ตามที่อธิบดีฯ อนุมัติแผนการจัดการความรู้กรมการพัฒนาชุมชน ปี๒๕๕๒ และมอบหมายให้สถาบันการพัฒนาชุมชน ในฐานะฝ่ายเลขาคณะทำงานกลุ่มภารกิจด้านการจัดการความรู้กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินงานตามแผนการจัดการความรู้และรายงานผลการดำเนินงานให้ผู้บริหารทราบเป็นระยะนั้น ในการนี้สถาบันการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานกิจกรรมสำคัญๆภายใต้แผนฯดังกล่าว พอสรุปได้ดังนี้
๑. การดำเนินงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อค้นพบจากการศึกษาวิจัยเรื่อง รูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืนเพื่อพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายองค์กรชุมชน โดยดำเนินงานร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ณ ศูนย์ธรรมเกษตร ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยจัดเวทีจัดการความรู้ร่วมกันระหว่างผู้นำชุมชน ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ผู้นำชุมชน ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ผู้นำชุมชนจาก จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่กลุ่มงานจัดการความรู้ สถาบันการพัฒนาชุมชน เจ้าหน้าที่กองแผนงาน กรมการพัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รวม ๔๕ คน โดยมี ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ นักวิชาการอิสระ เป็นผู้ดำเนินงานจัดเวที เมื่อวันที่ ๓๐ -๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒
๒. การดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความรู้กรมการพัฒนาชุมชน ปี ๒๕๕๒ ระหว่างวันที่ ๕ – ๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก โดยจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และจัดเก็บความรู้จากพัฒนากรต้นแบบที่มีประสบการณ์ในการทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนทุกแห่ง คณะทำงานจัดการความรู้ จากส่วนกลางรวมจำนวนทั้งสิ้น ๖๓ คน จัดเก็บความรู้ใน ๓ ประเด็นยุทธศาสตร์ คือ การพัฒนาทุนชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง และการส่งเสริมการจัดการความรู้ชุมชน พร้อมจัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้กับหน่วยงานภายนอกในคราวเดียวกัน คือ กรมส่งเสริมการเกษตร บริษัท ปูน ซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) และบริษัท แฟรกซิส อินไซด์ จำกัด รวมทั้งแลกเปลี่ยนกับผู้นำชุมชน จาก จ.นครนายก ผู้นำชุมชนจาก จ.มุกดาหารและผู้นำชุมชนจาก จ.ระยอง
๓. การสื่อสารนโยบายและแนวทางการจัดการความรู้กรมการพัฒนาชุมชน ปี๒๕๕๒-๒๕๕๔ ถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ ผ่านโครงการ KM DELIVERY การจัดการความรู้ส่งตรงถึงที่ และถ่ายทอดสดผ่านรายการพัฒนาชุมชน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๐๐ - ๑๕.๐๐ น.
ภาพกิจกรรมรอประเดี๋ยวครับ
ระบบบริหารราชการบ้านเราอย่างทุกวันนี้ เป็นอุปสรรคหรือไม่นั้น ผมว่าใช่ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญอยู่ที่ผู้บริหารเเละวัฒนธรรมองค์กร ครับ
การนำองค์กรอย่างรู้เท่าทันเเละจริงใจเป็นปัจจัยสำคัญ ของนักบริหารภาครัฐทีเดียวครับ