หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

ไร่หมุนเวียน : วิถีแห่งปกาเกอะญอ ตอนที่ ๒


พิธีหนี่ซอโข่ในเดือนทีแพะนี้ นอกจากจะเป็นการเรียกขวัญสมาชิกในครอบครัวให้กลับคืนมาสู่ในสภาวะที่จะพร้อมทำการเพาะปลูก เป็นการขออนุญาตสิ่งสูงสุดในการใช้ธรรมชาติป่าเขาเพื่อทำมาหากิน เป็นการขอพรท่านให้คุ้มครองชาวบ้าน คุ้มครองผลผลิตให้งอกงามอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นเงื่อนไขให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้มีโอกาสปรึกษาหารือกัน บางคราวก็รวมไปถึงการเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกด้วย

     พิธีหนี่ซอโข่ในเดือนทีแพะนี้ นอกจากจะเป็นการเรียกขวัญสมาชิกในครอบครัวให้กลับคืนมาสู่ในสภาวะที่จะพร้อมทำการเพาะปลูก เป็นการขออนุญาตสิ่งสูงสุดในการใช้ธรรมชาติป่าเขาเพื่อทำมาหากิน เป็นการขอพรท่านให้คุ้มครองชาวบ้าน คุ้มครองผลผลิตให้งอกงามอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นเงื่อนไขให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้มีโอกาสปรึกษาหารือกัน บางคราวก็รวมไปถึงการเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกด้วย

     หลังพิธีหนี่ซอโข่ ซึ่งยังไม่พ้นเดือนทีแพะ แต่ละครัวเรือนก็จะเริ่มหาที่ทำไร่ข้าวสำหรับปีนี้ พื้นที่ที่จะเลือกจะต้องเป็น ไร่เหล่าแก่ เท่านั้น

     ไร่เหล่าแก่ คือ พื้นที่ที่เคยทำไร่เมื่อหกเจ็ดปีที่แล้ว มีลักษณะเป็นป่าย่อม ๆ ต้นไม้ไม่ใหญ่มากเหมือนป่าดงดิบหนาทึบ

     ไร่เหล่าซึ่งเป็นพื้นที่ทำกินเก่าของชาวบ้านมีหลายประเภท มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น

     ไร่เหล่าข้าวกิน เป็นไร่ที่ทำเมื่อปีที่แล้ว จะเห็นตอข้าวเหลืองซีดอยู่เต็มไร่ พืชผักหลายชนิด เช่น ถั่ว มัน เผือก ฟักทอง ฟักเขียว พริก ฯลฯ นอกจากนั้นพื้นที่นี้ยังเป็นที่หากินของสัตว์เลี้ยงจำพวกวัวควายของชาวบ้าน เนื่องจากยอดอ่อนของต้นไม้ใบหญ้าแตกกองดงาม ตอไผ่ที่ตัดแบบมิได้ขุดรากถอนโคนก็เริ่มแตกกอใหม่ เป็นที่อยู่ที่หากินของสัตว์เล็กสัตว์น้อย อย่างเช่น หนู ตุ่น อ้น ฯลฯ

     ไร่เหล่าขาว เป็นปีที่สองที่ปล่อยพื้นที่ทิ้งไว้ ตอข้าวเริ่มเปื่อยผุพังกลายเป็นปุ๋ยคืนสู่ดิน ต้นสาบเสือออกดอกขาวสะพรั่งกับต้นหญ้างอกงามปกคลุมแทนที่ ต้นไม้ที่เคยตัดตอหรือลิดกิ่งไว้ก็เริ่มแตกกิ่งก้านออกใบ สัตว์ป่าขนาดเล็ก พวก หนู ตุ่น อ้น นกชนิดต่าง ๆ เริ่มเข้ามาอยู่มากขึ้น ได้อาศัยพืชผักที่หลงเหลืออยู่กินเป็นอาหาร หน้าดินเริ่มมีไส้เดือนเข้ามาอยู่อาศัยทำหน้าที่ไถพรวนดินให้ร่วนซุยตามธรรมชาติต่อไป วัวควายยังสามารถเบียดตัวเองเข้าไปกินยอดอ่อนของต้นไม้ใบหญ้าได้ รวมทั้งชาวบ้านก็อาจยังเก็บพืชผลบางอย่างมากินได้อีก

     ไร่เหล่าอ่อน เป็นป่าที่ปล่อยให้ฟื้นตัวเป็นปีที่สาม กอไผ่แตกหน่อออกกอลำเท่าแขนขา สูงลิ่วลู่ลม กิ่งก้านของต้นไม้ที่ลิดไว้เมื่อสองปีที่แล้วแตกช่อออกใบมากขึ้นปกคลุมพืชล้มลุกพวกหญ้าและต้นสาบเสือจนเติบโตต่อไปลำบาก เริ่มแห้งเหี่ยวตายไปเป็นส่วนใหญ่ แม้ยังมีต้นหญ้ารกรุงรังแต่ก็มีพื้นที่พอให้สัตว์ป่า พวก เก้ง หมูป่า เม่น ให้หลบภัย อยู่อาศัยและหากินได้ ในพื้นที่นี้หากชาวบ้านปลูกพืชจำพวกกล้วย มะละกอทิ้งไว้ตั้งแต่ปีแรก ๆ ปีนี้ก็ยังได้อาศัยเก็บผลกินได้

     ไร่เหล่ากระทง เป็นป่าที่ปล่อยทิ้งไว้เป็นปีที่สี่ ถ้าเปรียบกับคนก็อยู่ในวัยที่เริ่มเข้าสู่รุ่นหนุ่มสาว กอไผ่สูงใหญ่แน่นหนามากขึ้น ต้นไม้กิ่งก้านใหญ่โตขึ้นลำต้นโตเท่ากับโคนขา ต้นไม้บางชนิดเติบโตพอจะออกลูกออกผล เช่น มะขามป้อม พอได้เป็นอาหารให้แก่สัตว์ป่าจำพวกเก้งได้ ต้นไม้เล็กไม้น้อยพวกต้นสาบเสือและต้นหญ้าแห้งตายจนหมดเนื่องจากถูกบดบังแสงจากต้นไม้ใหญ่ ป่าเริ่มโปร่งขึ้นจนไม่อาจเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าที่เคยอยู่ในปีที่ผ่านมา ยกเว้นพวกไก่ป่าและนกต่าง ๆ ที่มาอาศัยคอนทำรัง แพร่ขยายพันธุ์

     ไร่เหล่าหนุ่ม เป็นป่าที่ถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นปีที่ห้า เปรียบดั่งคนที่ก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา ต้นหญ้าต้นสาบเสือที่เคยมีสองสามปีก่อนเปื่อยผุพังแล้ว ทำให้ใต้ร่มไม้โล่งเตียนมากขึ้น ผู้คนสามารถเดินเข้าออกได้ง่าย จึงไม่มีสัตว์ป่ามาหลบอาศัยในป่านี้อีก ยกเว้นสัตว์จำพวกเก้ง กวางที่มักอบมาหลบหากินลูกมะขามป้อมในตอนกลางคืน

     จวบจนปล่อยไว้จนถึงปีที่หก ไร่เหล่าจะกลายเป็นไร่เหล่าแก่ กิ่งก้านต้นไม้จากตอที่เหลือทิ้งไว้จากการทำไร่คราวที่แล้ว มาบัดนี้ลำต้นอวบใหญ่พอที่จะทำเสาเรือนและซ่อมบ้านได้ กิ่งก้านสาขายังนำไปทำฟืน และล้อมรั้วป้องกันสัตว์เลี้ยงสัตว์ป่า เศษกิ่งไม้ใบหญ้าเมื่อเผาแล้วก็เป็นเถ้าธุลีเป็นปุ๋ยบำรุงให้ต้นพืชที่เพาะปลูกเติบโตงอกงามให้ผลดี สภาพพื้นดินร่วนซุยไม่จำเป็นต้องขุดไถพรวนจนลึก เพราะธาตุอาหารอยู่เพียงผิวหน้าดิน การลงมือปลูกพืชผักก็ไม่ใช่งานที่หนักจนเกินไป

     การเลือกพื้นที่ทำไร่ของชาวบ้านเป็นสิ่งที่เคร่งครัดมาก การทำไร่ในพื้นที่เดิมที่เคยทำเมื่อปีที่ผ่านมาปีแล้วปีเล่า จะทำให้พื้นที่ลดความอุดมสมบูรณ์ลง โรคพืช แมลง และวัชพืชจะมีมากจนทำให้ทำงานหนักมากขึ้น ในขณะที่พืชผลที่ได้ก็จะไม่สมบูรณ์เต็มที่

     แม้ว่าจะเป็นไร่เหล่าแก่ แต่มีลักษณะต้องห้ามหลายประการที่ไม่สามารถทำได้ เช่น อยู่ฝั่งตรงข้ามภูเขาหรือลำห้วยซึ่งเป็นพื้นที่ทำไร่เมื่อปีที่แล้ว, อยู่กันคนละฟากกับพื้นที่ทำไร่เมื่อปีที่แล้วซึ่งอยู่บนภูเขาลูกเดียวกัน, เป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับที่ทำไร่เมื่อปีที่แล้ว, อยู่ตรงกันข้ามโดยมีหมู่บ้านคั่นกลาง นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ที่ห้ามทำไร่โดยเด็ดขาด ได้แก่ ภูเขาที่มีลำห้วยล้อมรอบ, บริเวณที่มีตาน้ำผุดขึ้นมา, บริเวณแอ่งน้ำนิ่ง เป็นต้น

     เมื่อเลือกพื้นที่จะทำไร่ในปีนี้ได้แล้วอย่างถี่ถ้วน ก็ใช่ว่าจะลงมือทำได้ทันที หัวหน้าหมู่บ้านจะต้องไปทำพิธีเสี่ยงทายด้วยว่าพื้นที่ที่เลือกนี้จะเหมาะแก่การทำไร่หรือไม่ โดยการนำกระดูกไก่ที่เก็บไว้จากการทำพิธีหนี่ซอโข่ที่ผ่านมา มาทำพิธีเสี่ยงทายด้วยกรรมวิธีของท่าน ต่อเมื่อพื้นที่ผ่านการเสี่ยงทายแล้วจึงจะสามารถลงมือถางไร่ได้

     การถางไร่พื้นที่ไร่เหล่าแก่นี้ ชาวบ้านจะไม่ตัดต้นไม้แบบขุดรากถอนโคน แต่จะตัดต้นให้เหลือตอสูงพอประมาณ พอที่ต้นไม้จะแตกช่อออกในปีถัดไปได้ ต้นไม้ต้นใหญ่ กิ่งมาก ใบดก จะไม่โค่นลง เพียงแต่จะลิดกิ่งไม้ออกพอให้แสงแดดส่องเข้าถึงพื้นที่ไร่ จะมีเหลือกิ่งก้านเล็ก ๆ บริเวณปลายยอดเหลือไว้บ้างเพื่อเป็นที่เกาะของนกพญาไฟ ตามความเชื่อที่สืบทอดมาจากบรรพชน

     งานถางไร่ถือเป็นเรื่องใหญ่และงานหนักของแต่ละครอบครัว ชาวบ้านจึงต้องพึ่งพาอาศัยแรงงานซึ่งกันและกัน เวียนไปจนครบทุกครอบครัว ซึ่งกว่าจะครบทุกบ้านก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งเดือน

 

     ต้นเดือนลาเซอ... (ราวเดือนเมษายน)

     ไร่เหล่าที่ถูกถางราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเศษไม้ใบหญ้ากองเกะกะอยู่ทั่วทั้งผืนไร่ แสงแดดร้อนแรงยามหน้าแล้งแผดเผาจนแห้งสนิท ระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งการ ตากไร่ ซึ่งได้ผ่านพ้นไป และล่วงเข้าสู่การ เผาไร่ แล้ว

     ยามบ่ายตะวันเลยหัวไปทางทิศตะวันตก รอบ ๆ ไร่เหล่าชาวบ้านหญิงชายหลายสิบคนขะมักเขม้นทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟจากการเผาไร่ลุกลามเข้าสู่พื้นที่ป่า

     รุ่งขึ้นเวลาเดียวกัน เสียงกึกก้องประหนึ่งเสียงระเบิดดังออกมาจากผืนไร่ เปลวไฟโหมพันขึ้นบิดเป็นเกลียวตามลม เผาผลาญเศษไม้ใบหญ้าทั่วทั้งผืนไร่กลายเป็นเถ้าผ่าน

     จนเวลาผ่านไปชั่วครู่ ไฟไหม้ซาลงแล้ว เมื่อมองเข้าไปในผืนไร่จะเห็นควันไฟตลบอบอวลและถ่านไฟสีแดงกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด พ่อบ้านหัวหน้าครอบครัวค่อย ๆ เดินไปบริเวณใจกลางไร่ แล้วปักไม้ที่เตรียมมาเรียกว่า หมายไร่ แล้วก็พากันกลับบ้าน

     วันรุ่งขึ้นแม่บ้าน หญิงสาวและเด็กสมาชิกของแต่ละครอบครัว จะออกไปปลูกข้าวโพดในไร่ที่ผ่านการเผาไหม้มาตั้งแต่เมื่อวาน การปลูกข้าวโพดของชาวบ้านมักจะปลูกให้เสร็จภายในสามวัน หลังจากนั้นก็จะปลูกพืชผักอื่น ๆ เช่น แตงลาย แตงกวา เผือก เป็นต้น

     หลังจากเผาไร่ได้สัก ๒ ๓ วัน พ่อบ้านและลูกชายจะช่วยกันปลูกกระท่อมและล้อมรั้วไร่ ผู้หญิงนอกจากการปลูกข้าวโพดแล้วยังต้องเก็บเศษเถ้าถ่านในไร่ให้โล่ง เศษไม้เหล่านี้หากยังอยู่ในสภาพที่พอทำรั้วได้ก็จะนำไปพิงไว้ข้าง ๆ ไร่ ส่วนที่สั้น ๆ หงิก ๆ งอ ๆ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็จะนำไปกองที่ใดที่หนึ่งในไร่แล้วก็เผาอีกครั้ง

 

หมายเลขบันทึก: 292624เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2009 12:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
  • อ่านแล้วเข้าใจ ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท