15 ปี เรียนฟรี

         เนื่องด้วยนโยบายของรัฐบาลจัดให้มีโครงการ 15 ปี เรียนฟรี ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมหลายกิจกรรมที่มอบให้นักเรียนอีกกิจกรรมหนึ่งคือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งโรงเรียนสามารถเลือกทำได้อย่างหลากหลาย ซึ่งต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและผู้ปกครอง

         ในปีนี้ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง  และด้วยการรณรงค์การป้องกันไข้หวัด 2009 ทำให้กิจกรรมบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไป  ในภาคเรียนนี้นั้นมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ถี่ยิบตามความรู้สึกของครู  เพราะตามโครงการของครูที่เสนอมาตามความรับผิดชอบทั้งงานปกติที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกปี  หรือโครงการตามนโยบายก็แทบจะหาเวลาว่างในปฏิทินไม่ให้ชนกันแทบไม่ได้ เพราะโรงเรียนเปิดเรียน  3  ระดับ อนุบาล ,ประถมศึกษา,มัธยมศึกษาตอนต้น  และพ่วงด้วยก่อนวัยเรียน  3 ขวบ ขององค์กรส่วนท้องถิ่น

         - การเรียนรู้นอกโรงเรียน ปีจัดเป็นนักเรียนช่วงชั้นที่  1 ( ป.1 - 3 ) คราวนี้ไปทัศนศึกษาที่สวนนก จ.ชัยนาท  และ บึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี  เป็นเวลา  1  วัน  ครู 18 คน ,นักเรียน  120 คน พร้อมรวมกันที่โรงเรียนเวลา 03.30 น. เดินทางออก 14.00 น. เนื่องจากเป็นนักเรียนตัวเล็กๆ จึงต้องขับรถไม่เร็วนัก นักเรียนที่เคยไปครั้งแรกมีอาการตื่นเต้นมากๆ พูดคุยได้สักพักก็หลับ มีนักเรียน  1 คนเมารถ  ประมาณเกือบ 08.00 น. พักรับประทานอาหารที่นครสวรรค์ เป็นข้าวเหนียวเนื้อเค็มน่ากิน แต่นักเรียนตัวน้อยๆ ของครูบางคนก็เคี้ยวไม่ไหวแล้วแอบเอาไปทิ้ง  พอไปถึงสวนนกครูให้ตั้งแถวเป็นหมู่สีตามที่ครูจัดไว้เดินเป้นแถวตามครูไปชมสถานที่ต่างๆ  ที่สวนนกตอนนี้เปิดโดมสัตว์น้ำจืดเด็กๆ เลยได้ดูก่อน  มีพี่วิทยากรนำชมและอธิบายให้นักเรียนฟัง เด็กๆ มีส่วนร่วมในการตอบคำถามอย่างสนุกสนาน  ปลาบางชนิดนักเรียนก็เคยเห็นมาบางที่บ้าน และชุมชนของเขา  บางชนิดรู้จักแต่ชื่อพึ่งมาเห็นตัวเป็นๆ ก็คราวนี้นี่แหละ  ครูนั้นอาจเคยเห็นมาหลายครั้ง  แต่ครั้งนี้ก็ยังรู้สึกประทับใจ  เช่น ปลาช่อนงูเห่าตัวดำ ยาวใหญ่ น่ากลัวเหลือเกิน ถ้าครูลงน้ำไปเจอตัวต่อตัวคงได้ว่ายน้ำหนีไม่ทันแน่ๆ   อ๋อ.. ลืมเล่าถึงนก ครูชอบนกยูงมันสวยดี ดูสง่างาม และไม่ตื่นคน สีของมันสวยมากๆ  แต่นกที่อยู่ในดวงใจครูมาตั้งนานแล้วคือ นกเงือก ครูชอบพันธุ์ที่รักเดียวใจเดียว กินมังสวิรัติ ที่ปากเป็นสีเหลืองใหญ่ๆ ครูเคยฟังข่าวว่ายังมีอยู่ที่ป่าอุดมสมบูรณ์ทางภาคใต้ของไทย  ถ้ามีโอกาสครูก้ไปเห็นที่เขาอยู่ตามธรรมชาติน่ะ 

         - ที่บึงฉวากนั้นเป็นที่แสดงสัตว์น้ำทั้งน้ำจึด และน้ำเค็ม  ครูเคยพานักเรียนช่วงชั้นที่ 2 - 3 มาดูหลายครั้งแล้ว  แต่นักเรียนตัวเล็กๆ ของครูพึ่งมาครั้งแรก ก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดาของเด็กๆ  นักเรียนวิ่งไปมา น่าสนุกสนาน หัวเราะและยิ้มให้กันอย่างสดชื่น ชี้ชวนกันดูอันไหนที่ชอบก็จะเกาะขอบตู้ยืนดูนานๆ  มีปลาหน้าตาแปลกเยอะแยะเชียว  ซึ่งครูดูกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อน่ะครูขอบอก  บึงฉวากได้ทึโดมใหม่เห็นว่ามีปลาเยอะกว่าเดิม  แต่เราไม่งบมากพอทั้งครูและนักเรียนก้ไม่ได้เข้าชม  แรก้เลยไปดูบ่อจระเข้  ซึ่งอาจไปสัวต์ที่เด็กๆ บางคนชื่นชอบ  แต่ครูว่ามันไม่ค่อยจะน่ารักเหมือนปลาเล้ย...  ครูน่ะแอบกลัวเขาอยูเหมือนกัน เมื่อชมเสร็จเราก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

         - จริงๆ แล้วเมื่อกลับมาไม่นานนักเรียนช่วงชั้นที่  1 (ป.1-3) กับชั้นอนุบาล 1-2 ก็ได้ไปทัศนศึกษายังเรียนรู้ในจังหวัดของเราเองอีกด้วย สถานที่สำคัญคือ นำนักเรียนไปกราบพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก ซึ่งได้ชื่อว่ามีพุทธลักษณ์ที่งดงามที่สุดในโลก  ที่นี่นักเรียนก็ได้นั่งรถรางเที่ยวชมรอบเมือง  และได้ไปสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่พระราชวังจันทน์  ซึ่งนักเรียนบางคนประทับใจมาก ๆ เมื่อกลับมาครูให้นักเรียนวาดภาพที่ประทับใจ  นักเรียนอนุบาลจะวาดรูปไก่ชนเหลืองหางขาว ของพระงองค์ดำ มีนักเรียนคนหนึ่งนำรูปมาให้ครูดูชื่อ น้องปิ๊ก (สิริโรจน์)  ครูถามว่าตัวอะไร น้องปิ๊กตอบว่าไก่ชนพระนเรศวร  ครูถามต่อว่า ที่วาด  2  ตัวเนี่ย  ตัวไหนตัวเมีย  ตัวไหนตัวผู้  น้องปิ๊กมองหน้าครู แบบไม่น่าเชื่อว่าครูจะถาม  แต่ก็ตอบว่านี่เป็นไก่พระนเรศวรน่ะ  ครูก็ว่า ครูก็รู้แล้วแต่ครูอยากรู้ว่าตัวไหนตัวเมีย  ตัวไหนตัวผู้ค่ะ  แล้วทำไมน้องปิ๊กไม่วาดลูกเจี๊ยบด้วยล่ะค่ะ มันได้ครบทั้งครอบครัว  น้องปิ๊กมองหน้าครูอีกครั้ง และตอบด้วยเสียงดัง ๆ แถมหงุดหงิด ก็มันเป็นไก่ชนพระนเรศวรน่ะซิ...(ไม่เข้าใจหรือไงน่ะครูนี่ )...ครูยอมรับว่า เอ๋อ..ไปนิดนึง  ..อ๋อ..ครูเข้าใจแล้ว  ครูนี่โง่จริงๆ เชียว  ก็น้องปิ๊กเขาเข้าใจว่าไก่ชนพระนเรศวรนั้นต้องมีแต่ตัวผุ้เท่านั้นนั่นเอง  ครูนี่เฉิมจริงๆ...5555++++