ที่สุดของชีวิตก็แค่นี้


ที่สุดของชีวิตก็แค่นี้

หมอ!  ฉีดยา  เอาฟีแนคนะ  ชายรูปร่างผอมสูง  ผิวคล้ำ  เดินเข้ามาทางประตูห้องฉุกเฉิน  เมื่อหันไปตามเสียงนั้น  ทุกคนจะรู้จักชายผู้นี้ดี  เขาคือ  สำรองนี่เอง

            สำรอง  เป็นผู้รับบริการของคลินิกนภา  รับยาต้านไวรัสมานาน  6  เดือน  แต่ตรวจพบว่าติดเชื้อมานานประมาณ  4  ปี  หลังเจาะเลือดแล้วทราบว่าติดเชื้อ  สำรองยังไม่ยอมรับผลการตรวจเลือด  และไม่กลับมาที่โรงพยาบาลอีกเลย  จนกระทั่งเวลาผ่านไป  3  ปี  อยู่มาวันหนึ่ง  สำรองมาโรงพยาบาลด้วยอาการเป็นไข้  ปวดศีรษะมาก  หมอจึงให้นอนโรงพยาบาล  นอนได้ไม่กี่วัน  อาการทะเลา  กลับบ้านได้และยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส  เมื่อกลับไปบ้านสำรองจะอยู่บ้านกับบิดา  มารดา  พร้อมด้วยบุตรสาวอีก  1  คน  เนื่องจากภรรยาของเขาได้ทิ้งเขาไปแล้ว  หลังจากนั้นไม่กี่วัน  สำรองก็กลับมาด้วยอาการปวดศีรษะอีก  ในขณะนั้นสำรองยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส  และในการมาโรงพยาบาลครั้งที่  2  นี้เอง  สำรองเป็นไข้สูง  ปวดศีรษะ  ซึม  มานอนโรงพยาบาลบ้านลาดอยู่  5  วัน  อาการปวดศีรษะไม่ดีขึ้นเลย  สำรองปวดศีรษะทุกวัน  ปวดมากขึ้นเรื่อย    จนทนไม่ไหว  แพทย์ตัดสินใจส่งสำรองไปรักษาโรงพยาบาลทั่วไป  เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะ  ซึ่งแพทย์สงสัยว่าจะติดเชื้อราที่สมองซึ่งสำรองไม่ค่อยอยากไป  ฉันได้พูดคุยให้กำลังใจ  แพทย์ก็ได้อธิบายแผนการรักษาและเหตุผลของการไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลทั่วไป  ที่สุดสำรองก็ยินดีไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลทั่วไป  ซึ่งไปรถ Refer ของโรงพยาบาล  จะมีพยาบาลไปด้วย  สำรองมีกำลังใจในการจะไปรักษา  และมีความหวังว่าจะหายเป็นปกติ

            สำรองอยู่โรงพยาบาลได้  15  วัน  ขณะนอนมีอาการปวดศีรษะ  หมอไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร  ปวดหัวทุกวันเลย  ปวดมาก  หมอบอกว่า  ถ้าอาการปวดหัวไม่หายจะเจาะหลังให้

            สำรองนอนอยู่โรงพยาบาลทั่วไปอยู่หลายวัน  หลายคืน  วันเวลาผ่านไปอาการปวดศีรษะทุเลาแล้ว  แพทย์ให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน  สำรองกลับมาพักที่บ้าน  พร้อมด้วยแผลกดทับที่สะโพกทั้ง  2  ข้าง  ขนาด  3 ซม.    แผลแดงดีและก้นกบขนาดประมาณ  10  ซม. แผลดำแข็ง  รอบ    แผลซีด    ปนแดง  สำรองทำแผลเองที่บ้านได้  2  วัน  ก็ต้องกลับมาที่โรงพยาบาล  ฉันเห็นใจสำรองมาก  สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดในขณะทำแผลภานั้นติดตาฉันมาก

            สำรองรูปร่างผอม  เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก  ตาเหม่อลอย  ถามไม่คอยตอบ  อ่อนเพลีย  ซึม  มีแผลปิดผ้าก๊อซไว้ที่ก้น  นอนบนเปลนอนที่ยกไม้กันเตียงไว้ทั้ง  2  ข้าง  ห่มผ้าสีเขียวพร้อมของใช้จิปาถะใส่ถุงพลาสติกไว้วางไว้ด้านใต้เปลนอน  ที่แสดงว่ามาโรงพยาบาลครั้งนี้ต้องนอนโรงพยาบาล  หมอ  กลับไปอยู่บ้านลูกชายผมกินข้าวไม่ได้เลย  ไม่พูดไม่จา  ผมจึงต้องพาโรงพยาบาลอีก  บิดาของสำรองกล่าว  อาการของสำรองไม่ค่อยดี  ฉันดูแล้วจึงตัดสินใจปรึกษากับแพทย์  ให้เจาะเลือด  ฉันเจาะเลือดและให้น้ำเกลือสำรอง  สำรองนอนสังเกตอาการอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน  พร้อมทั้งรอผลเลือดระหว่างรอฉันชวนพูดคุยให้กำลังใจอยู่เรื่อย    ผ่านไป  30  นาที  ก็ได้ผลเลือด  ผลการตรวจพบว่าสารน้ำในร่างกายไม่สมดุล  และความเข้มข้นของเลือดก็ต่ำ  ด้วยความห่วงใย  แพทย์จึงตัดสินใจส่งตัวสำรองไปรักษาที่โรงพยาบาลทั่วไปอีกครั้ง  โดยที่ฉันเป็นคนไปส่ง  เมื่อพูดถึงคำว่าส่งตัวไปรักษาต่อสำรองมีสีหน้าวิตกกังวล  และเครียด  บ่นว่าไม่อยากไป  ฉันได้ตอบให้กำลังใจ  นับมือสำรองไว้  มือนั้นเย็นเฉียง  เหลือแต่หน้าที่มีแต่รอยด่างดำ  และอธิบายเหตุผลของการรักษาพร้อมเสริมพลังอำนาจจนกระทั่งสำรองยินดีไปรักษาต่อ  ครอบครัวสำรองมีส่วนร่วมในการดูแลตลอดทางที่ได้  มารดาและบิดาพร้อมบุตรของสำรองก็ได้นั่งให้กำลังใจสำรองไปในรถด้วยจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลทั่วไป

            ครั้งนี้แพทย์ได้เจาะหลังให้สำรองเนื่องจากสำรองมีอาการปวดศีรษะตลอด  และได้เลือดไป  2  ถุง  น้ำเกลืออีกหลายถุง  จนเกลือแร่ในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ  หมอเจาะท้องให้ผมแต่หมอบอกว่าไม่เจอเชื้อ  แต่หมอก็ให้ยาที่ผสมในน้ำเกลือ  พอผสมแล้วน้ำเกลือจะเป็นสีเหลือง    ผมนอนให้ยาอยู่  10  กว่าวัน  หมอบอกว่า  ลองดู  ถ้าให้แล้วอาการดีขึ้นแสดงว่าติดเชื้อที่สมอง  พอให้แล้วอาการผมหายไปเลย  อาการที่ดีวันดีคืนของสำรองดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อหลังได้รับยา  พออาการดีขึ้นมาทางโรงพยาบาลทั่วไปให้กลับมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลของฉัน  และทำแผลต่อ  สำรองนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อทำแผลทุกวัน  จนแผลดีขึ้น  หลังจากนั้นสำรองก็มาทำแผลที่ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินทุกวัน  สำรองเดินได้เอง  แผลแคบลงมากเหลือแต่แผลที่ก้นประมาณ  5  ซม.  แผลแดงดี  ฉันได้แนะนำเรื่องการรับประทานอาหาร  การดูแลแผล  เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ  สำรองปฏิบัติตัวตามได้เป็นอย่างดี  ประมาณ  1  เดือน  แผลก็หายสนิท  และเข้รามารับยาต้านในคลินิกอย่างต่อเนื่อง  สำรองสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข  2  เดือนต่อมา  สำรองต้องกลับมาโรงพยาบาลบ้านลาดอีกครั้ง  ด้วยอาการปวดศีรษะ  อาเจียน  แพทย์ก็ให้นอนโรงพยาบาลอีก  อาการปวดศีรษะของสำรองเป็น    หาย    และเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำแทบทุกวัน  บางวันสำรองมาโรงพยาบาล  1  ครั้ง  2  ครั้ง  หรือบางทีมามากกว่านั้น  ทุกครั้งที่เดินเข้ามา  สำรองหน้านิ่ว  คิ้วขมวด  หมอ! ปวดหัว  เป็นคำพูดที่สำรองต้องพูดทุกครั้งเมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน  และจะเดินขึ้นเตียงนอนรอเพื่อฉีดยา  สีหน้าที่บ่งบอกถึงความทุกข์ทรมาน  และความเจ็บปวด  ฉันได้ให้กำลังใจสำรองและให้สำรองฝึกบรรเทาความเจ็บปวดไปด้วย

            หมอและพยาบาลคุยกัน  สำรองก็ได้ยินว่าหมอฉีดยาอะไรให้  สำรองจำได้ว่าเป็นยา  ฟีแนค  หลังจากนั้นมาสำรอง  เดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินก็จะบอกว่า  หมอ! ฟีแนคนะ  แพทย์ได้ให้ฉีดฟีแนคช่วงแรก  อาการของสำรองทุเลา  และกลับบ้านได้  ฉีดบ่อยครั้งเข้าฟีแนคเริ่มไม่หายปวดศีรษะ  ฉันคิดและพยายามค้นหาสาเหตุของการปวดศีรษะ  จึงได้ปรึกษากับแพทย์  ได้เขียนใบส่งตัวเพื่อพบแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรมที่สำรองเคยรักษาอยู่  แต่เมื่อไปแล้ว  สำรองไม่ได้พบแพทย์คนเดิมแล้ว  แพทย์ก็ให้ยาตามอาการและให้กลับบ้านได้  เมื่อกลับมาบ้านอาการก็ไม่ทุเลา  สำรองจึงตัดสินใจกลับมาที่โรงพยาบาลของฉันอีกครั้ง  ด้วยอาการปวดศีรษะและบอกว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลทั่วไปอีก  ที่โรงพยาบาลของฉันแพทย์ฉีดฟีแนคและเริ่มให้ยาเพ็ดธิดีนควบคู่กัน  เมื่อฉีดอาการทุเลาและสำรองก็กลับบ้านได้

            อาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้น  สำรองยังคงวนเวียนมาแดยาที่ห้องฉุกเฉินไม่เว้นแต่ละวัน  ฉันได้อธิบายผลเสียของการฉีดยาบ่อย    และอกการข้างเคียงของยา  และทบทวนเรื่องการบรรเทาอาการเจ็บปวด  แต่ดูเหมือนว่าสำรองไม่สนใจคำอธิบายของฉันแล้ว  คำอธิบายใช้ไม่ได้ผล  เนื่องจากสำรองรับรู้แต่ว่าตนเองเจ็บปวดจนทนไม่ไหว  สำรองจึงตัดสินใจไปรับประทานยาต้มเพราะเพื่อนบ้านบอกว่าดี  กินแล้วหาย  สำรองก็เชื่อ  เมื่อฉันได้พบสำรองอีกครั้ง  สำรองหน้าตาบวมไปหมดแต่อาการปวดศีรษะก็ไม่ได้ทุเลาเบาบางเลย  ฉันจึงแนะนำให้เลิกยาต้มและให้ความรู้เรื่องการใช้ยาต้มพร้อมทั้งผลเสีย  และให้กำลังใจ  ให้ครอบครัวสำรองมามีส่วนร่วมในการดูแล  สำรองตัดสินใจเลิกยาต้ม  และฉันได้ปรึกษากับแพทย์อีกครั้งเพื่อต้องการให้สำรองได้รับการรักษาที่ถูกวิธีและถูกโรค  แพทย์เห็นด้วยจึงได้ส่งสำรองไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทั่วไปอีกครั้ง

            และแพทย์ก็เจาะหลังให้อีกแต่ก็ไม่พบเชื้อ  สำรองกลับมาพักฟื้นที่บ้านยังคงมีอาการปวดศีรษะทุกวัน  ดังนั้นสำรองจึงวนเวียนมาที่ห้องฉุกเฉินเป็นประจำเพื่อฉีดยาแก้ปวดศีรษะ

            เสียงรถดังมาแต่ไกลรับมาด้วยความเร็วสูง  เมื่อถึงหน้าห้องฉุกเฉินเสียงเบรกดังเอี๊ยด  ฉันรีบวิ่งไปดู  พอเปิดประตูรถพบว่าเป็นสำรอง  หมอช่วยที  ปวดหัวมากเลย  เสียงบิดาของสำรองกล่าว  ฉันมองไปที่เบาะรถพบสำรองร่างกายผ่ายผอม  หน้ายุบบวม  แต่ยังมีอาการบวมเหลืออยู่เล็กน้อย  สำรองนอนหลับตา  คิ้วขมวด  เอามือทั้ง  2  ข้างกุมที่ศีรษะ  อ่อนเพลีย  และคนเข็นเปลช่วยกันอุ้มสำรองลงจากรถ

            วันนี้สำรองปวดศีรษะมากอีกหมอ  ดูแล้วอาการไม่น่าจะนอนที่โรงพยาบาลของฉันได้  จึงส่งไปรักษาต่อโรงพยาบาลทั่วไป  แต่สำรองไม่อยากไป  ไปหมอก็ไม่ได้ทำอะไรให้  ขอฉีดยาแล้วกลับบ้านดีกว่า  ฉันเห็นว่าครั้งนี้อาการของสำรองแย่กว่าทุกครั้ง  ฉันจึงพูดคุยให้กำลังใจพยาบาลอธิบายถึงผลดีของการไปรักษาต่อ  จนสำรองใจอ่อน  สำรองตัดสินใจที่จะไปโรงพยาลทั่วไปอีกครั้ง  ฉันได้ไปส่งสำรองที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั่วไป  หลังจากนั้น  สำรองก็เข้านอนโรงพยาบาล  เมื่อไปนอนอยู่  สำรองยังคงมีอาการปวดศีรษะทุกวัน  และปวดมากขึ้น  จนสำรองทนไม่ไหว  บิดาของสำรองเล่าว่า  หมอไม่ได้ให้ยาสีเหลืองที่ผสมในน้ำเกลือเลย  เพราะว่าหมอบอกว่าไม่เจอเชื้อ  แต่ผมว่าถ้าให้อาการคงจะดีขึ้น  ดังนั้น  บิดาของสำรองจึงขอให้แพทย์ส่งตัวสำรองไปรักษาต่อโรงพยาบาลศูนย์  แต่หมอไม่ให้ไป  สีหน้าที่แสดงความวิตกกังวลของบิดาเล่าให้ฉันฟังว่า  ลูกผมมันแย่แล้ว  คงไม่ไหว  ผมจึงได้ขอหมอเพื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์  จนกระทั่งหมอให้ไปแล้ว  แต่ยังไม่ได้ไปเลย  ตอนเช้าวันนั้นลูกชายผมปวดศีรษะมาก  จนไม่รู้สึกตัว  และสุดท้ายลูกชายผมก็...สิ้นลม  ผม...ไม่มีลูกชายที่ชื่อสำรองอีกแล้ว  ขอบคุณมากนะหมอที่ดูแลให้กำลังใจครอบครัวของผมโดยไม่รังเกียจ  น้ำตาที่อาบแก้มทั้ง  2  ข้างของบิดา  มารดาของสำรอง  สีหน้าที่เศร้าหมอง  บ่งบอกถึงความโศกเศร้าของครอบครัวสำรอง  สำรองได้จากโลกนี้และทุกคนไปอย่างสงบ...ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอีกต่อไป  จงสู่สุขคติเถิด

 

หมายเลขบันทึก: 286126เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 12:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีคะ

อ่านชีวิตของสำรองแล้ว เศร้ามากๆคะ

เขาคงทรมานมากมายเหลือเกิน

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าของบ้านลาดนะคะ

เรื่องนี้ได้บทเรียนหลายอย่าง การส่งต่อ การให้ความหวังแก่คนไข้ หรือความหวังแก่พ่อคนไข้ในการรักษาที่ยาวนาน

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท