อ.ไหม ของผม...


.....การนำเสนอข้อความจริงในรูปของกรณีศึกษา จึงไม่ใช่เพียงแค่การเล่าเรื่องชีวิตจริงของใครสักคนให้กับนักศึกษาฟัง แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นความท้าทาย ท้าทายให้นักศึกษาได้คิด และสกัดเอาหลักกฎหมายจากที่ได้เรียน........มาใช้สู้กับความท้าทายเหล่านั้น

            หลังจากผ่านเรื่องน้องหม่อง ทองดี เด็กไร้สัญชาติ ที่ในท้ายที่สุดก็ได้เดินทางตามความฝันและตาม สิทธิ ไปแข่งขันเครื่องบินกระดาที่ญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้สอนอะไรกับทีมงานมากมายทีเดียว ซึ่งก็เพราะเหตุการณ์นี้อีกเช่นกัน ที่ทำให้ผมเขียนบันทึกนี้ล่าช้า บันทึกครั้งนี้ ผมไม่ได้จะเขียนเรื่องราวของน้องหม่อง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสู่สังคมอย่างมากมายทั้งสื่อทางโทรทัศน์ วิทยุ รวมถึงอินเตอร์เนท แต่สิ่งที่ผมจะถ่ายทอดในวันนี้ก็คือเรื่องราวของอ.ไหม กิตติวรญา รัตนมณี ผู้ช่วยทางวิชาการของอ.พันธุ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร

            บ่ายวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมต้องไปธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อไปเรียนวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล กับท่านอ.พันธุ์ทิพย์ แต่ในครั้งนี้ คนที่ไปสอนแทนคืออ.ไหมของพวกเรา เนื่องจากว่าอ.พันธุ์ทิพย์ติดธุระด่วน เนื่องจากกรณีของน้องหม่อง ทองดีนั่นเอง ก่อนการสอนนั้นทางอ.พันธุ์ทิพย์ก็ได้เตรียมPower pointที่จะใช้สอนนักศึกษา พร้อมกับเอกสารประกอบการสอนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาในการสอนครั้งนี้ ก็เป็นเรื่องทางแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการประชากร บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ทางคณะผู้ช่วยของอ.พันธุ์ทิพย์ก็อุ่นใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องที่อ.ไหม มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีประสบการณ์จริงในเรื่องเหล่านี้อยู่มากทีเดียว ตัวผมเองต่างหากที่หวั่นใจ เพราะไม่ได้เตรียมตัวอ่านมาก่อน กลัวว่าจะจับประเด็นการเรียนในครั้งนี้ไม่ได้

            พวกเราก็มีผม พี่โอ๊ต(ปุณฑวิชญ์ ฉัตรมงคลชาติ : ผู้ช่วยของอ.พันธุ์ทิพย์) และอ.ไหม ได้เดินทางออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เวลาประมาณเที่ยง ซึ่งก็เป็นการเดินทางที่เหนื่อยกว่าทุกครั้ง เนื่องจากช่วยกันคิดเทคนิควิธีในการนำเสนอข้อความจริงของสังคม ให้เห็นเป็นหลักกฎหมาย เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจถึงตัวบทกฎหมายและข้อเท็จจริง ที่ว่าเหนื่อยกว่าทุกครั้งคงจะมิใช่เพราะความเหนื่อยจากการช่วยกันเตรียมเทคนิควิธีการสอน แต่คงเหนื่อยเพราะพวกเราไมได้ทานข้าวเลยตั้งแต่เช้า อาจเนื่องเพราะพวกเราเป็นห่วงนักศึกษามากกว่า ห่วงว่าอ.ไหมจะอธิบายลงลึกเกินไปในหลักกฎหมายจนนักศึกษาในชั้นปริญญาตรีจะไม่สามารถเข้าใจได้ถ่องแท้  ห่วงว่าอ.ไหมจะเป็นลม ล้มลงไปบนเวทีหน้าห้องเรียน และก็ยังห่วงคนไกลว่าอ.พันธุ์ทิพย์ของพวกเราจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ จะได้ทานข้าวเหมือนพวกเราหรือไม่ แต่ความห่วงกังวล ทั้งหมด ก็คงต้องถอดทิ้งไปเมื่อรถตู้มาส่งเราที่อาคารเรียนของคณะแพทย์ แต่ด้วยคงเพราะความห่วงกังวลต่างๆหรือไม่ รถเข็นที่ใช้ในการลำเลียงเอกสารนั้นเกิดหัก พังจนไม่สามารถเข็นขึ้นมาถึงห้องบรรยายได้ พวกเราก็เลยต้องช่วยกันหิ้วเอกสารประกอบการสอนกองโตขึ้นมาถึงห้องบรรยาย

            เมื่อเข้าสู่ห้องบรรยาย ผมก็เลยเร่งจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการสอนในครั้งนี้ และเร่ง(หรือไล่ ก็ไม่ทราบได้) ให้ อ.ไหม ไปทานชาเย็นและขนมปังที่ซื้อมาเตรียมไว้ก่อนที่จะขึ้นบรรยาย แล้วหลังจากนั้นวินาทีที่อ.ไหมต้องบรรยายจริงๆก็มาถึง อ.ไหมขึ้นบรรยายในประเด็นที่อ.พันธุ์ทิพย์เตรียมการสอนไว้ให้พวกเรา สภาพห้องเรียนในวันนั้นมีนักศึกษาเยอะมาก ยังกังวลอยู่เลยว่าจะมีที่นั่งพอสำหรับนักศึกษาหรือไม่ ซึ่งก็เป็นดังที่กังวลจริงๆ นักศึกษาบางส่วนต้องนั่งเรียนบนพื้นห้อง อาจเป็นเพราะการประสานงานของทางเจ้าหน้าที่หรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ อันทำให้ไม่อาจทราบถึงจำนวนนักศึกษาทั้งหมดในวิชานี้ แต่จากใจจริง ผมนับถือในความพยามของนักศึกษากลุ่มนั้นครับ (ก็ซื้อใจผมได้เยอะทีเดียวล่ะคับ) ย้อนกลับไปในวินาทีที่อ.ไหม หยิบไมค์ขึ้นบรรยายนั้น สภาพห้อง นักศึกษาก็ยังเสียงดังอยู่บ้าง แต่พอเมื่ออ.ไหมพูดได้สักครู่ นักศึกษาก็เงียบและตั้งใจฟังทีเดียว

            ขณะที่อ.ไหม บรรยายอยู่นั้น ผมก็จะคอยช่วยดูแลคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประกอบการสอน คอยกดเปลี่ยนหน้าPower point ให้กับอ.ไหม แต่แปลกที่วันนั้นแม้ผมจะไม่ได้อ่านเนื้อหา เตรียมมาก่อนล่วงหน้า ผมกับเข้าใจถึงหลักกฎหมายที่อ.ไหมพยามจะสะท้อนออกมาในรูปของข้อเท็จจริง สำหรับผม ผมถือว่าอ.ไหมทำได้ดีที่อธิบายให้ผมเข้าใจได้ ในเรื่องที่ผมไม่มีความเชี่ยวชาญมากนัก กลับเป็นตัวผมเองเสียต่างหากที่ผิดพลาด ผมกดเปลี่ยนหน้าPower pointผิดอยู่บ่อยครั้ง ผมยังนึกเข้าข้างตัวเองว่านักศึกษาคงไม่ใจร้ายแอบดุเราในใจ(มั้ง???)

            การบรรยายของอ.ไหมในครั้งนี้ แม้ว่าจะลงเน้นไปที่ข้อเท็จจริงต่างๆมากมาย ซึ่งก็อาจทำให้นักศึกษาบางส่วนกังวลใจ และใคร่รู้ในหลักกฎหมายมากกว่า  ผมขอตอบข้อกังวลใจของนักศึกษาแทนอ.ไหม เลยครับว่าที่อ.ไหมต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงให้มากนั้นเนื่องจาก ในส่วนของหลักกฎหมายนั้นทางอ.พันธุ์ทิพย์ก็ได้ทำการบรรยายไปแล้วในหลักการที่สำคัญ การนำเสนอข้อความจริงในรูปของกรณีศึกษา จึงไม่ใช่เพียงแค่การเล่าเรื่องชีวิตจริงของใครสักคนให้กับนักศึกษาฟัง แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นความท้าทาย ท้าทายให้นักศึกษาได้คิด และสกัดเอาหลักกฎหมายจากที่ได้เรียนมากับท่านอ.พันธุ์ทิพย์และท่านอ.ประสิทธิ์ มาใช้สู้กับความท้าทายเหล่านั้น

            แต่ใช่ว่านักศึกษาในห้องบรรยายจะไม่คิดตามข้อเท็จจริงที่อ.ไหมได้เสนอไป นักศึกษาส่วนใหญ่กลับสนใจข้อเท็จจริง และสามารถนำหลักกฎหมายที่ได้เคยเรียนมา มาปรับประยุกต์ใช้กับข้อเท็จจริงต่างๆได้อย่างดี(ทราบได้จากการตั้งคำภามของนักศึกษาในห้องครับผม ^_^)

            หลังจากการบรรยายจบลง พวกเราก็นั่งสรุปงานที่ได้ทำไปในวันนี้บนรถตู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับมาที่ท่าพระจันทร์ แต่ก็เป็นการสรุปงานที่รวดเร็วมาก เนื่องจากว่าอ.ไหม ดูท่าไม่สู้จะดีนัก อ.ไหมมีอาการวิงเวียนศีรษะ และดูเหนื่อยล้า พวกเราจึงหยุดสรุปงานกันบนรถตู้ และไปนั่งสรุปงานกันต่อที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านพระอาทิตย์ แต่สำหรับผมแล้วนั้นวันนี้อ.ไหมดูเหนื่อยเหลือเกิน แต่อ.ไหมก็ไม่ล้าแรง กลับมีแรงตอบคำถามและสรุปงานกันได้อีกหลายชั่วโมง ดังนั้นโดยส่วนตัวของผมแล้ว แม้ว่าวันนั้นจะมีอะไรหลายประการติดขัดไปบ้าง แต่ในท้ายที่สุดพวกเรา โดยอ.ไหมเป็นแกนหลัก ก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี แต่ท้ายสุด สำหรับวันนั้น ผมคงต้องขอโทษนักศึกษาที่ไม่สามารถตอบคำถามและให้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องได้ทั้งหมดทุกคำถามนะครับ (T_T อาจคงเพราะบางประเด็นนั้นผมไม่ได้หยิบมาใช้นานหลายปีแล้ว และในปัจจุบันผมก็วางหลักกฎหมายเหล่านั้น และสนใจในกฎหมายตัวอื่นเสียมาก ซึ่งก็ไม่แนะนำให้ทำตามนะครับ เพราะกฎหมายทุกประเภทล้วนมีความสำคัญและเกี่ยวพันกันอย่างมีนัยสำคัญครับ)

หมายเลขบันทึก: 295783เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2009 16:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดี ครับ

อ่านแล้ว...ขอเป็นกำลังใจให้ ครับ

 

ขอบคุณตั้มค่ะ

ชีวิตมนุษย์นะคะ ในบางวินาที แม้เราจะตั้งใจทำความดี แต่คนที่เราให้ใจเขา เขาก็อาจไม่เห็นในน้ำใจไมตรีของเรา

อ.ต้องพยายามทนให้ได้ค่ะ

เราคงมีความผิดพลาด

แต่เราตั้งใจดี ความดีอันนี้คงคุ้มครองพวกเราได้บ้างค่ะ

อ.เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงค่ะ

อ.ไหม จบนิติศาสตรมหาบัณฑิต ทำวิทยานิพนธ์เรื่องคนต่างด้าวในทะเบียนราษฎรไทย เชื่อได้ว่าถ้าความรู้ที่จะให้สอนน.ศ.คงสอนได้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่มีวิธีการสอนหรือเทคนิคการหว่านล้อมในบางครั้ง

สู้ ๆ สู้ตาย ต่อไปก็คงดีขึ้น

ขอบคุณตั้มค่ะ

ชีวิตมนุษย์นะคะ ในบางวินาที แม้เราจะตั้งใจทำความดี แต่คนที่เราให้ใจเขา เขาก็อาจไม่เห็นในน้ำใจไมตรีของเรา

อ.ต้องพยายามทนให้ได้ค่ะ

เราคงมีความผิดพลาด

แต่เราตั้งใจดี ความดีอันนี้คงคุ้มครองพวกเราได้บ้างค่ะ

อ.เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท