ข้อคิดสำหรับเราเอง...
หากเรายังจำกันได้ ประเทศเรามีบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการทำไปเรียนไปอยู่หลายระดับ
เช่น หน่วยงานใหญ่ๆ อย่าง กพ. ได้ลองเอาโมเดลอย่าง Balance Scorecard มาใช้กับการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการสร้างกรอบประเมินผลการทำงานของข้าราชการ
ผู้แต่งหนังสือ Balance Scorecard (BSC) อย่าง Kaplan และ Norton เพิ่งมาสารภาพให้เราฟังในหนังสือ "The Execution Premium" ในปี 2008 ว่า นับตั้งแต่พวกเขาเขียนหนังสือ Balance Scorecard ในปี 1992 จนได้รับคำนิยม ยกย่อง ชมเชยมากมาย และนำไปปฏิบัติอย่างแพร่หลายในทุกภาคส่วน บัดนี้พวกเขาเห็นเค้ารางของผลกระทบด้านลบจากการดำเนินการดังกล่าวแล้ว!!!
เราคงจำได้ถึง 4 ส่วนหลักของ BSC คือการให้มองดูด้าน Learning/Growth, Process, Customer, และ Financial...ใช่ไหม
การคุ้นเคยกับการแตกไลน์ของแต่ละ perspective จนได้มาซึ่งเป้าประสงค์ ตัววัด เป้าหมาย และกิจกรรมริเริ่ม...
พวกเขาเองบอกมาว่า ความชัดเจนดังกล่าวนำมาซึ่งความชัดเจนแบบแยกส่วนขององค์กร ทำให้เกิดผลกระทบคือ การดำเนินงานอย่างสะเปะสะปะของกิจกรรมริเริ่มเหล่านั้น โดยองค์กรที่ประสบผลสำเร็จในการใช้ BSC นั้นจริงๆแล้วคงมาจากการที่มีระบบแนวคิดแบบผสมผสานที่มั่นคงและแน่นอน ซึ่งเป็นส่วนน้อย...
ในขณะที่องค์กรส่วนใหญ่ จะพบว่าหลังดำเนินการโดยวิธีดังกล่าวไประยะหนึ่ง จะเจอภาวะความมั่งคั่งของจำนวนโครงการ/กิจกรรมริเริ่ม และเสียเวลาไปกับการคัดกรองและอนุมัติโครงการ...และจะพบว่าแทนที่จะทำให้องค์กรเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งตามกฎของนิวตันข้อที่ 2 กลับกลายเป็นองค์กรอยู่กับที่ตามกฎของนิวตันข้อที่ 1 แทน...หรืออีกนัยหนึ่งหากคิดเชิงเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น กลับทำให้ระยะห่างระหว่างกันกลับมากยิ่งขี้นในเวลาที่ผ่านไป...
ถึงจุดนี้ กพ.ครับ เราเข้าใจจุดนี้แล้วหรือยัง?
พี่คิดเหมือนคุณหมอค่ะว่ามันแยกส่วนมากไป
คุณหมอหายไปนานนะคะ
คงยุ่งมากเพราะงานสอนและงานวิจัยในโรงเรียนแพทย์
น้องคีนเรียนชั้นใหนคะ?
สวัสดีครับพี่อัจฉรา
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมเยียน ผมหายไปนานเหมือนกันเพราะไม่ว่างจริงๆครับ สอนนิสิตทั้งตรีโทเอก จนหัวฟู หาเช้ากินเช้าตลอดเลยครับ
วันนี้เจอพี่อนุพงศ์ตอนไปประชุมสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยกันยังพูดถึงพี่อยู่เลยครับ
ตอนนี้น้องคีนเรียนป.3 ครับ กำลังอยู่ในช่วงสอบ พ่อแม่เลยยิ่งยุ่ง :)
หวังว่าพี่คงสบายดีเสมอนะครับ