ครั้งหนึ่งกับความภูมิใจในวิชาชีพพยาบาล


ครั้งหนึ่งกับความภูมิใจในวิชาชีพพยาบาล

ลุงยิ่งเป็นชายชรา รูปร่างผอม ผิวค่อนข้างคล้ำ สูงคงไม่เกิน 160 เซนติเมตร ถ้าลุงยิ่งยังมีชีวิตอยู่ ปีนี้ก็อายุ 78 ปี แล้ว มีโรคถุงลมโป่งพองเป็นโรคประจำตัว และจะขับรถมอร์เตอร์ไซด์มาโรงพยาบาลเองทุกครั้ง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อมารับยาต่อเนื่อง บางครั้งก็ต้องนอนโรงพยาบาล ปีละประมาณ 5 ครั้ง เป็นอย่างน้อย เวลาลุงยิ่งมานอน ที่ตึกผู้ป่วยใน ในช่วงเช้าของตึก จะมีการฝึกบริหารร่างกายกันประมาณ 10-15 นาที จะเป็นท่าบริหารร่างกายง่าย ๆ ลุงยิ่งจะทำอย่างเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง แต่ด้วยสภาพโรค ก็จะทำได้ประมาณ 5 นาที ก็จะหอบเหนื่อย ฉันก็จะแซวลุงยิ่งบ่อย ๆ ให้ค่อย ๆ ทำ ไม่อย่างนั้นจะทำไม่ครบทุกท่า ลุงยิ่ง บอกว่าจำได้ทุกท่าแล้ว และช่วงบ่ายจะเป็นการฝึกท่ากายบริหารสำหรับโรคถุงลมโป่งพอง โดยผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองจะได้รับการฝึกเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่กายภาพ และให้ไปฝึกต่อที่บ้าน สำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองที่มานอนโรงพยาบาล ทางด้านฝั่งผู้ชาย ฉันจะให้ลุงยิ่งเป็นผู้นำในการฝึกบริหารร่างกาย โดยให้ผู้ป่วยรายอื่น ทำตามหรือทำไปพร้อมกับลุงยิ่ง โดยท่าทางลุงยิ่งจะมีความสุขมาก จะเป็นผู้นำด้วยเสียงอันดัง และบอกให้ทุกคนกลับไปทำที่บ้าน ช่วงหลัง แพทย์นัดมาเอายาห่างขึ้น รับยาแล้ว ก็กลับบ้าน ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 2 ปีได้

               ช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคม 2551 เป็นวันเสาร์ช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ฉันเดินผ่านตึกผู้ป่วยในนอกของโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เห็นลุงยิ่งยืนอยู่หน้าลิฟท์คนเดียว สะพายย่ามคล้ายพระ ถือถุงส้ม 1 ถุง พอฉันก็ยิ้มเดินมาทัก หลังคุยกันจึงรู้ว่า มาเยี่ยมคนข้างบ้าน อยู่ห้องพิเศษชั้น 7 ขี่มอร์เตอร์ไซด์ล้มมารู้จักชื่อเล่น บ้านอยู่ข้างวัดหนองแก และท้ายที่สุด ขึ้นลิฟท์ไม่เป็น ฉันจึงพาลุงยิ่งขึ้นลิฟท์ไปชั้น 7 สอบถามพยาบาลที่เคาร์เตอร์ตามข้อมูลที่ได้รับจากลุงยิ่ง ฉันพาไปที่ห้องผู้ป่วย ให้เห็นหน้าผู้ป่วยเพื่อให้แน่ใจว่าใช่ผู้ป่วยที่มาเยี่ยมหรือไม่พอเปิดประตู ที่เจอกับคนข้างบ้าน สรุปว่าพาเยี่ยมถูกห้อง ฉันถามว่าจะกลับบ้านอย่างไร เดี๋ยวกลับกับคนข้างบ้านที่มาเยี่ยม ก่อนกลับลุงยิ่งหยิบส้มในถุง ชั่งคงไม่เกิน 10 ลูก ให้ฉัน 2 ลูก บอกว่าถ้าไม่ได้หมอ ไม่รู้จะได้มาเยี่ยมหรือเปล่า ฉันบอกว่าเอาไว้เยี่ยมผู้ป่วยดีกว่า ก็จะคะยั้นคะยอให้รับให้ได้ ฉันกล่าวขอบคุณแล้วก็รับมา 1 ลูก บอกว่าเอาแค่ 1 ลูกพอ

               อีก 3 วันต่อมา ฉันไปทำงานเวรบ่าย เพื่อนบอกว่าลุงยิ่งมาถามหา ถามว่ามีธุระอะไร ก็ไม่บอก บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันมาทำงาน ลุงยิ่งไปดักรอตรงบันได พอฉันเดินมาก็เรียกหมอชมพู่ ลุงยิ่งรีบเดินมาหาท่าทางเหนื่อย ฉันขึ้นเดินไปหา บอกว่าค่อย ๆ เดินก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก ลุงยิ่งบอกว่าดีใจมารอ 3 วันแล้ว เมื่อวานนี้เดินไปถามหมอข้างใน รู้ว่าหมอชมพู่มาทำงานเช้าวันนี้ จึงมาดักรอแต่เช้ากลัวไม่เจอ แล้วก็หยิบห่อผ้าในถุงย่ามเก่า ๆ ประจำตัว แกะห่อผ้าและหยิบพระในถุงย่าม ส่งให้ บอกเราเก็บรักษาไว้ให้ดีนะ เป็นพระเก่า หลวงพ่อเพิ่งให้มา ลูกหลานมาขอยังไม่ให้เลย

               แล้วลุงยิ่งก็อวยพรฉันอีก บอกว่าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ตอนที่มานอนโรงพยาบาล หมอชมพู่ดูแลให้คำแนะนำ ให้เป็นผู้นำการฝึกกายบริหาร ลุงบอกว่าภูมิใจมาก แล้วยังพาขึ้นลิฟท์ไปเยี่ยมไข้อีก ไม่รังเกียจว่าเป็นคนแก่จน ๆ แต่งตัวบ้านนอก ฉันรับพรมาและกล่าวขอบคุณ ฉันมีความรู้สึกภาคภูมิใจในวิชาชีพพยาบาล มีมากกว่าความดีใจที่ได้พระอีก

               ปล. ฉันเล่าเรื่องของลุงยิ่งและเอาพระให้สามีดู สามีบอกว่าเป็นพระเก่ามาก ตอนนี้หายากแล้ว  เพียงสละเวลาแค่น้อยนิด  แต่เป็นความต้องการอันยิ่งใหญ่ของผู้ป่วย  เราก็ได้เข้าไปนั่งในใจของผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว  และแสงสว่างก็เกิดขึ้นในใจฉันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หมายเลขบันทึก: 286178เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 14:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 12:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

  • ทำเรื่องดีๆ ก็ได้รับสิ่งดีๆ 
  • ทำเรื่องดีๆ ยังไงก็เห็นผล ที่ตัวเราเองนี่แหละครับ 
  • คุณลุง นี่เท่ แฮะ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท