อาคันตุกะต่างแดน


ถ้าเรากล้าที่จะไม่กลัวซะอย่าง ความรู้ที่ฝังเร้นที่แสนลึก อาจถูกขุดนำมาใช้ได้อย่างทรงพลังก็ได้

เช้าวันนี้ ที่สุพรรณบุรี อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่เช้า วันนี้ที่ข้าวขวัญ ก็เตรียมประชุมใหญ่เพื่อรอรับแขกที่จะเดินทางมาจากประเทศจีน จากองค์กร Rural Reconstruction Institute เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมการพัฒนาพันธุ์ข้าวกับองค์กรของเราและชาวบ้าน เป็นเวลา 2 อาทิตย์ และวันนี้ ฉันเองได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ไปรับผู้เข้าร่วมอบรมที่สนามบิน มีกำหนดเดินทางจากข้าวขวัญ 11.30 น. โดยตามตารางเวลาที่แขกมาถึง คือ 13.30 น. ฉันนัดมายกับลุงเดชา ซึ่งคงจะรอฉันอยู่ที่ Airport และได้รับการติดต่อจาก คุณพูลไท บุรุษท่านหนึ่งที่ได้ทราบภายหลังว่า เป็นเพื่อนรุ่นน้องของลุงเดชา ว่ามีความประสงค์จะขออาสาเป็นล่ามให้ด้วยความเต็มใจ หลังจากได้ทราบข่าวจากเราว่า จะมีเพื่อนจากจีนเดินทางมาอยู่กับเราเป็นเวลายาวนาน ฉันและพี่ๆที่ข้าวขวัญ ไม่มีใครปฏิเสธสักคน เพราะคุณพูลไท สามารถพูดได้ทั้งจีนกลางและจีนกวางตุ้ง ที่สำคัญ ยังมีพื้นฐานและความเข้าใจในเนื้องานเกษตรยั่งยืนอยู่บ้าง อาจด้วยความคุ้นเคยกับลุงเดชานั่นเอง ฉันอดโล่งใจไม่ได้ ที่ครั้งนี้เราจะได้ล่ามที่ดี เพราะที่ผ่านมา เมือ่มีเพื่อนต่างชาติมาเยี่ยมเรา และถ้าใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน คนที่รับหน้าเสื่ออย่างหนักแน่น ก็จะเป็นลุงเดชา หรือ พี่จิ๋ม เท่านั้น แต่ถ้าบังเอิญว่า แขกของเราไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษและหาล่ามที่ไม่มีพื้นความเข้าใจเกี่ยวกับเกษตรยั่งยืนมา ก็เป็นงานที่หนักสำหรับเราเหมือนกัน ฉันเอง นับตั้งแต่ได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ NGOs กับการทำเกษตรอินทรีย์ ที่ฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ก็ยอมรับว่า ภาษาอังกฤษ มันเป็น Tacid Knowledge ความรู้ที่ฝังลึก ฝังลึกจริง ลึกแบบชนิดที่ขุดเอามาใช้ไม่ได้ 555555 นับแต่โดนปล่อยเกาะที่โน่น เป็นเวลา 3 อาทิตย์ กว่าๆ ก็พอจะขบัยลิ้นและฟันให้สมาน สามัคคีกันได้บ้าง จากนั้น ฉันก็พลอยได้มีโอกาสพัฒนาการ Speak spoke spoken ได้บ้าง แต่ยังไม่สุดๆ ตอนนี้ อาศัยว่ามีแขกต่างประเทศเข้ามาในไร่เมื่อไหร่ จะพยายามเข้าไปแอ้มแปะ พอให้หูมันได้กระดิกและทำหน้าที่บ่อยๆ นอกเหนือจากในระยะนี้ ถ้าเพื่อนหรือพี่ๆที่รู้จักท่านใดที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจะขอคุยกับฉัน ช่วงนี้ ขอเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เห็นมั๊ยว่า ฉันก็พยายามยกระดับขีดความสามารถของตนเองอยู่ ก็เริ่มจากความกล้าที่จะไม่กลัวว่าตัวเองพูดผิดนี่แหล่ะ จนพี่ๆในข้าวขวัญเริ่มจะออกอาการหมั่นไส้ กับ "นังลาว" คนนี้ซะแล้ว

เอาเป็นว่านอกเหนือจากหน้าที่ที่จะต้องรับแขกบ้านแขกเมืองแล้ว ฉันยังต้องคอยดูแลที่พักให้กับแขกด้วย บางส่วนอาจต้องมานอนที่บ้านเรือนตาลของฉัน เอาล่ะงานนี้ หูและปากจะสามัคคีกันหรือเปล่า คงต้องอาศัยเครื่องมือสมัยใหม่เข้าช่วยอีกสาระหนึ่งแล้ว

และโปรแกรมของเราในการที่จะจัดให้กับอาคันตุกะครั้งนี้ ก็มีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ทั้งอยู่ในไร่และเข้าร่วมปฏิบัติจริงในไร่นากับชาวบ้านของเรา ด้วยวัตถุประสงค์ของเค้าที่ต้องการนำเทคนิคที่เรามีไปประยุกต์ใช้ในบ้านเค้า ชาว้บานเองก็กลัวเหลือเกินว่าเค้าจะเอาของเราไปใช้แบบหวังผลประโยชน์ ลุงเดชา ก็ได้แต่บอกว่า ถือเป็นอานิสงค์ที่จะได้ช่วยเผยแผ่ไปยังเพื่อนร่วมโลก ฉันก็คิดเช่นนั้น ก็มั่นใจว่า คนทำดีต้องได้ดี ใครคิดชั่วก็ต้องเจอแบบนั้นอยู่แล้ว มันอยู่ที่ความคิด แต่ที่แน่ๆ คาดว่าสัมพันธภาพที่จะเกิดขึ้นระหว่างองค์กรข้าวขวัญ และ RRI คงจะยืนยาว และมีวี่แววว่า จะมีโปรเจคที่ชาวข้าวขวัญจะได้ไปเยือนเพื่อนที่จีนในสักวาระหนึ่ง เหมือนที่เรากำลังจะเดินทางไปลาวและเวียดนามในเร็ววันนี้

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 28834เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2006 09:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท