มีอะไรซ่อนอยู่.....ในเลือดกองนั้น


มีอะไรซ่อนอยู่.....ในเลือดกองนั้น

ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึก ซึ่งบริเวณนั้นเป็นจุดเกิดเหตุของเรื่อง รอยเลือดเก่าๆ

สีคล้ายกาแฟที่แห้งติดพื้นแล้ว แต่รอยเลือดกองนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเจ้าของเลือดกองนี้ได้ถูกส่งไปโรงพยาบาลทั่วไปแล้ว แพทย์บอกว่าเลือดออกในกระเพาะ ไม่รู้ว่ากระเพาะจะทะลุหรือเปล่า

            ฉันนั่งมองดูกองเลือดกองนี้อย่างคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่านี่คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อฉันตั้งสติได้ก็เริ่มทบทวนเหตุการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 5 วันที่ผ่านมา เจ้าของเลือดกองนี้ คือ ป้าย้อม หญิงสูงอายุ ผิวคล้ำ รูปร่างท้วม ผมสั้น ฟันเหลือประมาณ 4-5 ซี่ เมื่อยิ้มออกมาจะเห็นฟันซี่โตด้านหน้าที่เรียงเกยกันอยู่ ป้าย้อมจะใส่ผ้าถุงเก่าๆ สีออกเทาๆ เสื้อสีฟ้าครามที่ปกคลุมร่างกายป้าย้อมอยู่ โดยภายในเป็นเสื้อคอกระเช้า

            ฉันจะพบกับป้าย้อมทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าที่ฉันมาถึงที่ทำงาน และจะมารอประคบสมุนไพร ซึ่งป้าย้อมได้รับอุบัติเหตุจากสุนัขวิ่งชน ล้มก้นกระแทกพื้น แพทย์สั่งให้มาประคบสมุนไพร พร้อมกับให้ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อมารับประทาน ฉันจะทักทายป้าย้อมในฐานะคุ้นเคยกันมานาน ป้าย้อม สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลย กินข้าวมาแล้วหรือยัง ป้าย้อมจะหันมาหาฉัน พร้อมยิ้มเสียปากกว้างจนเห็นฟันที่เกยไปเกยมาด้านหน้าที่เหลืออยู่ประมาณ 4-5 ซี่ ก็ต้องมาแต่เช้า เพราะถ้ามาสาย ไม่มีใครมาส่ง และจะรีบกลับไปดูหลานด้วย ฉันไม่กินข้าวเช้าหรอก ประคบเสร็จแล้วค่อยกลับไปกิน บางทีถ้าหลานยุ่งฉันก็กินเที่ยงเลย พร้อมตอบต่อเติมคำถามให้ครบถ้วนว่าฉันรอได้ไม่เป็นไรหรอก เพราะกินยามาแล้ว 2 เม็ด ป้าย้อมจะมาทุกวันในเวลาเดิมที่พบกัน และจะตอบคำถามแบบเดิมๆ แต่วันนี้ป้าย้อมจะพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความพึงพอใจอย่างออกนอกหน้า ตั้งแต่ประคบสมุนไพร อาการปวดสะโพกดีขึ้นเยอะเลย เวลากินยาแก้ปวด จากเคยกิน 2 มื้อ เช้า-เย็น ที่หมอสั่งก็กิน แค่มื้อเดียว ตอนก่อนนอนเลยเผื่อกลางดึกจะได้ไม่ปวด หมอเก่งจริงๆ น๊ะ

            ฉันหัวใจพองโตในคำชม ยิ่งคำยกย่องที่ป้าย้อมเรียกฉันว่าหมอ ทำให้เป็นปลื้มไปเลย

            วันนี้ป้าย้อมมาประคบสมุนไพรเป็นวันที่ 5 ป้าย้อมก็ไปเล่นเปตองกับเพื่อนๆ สูงอายุด้วยกัน ผ่านไป 1 ชั่วโมง ฉันเดินไปเดินมาบริเวณที่ทำการประคบสมุนไพร เพราะยังมีคนประคบอีก 2 คน โดยเป็นกองเชียร์ให้กับน้องๆ เจ้าหน้าที่ที่กำลังประคบสมุนไพรอยู่ และในขณะนั้น น้องเอื้อง ซึ่งเป็นพยาบาลประจำแผนก OPD ที่มารับผิดชอบคลินิกสูงอายุก็เดินมาประสานงานกับฉัน ฉันกับน้องเอื้องก็เลยมาทำข้อมูลกันที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

            ขณะทำงานอยู่นั้น เสียงของ น้อย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยที่กำลังประคบสมุนไพรผู้ป่วยรายอื่นอยู่บนเตียงประคบ หัวหน้า หัวหน้า ป้าย้อมอาเจียนพุ่งเป็นเลือดเลย หน้าซีดเผือด ฉันมองตามเสียงนั้นออกไป เห็นป้าย้อมนอนตะแคงอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึก ฉันเดินออกไปดู เห็น คุณอ๊อด  ซึ่งเป็นอายุรเวทเข็นรถเข็นเข้ามาหาป้าย้อม ฉันจึงตะโดนออกไปพร้อมเดินไปหาป้าย้อม อ๊อด ๆ ใช้รถนอนซิจ๊ะ คนไข้เป็นลมน๊ะ และเมื่อป้าย้อมได้ยินเสียงฉัน เพราะความคุ้นเคย จึงลุกขึ้นเดินมาหาฉัน ฉันพาป้าย้อมมานั่ง และเอาเครื่องวัดความดันโลหิตมาวัดให้ ช่วงรอคุณอ๊อดไปเปลี่ยนรถเข็นเป็นรถเข็นนอน ป้าย้อมเหงื่อโชกเต็มใบหน้า เปลือกตา ซีด ตัวเย็น ฉันรู้ว่าป้าย้อมไม่ได้กินข้าวมา จึงเอานมในตู้เย็นให้ป้าย้อมดื่มไป 1 กล่อง จากนั้นก็เล่าประวัติเรื่องพฤติกรรมสุขภาพของป้าย้อมที่รู้มาให้กับน้องเอื้องฟัง เมื่ออ๊อดเข็นรถเข็นมาถึง ก็เอาป้าย้อมขึ้นนอน พร้อมชี้ให้ฉันดูกองเลือดกองนั้นบนพื้น แล้วพาป้าย้อมไปที่ ER น้องเอื้องโทรรายงาน ER พร้อมๆ กับป้าย้อมไปถึง

            ฉันมัวแต่สาลวนคีย์ข้อมูลอยู่กับน้องเอื้อง โดยมิได้ตามไปดูป้าย้อมที่ ER น้อยเจ้าหน้าที่แสนสวยของฉัน คนที่เห็นป้าย้อมเป็นคนแรก ก็เดินมาบอกฉันว่า ป้าย้อมใส่สายทางจมูกเลือดออกมาสดๆ เลย หมอจะส่งไปโรงพยาบาลทั่วไป

            ฉันพึมพำกับตัวเองว่า สงสัยป้าย้อมเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ เลย เห็นบอกว่าไม่ได้กินข้าว

            แต่สิ่งที่ฉันคิดก็ใช่ว่าเป็นโรคกระเพาะ แต่การที่โรคกระเพาะป้าย้อมกำเริบ จนอาเจียนเป็นเลือด ต้องมีสาเหตุยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก

            ฉันเดินขึ้นไปที่บนแผนก ER พบน้องเอื้องผู้อยู่ในเหตุการณ์ร่วมกันกับฉันเมื่อเช้า ฉันจึงพูดคุยกับเอื้องต่อเนื่องเมื่อเช้าว่า น้องเอื้องลองเปิดดูประวัติป้าย้อมให้หน่อยซิว่า ป้าย้อมมาตั้งแต่เมื่อไร และได้ยาอะไรไปบ้าง

            สิ่งที่ฉันเห็นที่จอคอมพิวเตอร์เป็นประวัติการมาของป้าย้อมที่มาด้วยอาการสุนัขวิ่งชนขาล้มก้นกระแทกพื้น และแพทย์สั่งประคบสมุนไพรร่วมด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจอุทานออกมา โดยไม่ได้คิดว่าจะกระทบกับใครบ้าง น้องเอื้อง ป้าย้อมได้ยา Dicrofence 2 เม็ด เช้า-เย็น เลยหรือ..??

            สัญชาติญาณของความเป็นพยาบาลที่มีประสบการณ์ ( แก่, เก่า ) ทำให้ฉันถึงบางอ้อว่า มีอะไรซ่อนอยู่ในเลือดสดๆ กองนั้น

            เมื่อฉันทำธุระที่แผนก ER เสร็จแล้ว ฉันเดินมาตามทางลาดและมาหยุดยืนมองกองเลือดกองนั้น สิ่งที่ซ่อนอยู่บนเลือดกองนั้น คือ ความไม่รู้หรือความประมาทหรืออะไรกันแน่ ฉันทรุดตัวลงนั่งและทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างฉันกับป้าย้อมเท่านั้น ป้าย้อมมีวิถีชีวิตในแต่ละวัน คือ ไม่กินข้าวเช้ามานานเป็นนับปี และเมื่อได้รับอุบัติเหตุ ก็ได้ยา NSATD5 มื้อละ 2 เม็ด เช้า-เย็น แต่การกินยาของป้าย้อมเป็นไปตามวิถีชีวิตของป้าย้อมที่เคยทำอยู่คือ กินยาไม่กินข้าว และกินยาก่อนนอนเพื่อป้องกันการปวดกลางคืน ในความคิดของป้าย้อมและกินยาเช่นนี้ติดต่อกัน 5 วัน

            ฉันไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการอาเจียนเป็นเลือดในครั้งนี้ของป้าย้อมหรอก รู้แต่เพียงว่า ฉันพบป้าย้อมประมาณ 9 วัน ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างมากที่ได้แต่ถามป้าย้อมว่ากินข้าวแล้วหรือยัง มียาอะไรกินบ้าง กินยามาหรือยัง วิญญาณของความเป็นพยาบาลที่ชอบสอน มันไปไหนหมด...?? ในเวลานั้น ถ้าฉันเอาใจใส่ป้าย้อมมากกว่านี้

            เลือดกองนั้นคงไม่ปรากฏอยู่ตรงหน้าหรอก ฉันรู้สึกผิดมากในความรู้สึกในขณะนั้น ฉันพึมพำกับตัวเองว่า ฉันขอโทษที่ฉันละเลยในเรื่องการกินยาของป้าย้อม ถ้าฉันใส่ใจลงไป และคอยบอกป้าย้อมเรื่องการกินยา NSAID5 ที่ถูกต้อง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการกินของป้าย้อม ถ้าแม้ว่าเพียง 9 วันที่อยู่ในความดูแลของฉัน อาการของป้าย้อมคงไม่รุนแรงถึงขนาดนี้

            ฉันละจากกองเลือดกองนั้นออกมา เพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว ฉันต้องกลับบ้าน เพราะมีภารกิจสำคัญที่ต้องไปทำอีก

            เช้าวันใหม่กับสิ่งที่ฉันกลับไปทบทวนเรื่องราวมาทั้งคืนก็เล่าขานในตอนเช้าที่ฉันมาถึง พูดคุยกับทีมงาน   เจ้าหน้าที่ทุกคน ถึงเรื่องป้าย้อมและเชื่อมโยงไปถึงผู้รับบริการของฉัน ประโยคที่เราชาวกายภาพบำบัดจะถามกับผู้รับบริการทุกคนที่มาว่า

            กินข้าวเช้ามาแล้วหรือยัง มียาอะไรกินบ้าง

            มียาแก้ปวดกินหรือเปล่า

            ถ้ามียาแก้ปวดกล้ามเนื้อต้องกินหลังข้าวทันทีเลยน๊ะ แล้วเรื่องกองเลือดป้าย้อมก็เป็นอาจารย์ไว้เป็นแบบอย่างอุทาหรณ์ให้กับทุกคน และดินฉันก็มีความปลื้มปิติขึ้นมาในใจ

ที่ถึงแม้จะผิดพลาดในการใส่ใจเรื่องการกินยาของป้าย้อม แต่ฉันก็ได้ป้าย้อมเป็นบทเรียนในการดูแลผู้ป่วย กองเลือดกองนั้นถูกฉันหยิบยกมาพูดคุยทุกวัน และเมื่อได้พูดคุยทำให้หัวใจฉันแช่มชื่นขึ้น และอยากทำงาน บริการ ดูแลผู้รับบริการทุกคน ใส่ใจ มีความเอื้ออาทรมากขึ้น ถ้าแม้ว่าบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ตาม

            ผลสำเร็จของการให้บริการที่ดูแลป้าย้อม ป้าย้อมเดินได้ดี หายปวดขา หายปวดสะโพก และได้ไปเที่ยวเชียงใหม่กับชมรมผู้สูงอายุ แต่เป็นความภาคภูมิใจบนความทุกข์ใจที่มาพร้อมๆ กัน โดยไม่น่าให้อภัยตัวเอง

            ฉันเฝ้าแต่โทษตัวเองตลอดเวลากับเหตุการณ์ครั้งนี้ จนป้าย้อมได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมาประคบสมุนไพร ฉันเห็นป้าย้อมด้วยความดีใจ ทักทายเสียเสียงดังจนทุกคน ณ ที่นั้นมองตามเสียงมา

            วันนี้คนที่เล่าเรื่องราวคือป้าย้อม และคำพูดที่ป้าย้อมได้ถ่ายทอดออกมาสู่ทุกคนคือคำว่า เข็ดแล้ว ต่อไปนี้จะต้องกินข้าวเช้าทุกวัน และยาแก้ปวด ถ้าไม่จำเป็นจะไม่กินเด็ดขาด มาประคบสมุนไพรดีกว่า ฉันเกือบตาย หมดแรง ยามันกัดกระเพาะ ใช้ได้เลยหมอ

            ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ป้าย้อมถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฉันและทุกคนฟังในวันนั้น เมื่อป้าย้อมจะกลับ ป้าย้อมเดินมาหาฉัน ป้าย้อมจับมือฉันยกท่วมหัว พร้อมกล่าวขอบคุณ ถ้าไม่ได้หมอ วันนั้นฉันคงแย่แน่ ตอนได้ยินเสียงหมอ ฉันจึงรู้สึกตัว ตอนแรกนอนอยู่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเลย หมออุตสาห์มาดูแลฉัน

            ฉันพยักหน้า พร้อมยิ้มให้และตอบว่า เล็กน้อยมากป้าย้อม ฉันตอบและพูดต่อว่า ฉันควรจะดูแลป้าย้อมให้มากกว่านี้ และเดินไปส่งป้าย้อมหน้าตึก ก็แยกย้ายกลับไป ป้าย้อมแล้วมาตามนัดน๊ะ อย่าลืมกินข้าวเช้ามาก่อนหละ ไม่ต้องรีบหรอก ถ้าป้าย้อมมาจะให้เจ้าหน้าที่ทำให้เลย ไม่ต้องรอคิวนาน

            ป้าย้อมเดินพลางหันมายกมือไหว้ฉัน และยิ้มปากกว้างเห็นฟันเหมือนเดิม ฉันเดินกลับมาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจ และทักทายพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะกับทุกคน จนกระทั่งเวลาหมดไปกับความสุขในวันนั้นทั้งวัน

            ฉันมาถึงบางอ้ออีกครั้ง ทำให้มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ นี่แค่ดูแลแบบความเคยชิน ละเลยไปบ้างบางเรื่อง ยังได้รับความสรรเสริญ เทิดทูน จากผู้ป่วยขนาดนี้ ถ้าดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์  ความอิ่มเอม ความสุขที่จะตอบกลับมาจะมีมากขนาดไหน คงไม่สายจนเกินไปหรอกน๊ะ

            ฉันม่อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ เมื่อตื่นขึ้นมามันเป็นความฝันบนความจริงที่ติดอยู่ในใจไม่มีวันลืม และมันเป็นคุณค่าที่คู่ควรจดจำยิ่งนัก

            ขอมอบเรื่องราวเหล่านี้ ตีแผ่บนใจของทุกคนที่ได้อ่าน

 

จากใจ ผู้รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หมายเลขบันทึก: 286226เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดี ค่ะ

ขอบคุณ เรื่องเล่าที่ช่วยกระตุ้น ในการทำงานให้พวกเราผู้บริการด้านสุขภาพ ทั้งหลายได้ตระหนัก ถึงเรื่องสำคัญบางเรื่อง ที่เกิดจาก ความไม่ตระหนัก ในความไม่รู้ ของผู้รับบริการของเรา

ถ้าเราช่วยกันดูแล ในทุกสหสาขาวิชาชีพ เชื่อว่า เราจะช่วย ผ่อนหนัก ให้ เป็นเบาได้นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท