อัจฉรา
นางสาว อัจฉรา มิว สุทธิสุนทรินทร์

รายละเอียดการช่วยเหลือน้องหม่อง(วันแรก)


วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๒

เช้าวันนี้ตั้งใจจะมาเช้า แต่เมื่อคืนกลับบ้านดึกจึงทำให้มาสายกว่าที่วางแผนไว้ประมาณ ๑ ชั่วโมง ภารกิจแรกเริ่มจากทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แจ้งให้ทราบว่าทางเด็กชายหม่อง ทองดี และ ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยทราย จะขอเข้าพบเพื่อติดตามเรื่องขออนุญาตออกนอกพื้นที่ จากนั้นก็ส่งให้เพื่อนเม่น ส่งแฟ็กซ์ไปที่หน้าห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และฝ่ายอื่น ๆ ในกระทรวงมหาดไทยด้วย

หลังจากมาที่ มธ.แล้วก็ได้รับโทร.จากอ.แหวว ถามว่าจะเอาความเห็นทางกฎหมายไปให้ใครบ้าง หารือกันเสร็จ ก็ได้วางแผนกับ อ.ไหมต่อ เราสองคนจะแบ่งกันเอาความเห็นทางกฎหมายไปให้

อ.ไหม เอาไปให้ สน.มน. และ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ส่วนเราเอาไปให้ กองการต่างประเทศที่ ศรีย่าน

วินมอเตอร์ไซด์เอาไปให้ส.ส. ที่รัฐสภา

เวลา ๑๐.๓๐ น.ทุกคนเริ่มปฏิบัติการ แต่เรายังไม่ได้ออกไปศรีย่าน เพราะคิดว่าจะโทร.คุยกับหัวหน้าทัศนะ หัวหน้าสิงห์ ก่อนว่าอยู่ทีไหนกัน หลังจากหาเบอร์โทร.ได้ได้คุยกับหน้าห้องของท่านทั้งสอง จึงรู้ว่าหัวหน้าทัศนะไปต่างประเทศ หัวหน้าสิงห์อยู่กระทรวงมหาดไทย

โทร.หา อ.ไหม พอดีว่าอ.ไหม กำลังคุยกับหัวหน้าสิงห์ที่ กระทรวงมหาดไทย เราเลยรีบนั่งสามล้อ พร้อมกับหอบความเห็นทางกฎหมายไปหลายชุด ไปสมทบกับอ.ไหม จึงได้คุยกับหัวหน้าสิงห์ และคุณธรรมคุปต์ จึงได้รู้ถึงว่าคำตอบที่จะออกมาคงไม่สู้ดีแน่

อ.ไหม ได้ขอความเห็นที่ทางกองการต่างประเทศทำถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย และได้อ่านในนั้นก็รู้คำตอบว่าทางกองการต่างประเทศมีความเห็นไปในทางที่ไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศได้

เวลา ๑๒.๐๐ น. ผอ.ดวงฤทธิ์ โทร.หาว่าถึงที่พักแล้ว จึงให้ทานข้าวกลางวันก่อน และให้ตามมาที่กระทรวงมหาดไทย มาเจอกันที่หน้าห้องปลัดกระทรวงหาดไทย

เรา และอ.ไหม ไปทำเรื่องขอเข้าพบปลัดกระทรวงมหาดไทย รออยู่หน้าห้องได้สักพัก ก็เห็นความวุ่นวายบังเกิดขึ้น ไม่รู้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนต่างทยอยเดินเข้า-ออก ห้องปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นว่าเล่น

ช่วงนั้นเราโทร.หาอ.แหวว เพื่อรายงานสถานการณ์ว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว

เวลา ๑๓.๑๐ น. ผอ.ดวงฤทธิ์ ครูน้อย และเด็กชายหม่อง เดินทางมาสมทบที่หน้าห้องปลัดกระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปพบที่ห้องอธิบดีกรมการปกครอง อ.ไหมจึงได้นำพาทั้งสามไปก่อน

ส่วนเราจะไปตามหนังสือที่ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยเซ็นต์ออกไปแล้ว แต่อ.แหววก็ท้วงว่าเราต้องไปอยู่พร้อมกับพวกเขาด้วย เราจึงรีบวิ่งตามไป

พอไปถึงภาพที่เห็น มีนักข่าวเยอะมากกกกกกกกกกก ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ่ายภาพน้องหม่องพับเครื่องบิน เราและ อ.ไหม ก็หารือกันว่าจะต้องแบ่งบทบาทว่าใครจะช่วยด้านไหนบ้าง ก่อนเข้าห้องพบอธิบดีก็ได้โทร.ไปหาอ.แหววอีกครั้งเล่าสถานการณ์ให้ฟังต่อ อ.แหววก็เตรียมเราสองคนว่าต้องพูดอะไรบ้าง

อธิบดีกรมการปกครองคงไม่ทราบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เห็นเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องด้วยนานมากกว่าจะเรียกเด็กชายหม่องเข้าไปพบได้

พอทุกคนเข้าห้องอธิบดีรวมทั้งนักข่าว อ.ไหม และเรา ถูกนักข่าวสำนักต่าง ๆ รุมเบียดไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ กว่าจะหาที่ยืนได้ลำบากมาก ณ เวลานั้น ทางอธิบดีก็ให้แถลงข่าวชัดเจนว่า ทางมหาดไทยไม่มีอำนาจอนุญาตให้เด็กชายหม่อง ทองดี เดินทางออกนอกประเทศได้ ทันใดนั้นน้ำตาของคนทั้งสามก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

เราและอ.ไหม ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่คิดอย่างเดียวว่าไม่ได้น้องเขาต้องไปให้ได้และด้วยความตื่นเต้น เราเลยต้องแทรกเสียงของเราขึ้นมาระหว่างนั้นเอง จากนั้นจึงนั่งหารือกันถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ อ.ไหมก็ช่วยเสริมประเด็นกฎหมายระหว่างประเทศ แต่สังเกตได้อย่างหนึ่งระหว่างที่เรานั่งถกเถียงข้อกฎหมายกันบางสื่อก็ทยอยเดินออกจากห้องเหมือนกับว่าได้รู้คำตอบแล้ว

ระหว่างนั้นมีโทร.เข้ามาเยอะมากแต่เราไม่สามารถรับได้ โชคดีที่อ.ไหมรับ และคอยรายงานสถานการณ์ในห้องนั้นได้ทราบ อ.แหววโทร.เข้าเพื่อขอคุยกับอธิบดีกรมการปกครอง และหัวหน้าสิงห์ แต่ไม่มีใครยอมคุยด้วย

ทางเราจึงขอตัวบทกฎหมาย นโยบาย ระเบียบอะไร มาตราไหน ข้อไหน ที่บอกว่าไม่ให้น้องหม่องเดินทางออกนอกประเทศได้ จึงได้ทราบว่าทางกองการต่างประเทศใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (สำหรับผู้ที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติไว้ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗) ซึ่งทางเราชี้แจงแล้วว่าคงต้องใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา ๑๗ ด้วย

อธิบดีกรมการปกครองก็สรุปว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ออกนอกประเทศได้ ทางเราจึงชี้แจงว่าอย่างไรสภาทนายความคงต้องเข้ามามีบทบาทตรงนี้ด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ออกจากห้องอธิบดีกรมการปกครอง พวกเราทุกคนก็หารือกันว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป อ.ไหมก็โทร.คุยกับอ.ด๋าว เรื่องข้อเท็จจริงในการร่างฟ้อง และประสานกับครูที่โรงเรียนให้นำเอกสารต่าง ๆ ให้พ่อเด็กชายหม่องรับรองสำเนาถูกต้อง

ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยมากขอนั่งพักสักครู่ คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น พอดีแบตโทร.มือถือของเรา อ.ไหม ผอ.ดวงฤทธิ์ ครูน้อย หมด เลยต้องกลับไปที่มธ.ขอตั้งหลักเสียก่อน

อ.ไหมได้โทร.ให้ โอ๊ต ตั้ม ดวง ซื้อของกิน และน้ำเปล่าเผื่อพวกเราทุกคน ระหว่างทางได้รับโทร.จากทีวีไทย (คุณผึ้ง) ทาบทาบให้ไปออกรายการข่าวเช้าทีวีไทย พร้อมน้องหม่อง และผอ.ดวงฤทธิ์ พรุ่งนี้เช้า เวลา ๐๖.๐๐ น.

