ผมว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ทราบว่า การสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยของไทยในปัจจุบัน ช่างแสนจะยุ่งยากซับซ้อนซ่อนเงื่อน..จนเด็กเครียดกันเป็นทิวแถว....
เพราะจะต้องรีบสอบไล่ปลายภาคเรียนที่สองประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ตามด้วยการสอบโอเน็ต และ PAT และ GAT ประมาณช่วงมีนาคม..
เทศกาลปีใหม่แทนที่จะเป็นช่วงเวลาความสุขของเด็กไทยในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลับกลายเป็ยความเครียดและวุ่นวาย
พอสมควร ไหนจะเรื่องสอบตรง เรื่องสอบแอดมิชชันเข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีลูกเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายบ้างย่อมไม่
รู้ ไม่เข้าใจปัญหาสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กไทย...
ล่าสุดนี้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือการสอบแอดมิชชั่น...มีข้อเสนอเพิ่มการสอบ PAT หรือความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ เป็น 25 วิชา...ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการเตรียมตัวของนักเรียนในความปกครองของท่านทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อเสนอจากคณะทำงานแอดมิชชั่นบางท่าน เสนอให้มีการใช้การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) แทนการสอบไล่ปลายภาคสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้เด็กคลายความเครียดและลดความกดดันของนักเรียนเพราะต้องสอบหลายอย่างหลายประเภทในเวลาเดียวกัน..ซึ่งได้แก่ สอบปลายภาค สอบโอเน็ต และสอบ GATและ PAT ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม..
ข้อเสนอดังกล่าว..เสนอให้มีการนำร่องใช้กันตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 วิธีการก็คือให้นักเรียนมีคะแนนเก็บจากโรงเรียนประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ แล้วใช้คะแนนโอเน็ตอีก 10-20 เปอร์เซ็นต์ไปรวมเพื่อใช้ในการตัดเกรด...ในอนาคตอาจเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้....
ข้อเสนอดังกล่าว..มองดูน่าจะดีเพราะผู้ที่สนับสนุนบอกว่า จะทำให้เกิดคุณภาพของข้อสอบ แก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมของเกรดนักเรียนด้วย..เพราะบางโรงเรียนก็มีการกดเกรด..บางโรงเรียนก็มีการปล่อยเกรด..ฟังดูแล้วทุกฝ่ายน่าจะรับได้
สำหรับผมเองมีข้อคิดเห็นในฐานะครูมัธยมศึกษา ดังนี้ครับ
ประการแรก...การสอบโอเน็ตทุกวันนี้คลายมนต์ขลังไปมากทีเดียว นักเรียนเป็นจำนวนมากไม่ให้ความสำคัญ เพราะว่า มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดโอกาสให้สอบตรงสอบโควตาได้ และมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนก็มีให้เลือกเรียนเป็นจำนวนมากโดยไม่ต้องพึ่งระบบแอดมิชชั่น..มีที่เรียนอยู่แล้ว..จะไปสนใจ โอเน็ต PAT และ GAT ให้ยุ่งยากกับชีวิตอีกทำไม
ประการที่สอง..การใช้คะแนนโอเน็ตมาร่วมในการตัดเกรดปลายภาคเรียนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ย่อมส่งผลต่อหลักสูตรและรายวิชาของแต่ละโรงเรียนอย่างแน่นอนเพราะ ครูเขาออกแบบรายวิชา หน่วยการเรียนไว้ 6 ภาดเรียน สอนจบตัดเกรดกันเสร็จจึงสอบโอเน็ตกัน..ถ้าเป็นตามข้อเสนอ..พวกเราจะได้ยุบรายวิชาเหลือเพียง 5 ภาคเรียนส่วนภาคเรียนที่ 6 จะได้เปิดสอนวิชาเตรียมสอบโอเน็ต และ PAT และGAT กันซะเลย..
อยากให้คนคิด คนวางแผนในเรื่องนี้ฟังคนมัธยมศึกษากันบ้าง อย่างน้อยเขามีวิถีชีวิตเข้าใจเด็กในระดับนี้เป็นอย่างดี..ต้องฟังให้มาก ๆ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนและผู้ปกครองเพราะคนทั้งสองกลุ่มนี้..เครียดมากครับ
อาจารย์ครับ
นี่หละครับเมืองไทย
ผู้บริหารโดยมากเป็นนักวิชาการ (ที่มักจะล้นเกิน) ไม่เข้าใจความเป็นจริง
คนเก่งและดีไม่มีโอกาสเลยที่จะเข้าไปบริหารและกำหนดนโยบาย
ที่มีอยู่ก้เป็นพวกตรงข้าม (กับเก่งและดี)
ผมไม่แปลกใจเลยที่ปฏิรูปการศึกษาจึงทำได้แค่นี้ (ถอยหลังลงคลอง)
ขอบคุณอาจารย์นะครับที่เข้าไปแวะเยี่ยมเยียน
ผมเป็นชาวเขาคนหนึ่ง อยากเขียนถึงคนเล็กคนน้อย
ดีใจที่มีคนอ่าน และอยากเรียนรู้เรื่องของพวกเขาครับ