงินหุบยิ้มลงทันที  หน้าผากเริ่มย่นเข้าหากัน  มือเริ่มสั่น  เม็ดเหงื่อผุดออกมาจากปลายจมูกของลุงเงิน  บ่งบอกให้เรารู้ว่า  ลุงเงินกำลังกลัวหมอ  เอื้อมมือไปแตะมือลุงเงินเบา    พร้อมพูดว่า

ไม่เป็นไรนะ  หนูจะยืนอยู่ข้าง    ลุงเงิน  ไม่ต้องกลัวนะค่ะ  หนูมั่นใจว่าลุงทำได้แน่ 

สีหน้าลุงเงินเริ่มดีขึ้น  หันมาสบตา  รอยยิ้มเริ่มปรากฏที่มุมปากของลุงเงิน  พร้อม    กับรอยยิ้มที่เราส่งกลับไปให้กำลังใจลุงอีกครั้ง  ค่อย    ยื่นอุปกรณ์พ่นยาให้ลุงเงิน  ลุงเงินรับมันมาแล้วทำการพ่นยาให้หมอดูทันที  มือลุงเงินยังสั่นอยู่นิด 

ลุงเงินลุงทำได้นี่นา  แล้วทำไมวันแรกลุงพ่นยาไม่ได้ละ

ลุงไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้หมอ  หมอเดินไปยังเตียงข้าง    เหลือเพียงเรากับลุงเงินเพียงลำพัง

เฮอ!  ค่อยสบายใจหน่อย  หมอบอกลุงทำได้  ลุงกลัวแทบแย่  ขอบใจนะอีหนูที่ช่วยสอนลุง  และให้กำลังใจลุง  ต่อไปนี้ลุงจะไม่กลัวหมออีกแหละ  ลุงมั่นใจแล้วว่าลุงทำได้

รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก  สอนลุงพ่นยาได้ถูกต้องแถมยังทำให้ลุงเลิกกลัวหมอได้อีกด้วย  ต่อไปนี้ไม่ว่าหมอจะให้ลุงเงินทำอะไรลุงเงินคงให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างเต็มที่  เพื่อสุขภาพของลุงเอง

หากวันนั้นเรามองแค่เพียงว่า  ลุงพร่องความรู้  เราคงได้แค่เพียงเติมเต็มความรู้โดยไม่ได้มองลึกไปถึงจิตใจเหมือนเช่นในวันนี้ที่เราได้รู้แล้วว่าความกลัวที่มีอยู่ในความรู้สึก  อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาได้  แต่เมื่อใดที่เรามองจนครบทุกด้าน  เราจะสามารถดูแลทั้งกายและใจของเขาได้เป็นอย่างดี  ยาเพียงอย่างเดียวไม่อาจช่วยให้หายดีได้  ถ้าขาดการเยียวยาที่จิตใจ

หมายเลขบันทึก: 286117เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 11:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท