๑. แนวคิดพื้นฐานในการทำรายงาน
๑.๑. เป็นการทำรายงานที่เริ่มต้องจากการฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย อันนี้ ทำในปีแรกไปเยอะแล้ว
๑.๒. เป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาได้ร่วมอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวคือ สาเหตุแห่งปัญหาสิทธิมนุษยชน อันนี้ ทำในปีแรกไปเยอะแล้ว ขาดบางเรื่อง
๑.๓. เป็นการทำรายงานที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาความเป็นไปได้การจัดการปัญหาที่หยิบยกร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน เป็นขั้นตอนที่กระทำปีนี้
๑.๔. มีการบันทึกถึงความสำเร็จและความไม่สำเร็จของการจัดการปัญหา เป็นขั้นตอนที่กระทำปีนี้
๒. วิธีวิจัยที่ใช้ในการทำรายงาน
๒.๑. มีการตอบคำถามของ UNHRC ในประเด็นที่เกี่ยวกับคนชายขอบ
๒.๒. มีการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนตาม ICCPR ในแต่ละข้อบท
๓. ประเด็นสำคัญที่จะเขียน
๓.๑. กระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับคนชายขอบ
๓.๑.๑. คดีคนแม่อาย ๑๒๔๓ คนถูกถอนชื่ออกจากทะเบียนราษฎร
๓.๑.๒. คดีจอบิ ชาวเขาดั้งเดิมที่ร้องขอเพิ่มชื่อให้ตนเองและครอบครัว อันนี้ ต้องไปที่แก่งกระจาน ซึ่งรอเตือนจัดการให้
๓.๑.๓. คดีคนไทยพลัดถิ่นถูกจับ
๓.๑.๔. คดีปางแดงแน่นอน
๓.๑.๕. คดีแม่แตงแน่นอน
๓.๑.๖. คดีแรงงานต่างชาติที่สำคัญ อาทิ คดีนางหนุ่ม ไหมแสง นายทุน
๓.๑.๗. คดีจดทะเบียนสมรส
๓.๒. สิทธิที่จะไม่ถูกทรมานของคนชายขอบหรือไม่ ?
๓.๒.๑. คงเขียนกรณีชาวลาหู่ที่แม่อายเท่าที่มีข้อมูล แต่ไม่ได้คำตอบจากภาคราชการที่เกี่ยวข้อง เตือนคะ อาจต้องทำจดหมายถามไปอีกครั้งที่อำเภอแม่อาย
๓.๓. ม้งเพชรบูรณ์หรือไม่ ?
๓.๓.๑. คงต้องเขียน เพราะ UNHRC ถาม และเขียนไว้บางส่วนแล้ว
๓.๓.๒. ม้งที่เพชรบูรณ์นำไปสู่ปัญหาสิทธิมนุษยชนหลายประการ จึงเกี่ยวข้องกับหลายข้อบท
๓.๓.๓. คงไปคุยกับ สมช.และทหารที่เกี่ยวข้อง เพราะเรายังไม่ได้ฟังเขาจริงๆ จังๆ
๓.๓.๔. ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไปเพชรบูรณ์ แต่อยากให้ได้ประเด็นเสียก่อนว่า จะไปดูอะไรที่เพชรบูรณ์
๓.๔. การตอบ Concluding Observation ที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัย (การทำงานของคณะกรรมการบริหารจังหวัดด้านการรับผู้ลี้ภัย ซึ่ง ...ขาดกระบวนการพิจารณาด้านผู้ลี้ภัยอย่างเป็นระบบ ..... พิจารณาว่า ชาวม้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์นั้นไม่ใช่ผู้ลี้ภัย และกำลังจะเผชิญกับการถูกผลักดันไปสู่ความตาย .... แผนการเคลื่อนย้ายผู้อพยพเมื่อเดือน มีนาคม 2548)
๓.๔.๑. ต้องหารือกับอนุกรรมการศึกษาคนชายขอบฯ หลายท่านแล้ว โดยเฉพาะ อ.ด๋าว ดรุณี และคุณฉัตรชัย ซึ่งการประชุมในครั้งหน้า ก็คงได้ข้อยุติร่วมกันทั้งหมด
๓.๔.๒. ประเด็นว่า เตือนจะจัดประชุมให้ได้เมื่อไหร่คะ ?
๓.๔.๓. เราคงจะได้คำตอบในที่ประชุมนี้ว่า ควรไปถึงเพชรบูรณ์หรือไม่ ??
๓.๕. ประเด็นการช่วยกันเขียน
๓.๕.๑. ในกรณีที่พี่อังจะเขียนเรื่องคนชายขอบในรายงานของพี่อัง ก็ดีค่ะ จะได้มีมุมมองที่หลากหลายในเรื่องนี้
๔. คำถามของพี่อังและเตือนเกี่ยวกับการสื่อสารและการร่วมงาน
๔.๑. ประเด็นการเข้าร่วม Focus Group เรื่องคนชายขอบ
๔.๑.๑. เรื่องพี่เล็ก (อนุฯเขียน) ที่จะรับผิดชอบการเขียนรายงานในส่วนคนชายขอบ ก็เห็นด้วยว่า ควรเชิญพี่เล็กเข้าร่วมด้วยทุกครั้ง
๔.๑.๒. รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่เราตรวจสอบ ก็ควรเชิญเข้าร่วม อย่างจะไปคุยเรื่องคณะกรรมสิทธิมนุษยชนแห่งชาตินั้น ก็ควรเชิญองค์กรภาคประชาชนที่ทำงานด้านคนชายขอบทุกองค์กร
๔.๒. ประเด็นการสื่อสารระหว่างกัน
๔.๒.๑. ในความเป็นจริง เราก็อีเมลล์สื่อสารการทำงานของคณะอนุชายขอบกันแทบทุกวัน ควรจะ add พี่อังเข้ามาด้วย จะได้แก้ไขประเด็นการสื่อสารได้บ้าง
๔.๒.๒. นัดคุยกันสักรอบก็ได้ค่ะ กับอ.แหวว อ.ณรงค์ พี่อัง พี่เล็ก ฯลฯ โดยเฉพาะพี่แจ๊ สุขภาพดีขึ้นแล้วยังคะ ? ไปเยี่ยมพี่แจ๊กันไหม ?
พูดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พอแล้วมั่ง ข้อยว่า โพนทนาก็สูญเปล่า
การ "โพนทนา" ก็น่าจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สังคมได้มังคะ ต้องการจะบอกอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าคะ