เวลา ๑๗.๐๐ น. ถึงมธ. นั่งหารือพูดคุยกันที่ใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ น้องหม่องก็นั่งพับเครื่องบิน ระหว่างนี้โทร.ของพวกเราสลับกันดังไม่หยุดหย่อน ได้หารือกับครีเอทีฟรายการตาสว่าง (พี่บิ๊ก) ว่าที่จะออกรายการตาสว่างคืนนี้จะเป็นอย่างไร ได้ยินว่าจะโฟนอิน อธิบดีกรมการปกครองด้วย พวกเราก็ต่อรองถ้าโฟนอินอธิบดีกรมการปกครองคงต้องมีนักกฎหมายด้วย ไว้แก้สิ่งที่อธิบดีให้คำตอบผิดกลางรายการ แต่อยู่ระหว่างการหารือ

เวลา ๑๘.๐๐ น. โอ๊ต ตั้ม ดวง พาน้องหม่อง และครีเอทีฟรายการตาสว่างไปทานอาหารเย็นที่ท่าพระจันทร์

เวลา ๑๙.๓๐ น. พวกเราเดินทางไปถึงช่อง ๙ น้องหม่องก็หลับสนิทหลังจากที่มีน้ำตามาทั้งวัน เราและอ.ไหมได้ต่อรองกับรายการตาสว่างจนในที่สุดก็ว่าจะโฟนอิน อ.แหววเข้ารายการด้วย

ก่อนอัดรายการนั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง คุณกนก ก็เดินเข้ามาพบ และได้พูดคุยประเด็นกันนิดหน่อย และหารือคุณกนก ถึงการติดต่อท่านชวรัตน์ ในที่สุดก็ได้เบอร์ติดต่อมา ต้องขอบคุณมาก ๆ นะคะ

ขณะอัดรายการสด อธิบดีกรมการปกครองให้สัมภาษณ์ ไม่เป็นไปตามกฎหมายแต่อย่างใด แต่ที่เราตกใจมากก็คือ ไม่มีการโฟนอินของอ.แหวว

หลังจากเสร็จรายการทางครีเอทีฟก็มาขอโทษว่าเวลาหมด ไม่สามารถโฟนอินของอ.แหววได้ แต่ทางเราก็ได้พูดไปด้วยว่าสิ่งที่อธิบดีพูดมามันไม่จริงทั้งหมด แล้วเช่นนี้คนทั้งประเทศก็จะเข้าใจผิด ๆ ได้

และพวกเราก็เดินทางกลับ ระหว่างเดินทางกลับ อ.เตือน โทร.หาอ.ไหมว่าอ.แหววโฟนอินอยู่ เราเลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น สงสัยอ.แหววคงไม่ยอม ทำให้กลับมาคิดว่า เราคงยอมอะไรง่ายเกินไป (รู้สึกแย่มาก)

ส่งผอ.ดวงฤทธิ์ ครูน้อย น้องหม่อง ที่คุรุสภา เสร็จ มิว อ.ไหม ได้หารือกันว่าพรุ่งนี้ใครจะต้องทำอะไรบ้าง จึงโทร.หาอ.เตือนด้วยว่าอ.เตือนต้องทำอะไรบ้าง

แผนที่วางไว้ เวลา ๕.๓๐ น. รถทีวีไทยจะมารับน้องหม่องที่คุรุสภา ไปออกรายการ ข่าวเช้าทีวีไทย

ก่อนเที่ยงจะต้องไปศาลปกครอง

ตอนบ่ายเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ถ้าครูแดงนัดได้)

ตอนบ่ายเข้าพบคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา (รอคอนเฟิร์มเวลา)

หมายเลขบันทึก: 295264เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2009 17:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 13:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชื่อนชมในน้ำใจของอาจารย์และทุกๆ ท่านเป็นยิ่งนัก

อย่างน้อยก็ยังทำให้พอชื่นใจได้ว่ากฎหมายมักไม่จำเป็นต้องตีความเพียงด้านเดียวเสมอไป

สู้ๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท