ความสุขอยู่ที่ใจ


ความสุขอยู่ที่ใจ

ฉันเป็นพยาบาลห้องคลอดถ้าไม่มีคนไข้คลอดต้องมาซักประวัติผู้ป่วยนอก  วันหนึ่งขณะเดียวกันฉันนั่งทำงานซักประวัติผู้ป่วยที่มาตรวจพร้อมกับน้อง    อีกหลายคน  ด้านหน้าของฉันนั้นเป็นผู้ป่วยที่มารับบริการเต็มไปหมดสายตาทุกคู่มองมาที่ฉัน  และแล้วฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันว่า  ป้าไหม    มาแต่ไกล  ฉันก็หันไปตามเสียงเรียกนั้น  ว่ามีผู้ป่วย  1  คน  มาตรวจหลังคลอด  ฉันก็บอกน้องไปว่าให้พาผู้ป่วยไปนอนพักที่ห้องรอคลอดเดี๋ยวจะตามไป  และหลังจากนั้นฉันก็หันไปบอกกับน้องข้างโต๊ะซักประวัติว่าพี่จะไปตรวจดูแผลหลังคลอดที่ห้องคลอดที่นัด  7  วันหลังคลอดให้มาดูแผลพร้อมบุตร  ดูสะดือว่าหลุดหรือยังมีการทำความสะอาดถูกต้องหรือไม่แล้วฉันก็ลุกขึ้นเดินไปดูแลผู้ป่วยที่มารอตรวจแผลหลังคลอดนั้น  ผู้ป่วยรายนี้  ครรภ์แรก  เธอมีอายุแค่  16  ปีเท่านั้น  ฉันถามว่าเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะมากับใคร  เธอก็ตอบว่ามากับแฟนสายตาเธอเศร้า    อิดโรย  ฉันถามว่า  เจ็บแผลหรือเปล่า  น้ำคาวปลาไหลดีไหม  เธอก็พูดว่า  เจ็บเหมือกันเจ็บน้อยกว่าตอนคลอดลูก  เธอเล่าว่า  เธอเกือบตายเบ่งไม่ออก  เบ่งเท่าไหร่ก็ไม่ออก  ไม่มีแรงเบ่ง  ฉันคิดว่าฉันตายแน่    พยาบาลได้ตามหมอมาช่วยดูดเอาเด็กออก  ฉันตัวเล็ก  ลูกตัวโต  ลูกติดนานมีแผลฉีกขาดมาก  เลือดออกเยอะ  นอนพัก  2  ชั่วโมงหลังคลอดที่ห้องคลอด  ก็ย้ายไปนอนตึกหลังคลอดได้เจาะเลือด  ความเข้มข้นเลือดลดลง  Refer ไปโรงพยาบาลทั่วไป  ไม่ได้ให้เลือดให้น้ำเกลือ  2  ขวด  ลูกตัวเหลืองนอนอยู่โรงพยาบาล  3  วัน  เพื่อส่องไฟอาการดีขึ้น  แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้

            หลังจากนั้นฉันได้ตรวจแผลหลังคลอดวรรณิศาปรากฎว่าแผลฝีเย็บแยกออกจากกัน  เธอถามว่า  หมอแผลหนูเป็นอย่างไรติดไหม  และฉันได้บอกให้เธอทราบว่า  แผลฝีเย็บของเธอไม่ติดมีการแยกออกจากกัน  เวลาเธอกลับไปเธอต้องรักษาความสะอาดเฉพาะที่ช่องคลอด  แผล  ก้น  เช็ดบริเวณแผลด้วย NSS 2 ก้อน  สำลีแห้ง  1  ก้อน  สำลีเช็ดชุบ Batadine 1 ก้อน  โดยใช้กระจกส่องดู  ล้างมือก่อนและหลังทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ทุกครั้งและเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก  4  ชั่วโมง  ฉันได้รายงานแพทย์ทราบ  แพทย์ให้ยา Antibiotic ไปรับประทานต่อที่บ้านตามแนวทางการปฏิบัติ

            ประมาณ  5  วันต่อมา  ฉันได้ติดตามไปเยี่ยมบ้านวรรณิศาแต่ไม่พบวรรณิศา  ญาติของเธอบอกว่าได้ย้ายไปอยู่กับสามีที่ตำบลมาบปลาเค้า  อำเภอท่ายาง  ซึ่งเป็นนอกเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาล  แต่ด้วยความเป็นห่วงวรรณิศากังวลว่าจะทำความสะอาดแผลได้ถูกต้องและแผลตื้นขึ้นเกือบหายหรือยัง  ฉันจึงตามไปเยี่ยมเธอที่บ้านด้วยตนเองอีกครั้ง

            ขณะที่ตะวันลับฟ้าฉันได้ขี่รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจไปตามถนนอันคดเคี้ยว  2  ข้างทางจะเป็นหมู่บ้านชนบท  มีทุ่งนา  ต้นตาล  ฉันได้โทรศัพท์ติดต่อกับวรรณิศาว่าบ้านอยู่ตรงไหน  เธอให้สามีออกมารับฉันตรงหน้าวัดตาลกงประมาณสัก  5  นาที  สามีของเธอก็ออกมารอรับฉันอยู่ที่นัดหมาย  และสามีเธอก็ขี่มอเตอร์ไซด์นำทางฉันไปบ้าน  ระยะทางไกลประมาณ  16  กิโลเมตรจากโรงพยาลของฉัน

            พอฉันไปถึงบ้านวรรณิศาได้พบมารดาของสามี  ออกมาทักทายสวัสดีฉัน  และได้เรียกวรรณิศาออกมาและบอกว่าหมอมาเยี่ยม  หน้าตาของเธออิดโรยไม่สดชื่น  ฉันจึงถามว่า  เป็นอย่างไรบ้าง  วรรณิศาตอบว่า  ปวดศีรษะอยู่บ่อย    และได้พบทารกนอนบนเตียงมีขวดนมอยู่ข้าง    มารดาของสามีบอกว่า  ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลเด็กไม่ยอมดูดนม  แม่หัวนมสั้น  เลยให้กินนมกระป๋องตลอดมา  เด็กดูดนมเก่งหมดหลายกระป๋องแล้ว  ฉันได้บอกกับมารดาว่าให้ดูดนมแม่ดีกว่า  เพราะนมแม่มีประโยชน์  สะอาด  มีภูมิคุ้มกัน  มีสารอาหารครบถ้วน  ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว  สะดวกในการให้ลูกดูด  แม่สามีก็บอกว่า  ฉันอยากให้กินนมแม่  หลานฉันจะได้เก่ง  ฉันจึงสอนวิธีให้ลูกดูดนมถึงหัวนมสั้นลูกสามารถดูดนมได้  ฉันบอกว่า  ลูกดูดนมแม่ได้แล้วก็ไม่ต้องให้นมกระป๋องด้วยความที่วรรณิศาอายุยังน้อย  เลี้ยงลูกไม่เป็น  ไม่ค่อยมีความอดทนได้แม่สามีและสามี  ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลคอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี  และฉันสอนวิธีการบีบน้ำนม  การอุ้มลูกกินนมอย่างถูกวิธี  และแม่ที่มีอายุยังน้อยสามารถเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี

            ส่วนวรรณิศา  ฉันได้ดูแผลให้ปรากฏว่าแผลเธอดีขึ้น  ตื้นขึ้น  แดงดี  และฉันบอกให้เธอรักษาความสะอาด  เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก  4  ชั่วโมง  โดยใช้น้ำยาที่ให้ไปแผลจะตื้นขึ้นแล้วแผลจะติดกันเอง  ให้รับประทานผัก  ผลไม้  เนื้อสัตว์  นม  ไข่  เพื่อส่งเสริมการหายของแผล  ฉันบอกว่าแผลแยกได้แต่ไม่ติดเชื้อ  และสามารถติดกันเองได้เมื่อรักษาความสะอาดดี    วรรณิศาก็ดีใจ  พูดว่า  ดีใจจังไม่ต้องเย็บแผลใหม่มันเจ็บ  และอีก  7  วันนัดติดตามการรักษาให้วรรณิศามาดูแผลที่โรงพยาบาล  แผลวรรณิศาติดกันดี  ไม่บวมแดง  วรรณิศาบอกว่า  หมอขอบคุณมากคะ  ที่เป็นห่วงเป็นใยหนูขนาดนี้  หนูไม่ได้หมอไม่รู้แผลหนูจะติดเชื้อหรือเปล่า  ลูกหนูก็คงไม่ได้กินนมแม่  ไม่แข็งแรงอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้  หนูจะไม่ลืมหมอที่ดูแลหนูและลูกด้วยหัวใจ  จริงใจ  ห่วงใยเหมือนญาติ  นี่แหละนางฟ้าในชุดสีขาว  ฉันกลับบ้านด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ  รู้สึกว่าเราได้ช่วยเหลือคนไข้ให้พ้นจากความทุกข์  ก็มีความสุขใจแล้ว

หมายเลขบันทึก: 287062เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2009 07:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 13:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท