เมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม


ผมมาทำงานในองค์กรได้ครบสามปีกว่าๆ

การได้มาอยู่ในองค์กร  ด้วยงานที่เราทำ ด้วยกิจกรรม  เนื้องานต่างๆ

ผู้คนมากมายสัมพันธ์เชื่อมโยง  และผูกพันธ์กับเรา   เป็นความผูกพันธ์ทั้งด้านบวกและลบ

 

 

เรามักจะตีค่าเป็นแบบนั้น  ตามกำลังสติปัญญาของเรา

โลกในความคิดและตัวตนของเรา ณ เวลาหนึ่ง  ก็เป็นแบบหนึ่ง  เมื่อเวลาเปลี่ยนไปก็เป็นแบบหนึ่ง

การจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใดนั้น  ขึ้นกับขีดความสามารถ การกระทำ(กรรม)ต่างๆของเราที่ผ่านมา

ว่าจะเอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงของเรามากน้อยเพียงใด

มีผู้คนที่เราอาจจะรู้สึกหวั่นไหว  กระเพื่อม  กระเทือน 

ก่อนนี้เรามักคิดว่าเป็นเพราะคนๆนั้น เป็นเพราะสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเรา

 

 

 

แต่เมื่อพิจารณาให้ดีๆ  เหมือนวันนี้มีเหตุการเรื่องราวที่ให้ได้กลับมาคิดและทบทวนว่า

ความรู้สึกต่างๆที่เรามี  ที่เราสะท้อนออกไปนั้น

มันก็คือเงาหรือสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวเรา  หรือสภาวะจิตของเราในขณะนั้นๆนั่นเอง

เราขุ่นเคือง  ก็เพราะว่าภายในจิตใจของเรานั้นยังเต็มไปด้วยความขุ่นมัว

เราโกรธ  เราหลวง  เราอิจจฉา  เราอยาก เรากลัว   ต่อสิ่งที่มากระทบ

ทั้งหมดเพราะภายในของเรายังมีสิ่งเหล่านี้อยู่มาก........

กลับมาที่เรื่องราวขององค์กร

 

 

ทัศนะหนึ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงคือ

    ทุกคนนั้นล้วนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามในตัวเอง  ทุกคนล้วนมีเมล็ดพันธุ์ของความเป็นพุทธ(จำมาครับ)  

ก่อนหน้านี้เรามีแค่เพียงปัญญาแบ่งเป็นขาวดำ เทา  แล้วก็เลือกที่จะเข้าหาความขาว คนสีขาวในความหมายของเรา  หลีกเลี่ยง และไม่เผชิญหน้าหรือสัมพันธุ์กับคนสีดำในความหมายสีดำ (ของสติปัญญาเราในขณะนั้นๆ)

 

 

  เมื่อมองย้อนกลับไปมันคือเส้นทางที่เราเดินผ่านมา 

  ทุกๆอย่างคือพัฒนาการ  ที่เราก้าวเดิน

  หลายคนอาจจะข้ามไปได้เลย  อาจจะเพราะเขาก็เคยมาแล้ว

 

  ผู้คนในองค์กรก็หลากหลาย  สองวันที่ผ่านมาได้พูดคุย  สนทนาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงาน

  ในมุมมองที่สื่อออกไปแบบพุทธทัศนะ

 

  คือการมองให้เห็นความดีของผู้คน  ความดีของกันและกัน

  เพื่อจะนำไปสู่การหล่อเลี้ยงและการปฏิบัติที่ดีๆต่อกัน

 

 

 

 โดยมุ่งเน้นที่การให้สิ่งที่ดีๆต่อกัน  หลีกเลี่ยงการทำร้ายกันทั้งโดยตรงและทางอ้อม

ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว   ตั้งใจและไม่ตั้งใจ

 

   ทั้งหมดนั้นสามารถทำได้และเป็นไปได้ด้วยการเจริญสติ  และเจริญเมตตาภาวนา

  

   เป็นปรากฏการณ์ที่กำลังก่อตัว  และเห็นผลบ้าง  กับความเปลี่ยนภายในที่เกิดขึ้น

   จนส่งผลต่อความรู้สึกและมุมมองภายในของเรา  ต่อโลกภายนอกต่างๆที่ปรากฏ

 

 

 

   เป็นการเห็นที่ลางๆว่า

   เมื่อภายในของเราเปลี่ยน  ภายนอกก็จะเปลี่ยน

   เมื่อภายในดีขึ้น  ภายนอกก็น่าจะค่อยๆดีขึ้น

 

 

 

 

  เพราะความจริงของชีวิตอย่างหนึ่งคือ 

   เราทุกคนต่างก็มีความทุกข์พอๆกัน

  เราต่างก็ ยังวนเวียนอยู่ในกงล้อแห่งการเวียนว่าย  ไปมา ขึ้นลง

  เราทุกคนต่างกำลังแสวงหา ความหมายและสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง

หมายเลขบันทึก: 288857เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2009 20:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เปลี่ยนจากข้างใน

แล้วโลกจะเปลี่ยนตามนะครับ

ขอบคุณครับ

เราเปลี่ยนไม่ได้กับบางคน เป็นเพราะอะไร?..

สวัสดีครับพี่แก้ว ^_^

ดีใจจังพี่มาเยี่ยม

 

เราเปลี่ยนไม่ได้ตอนนี้  แต่ต่อไปเราก็น่าจะเปลี่ยนได้  เช่นผมก้มีครับ

แต่รู้ว่ามันจะได้  แต่ไม่แน่ใจว่านานเท่าใด

แต่ว่ากรณีที่เล่าคือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบก็ไม่น่าเชื่อดหมือนกันครับ

มันมาเอง

จากการที่ค่อยๆเกิดขึ้น  bounding บางๆ  จนมากขึ้นเรื่อยๆ

จนเราเป็นห่วงเขาได้มาก 

สวัสดีคะ คุณหมอ

เพราะความจริงของชีวิตอย่างหนึ่งคือ เราทุกคนต่างก็มีความทุกข์พอๆกัน

เราทุกคนต่างกำลังแสวงหา ความหมายและสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง มันเป็นเช่นนั้น จริง ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท