ฆราวาสนอนสาม..พระนอนสี่..เศรษฐีนอนหก..ยาจกนอนทั้งวัน


ไม่ว่าโยมหรือพระ..ก็ต้องอยู่ในหน้าที่ของตนเอง

          วันนี้..อาตมภาพจะขอนำเสนอปริศนาธรรมข้อหนึ่ง ซึ่งเคยได้ฟังจากพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวสอนไว้..ที่ว่า ฆราวาสนอนสาม พระนอนสี่ เศรษฐีนอนหก ยากจกนอนทั้งวัน..  เป็นปริศนาที่น่าสนใจดีจึงอยากจะเล่าให้โยมๆ ฟังกันมั่ง..ญาติโยมทั้งหลายคิดเห็นยังไงบ้างกับปริศนาธรรมข้อนี้..ตีความได้ว่ายังไงบ้าง ?

         คำว่า “ฆราวาสนอนสาม” นั้น  มิได้หมายถึงว่าโยมต้องนอนสามชั่วโมงต่อวันหนึ่งนะ  หากแต่หมายถึงว่า  ฆราวาสญาติโยมทั้งหลายจะต้องนอนอยู่กับธรรมะ 3 ข้อนี้ คือ ทาน ศีล และภาวนา  กล่าวคือ

        วันหนึ่ง ๆ นั้นโยมควรที่จะนอนอยู่กับทาน..คือทำการให้ทาน..ไม่จำเป็นว่าจะต้องใส่บาตรกับพระทุกครั้งไปก็ได้  โยมให้สิ่งทีเป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปที่เขาไม่มี  ให้วัตถุสิ่งของ  ให้รอยยิ้ม  ให้การช่วยเหลือ  ให้ไปเถิดนะโยม.. แต่ในการบรรดาการให้ทั้งหลายนั้นพระพุทธเจ้าสรรเสริญทรงสรรเสริญการให้ธรรมะ คือ  ให้ความรู้ ให้ข้อคิด ให้สติปัญญา  ประเสริฐกว่า

         วันหนึ่ง ๆ นั้นโยมควรที่จะนอนอยู่กับศีล..คือ ต้องรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์  ไม่ทำการล่วงละเมิดศีลห้า  คือไม่ฆ่าสัตว์  ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียผัวคนอื่น ไม่พูดปด พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ  และไม่ดื่มสุรายาเสพติดทั้งหลาย  นั่นเอง

        วันหนึ่ง ๆ นั้นโยมควรที่จะนอนอยู่กับภาวนา..คือนั่งสมาธิทั้งใจให้สงบก่อนนอนประมาณวันละห้า ถึงสิบนาทีก็ยังดี  เพื่อที่จะได้บริหารจิตใจตนให้มีความบริสุทธิ์ เข้มแข็ง  แจ่มใส อยู่เสมอ 

        คำว่า “พระนอนสี่” นั้น หมายความว่า พระก็ต้องนอนอยู่กับะรรมะที่เรียกว่า ปาริสุทธิศีล คือ ศีลเป็นเครื่องทำให้บริสุทธิ์ 4 ประการ ได้แก่ 1. ปาฏิโมกขสังวรศีล คือ การสำรวมในพระปาฏิโมกขศีล 227  2. อินทรียสังวรศีล คือ การสำรวมในอินทรีย์ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  3. อาชีวปาริสุทธิศีล คือ การเลี้ยงชีพในทางที่ชอบธรรม 4. ปัจจัยสันนิสิตศีล คือ การพิจารณาก่อนบริโภคปัจจัยสี่ มีจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช

        วันหนึ่ง ๆ นั้น..พระภิกษุจะต้องนอนอยู่กับหลักสี่ข้อนี้ทุกวันๆ เสมอ  มิฉะนั้น ก็จักอยู่ลำบากทีเดียว  ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ  นอนไม่เป็นสุขทีเดียว

        คำว่า “เศรษฐีนอนหก นั้น หมายความว่า  คนที่เป็นเศรษฐีนั้นจะต้องนอนอยู่กับธรรมะเรื่องทิศทั้งหก  คือ วันหนึ่ง ๆ นั้นจะต้องดูแลทิศทั้งหกให้ดี จะต้องปฏิบัติต่อคนทั้งหกประเภททั้งหกทิศอย่างดี  ทิศหก ได้แก่  1. ทิศเบื้องหน้า คือ พ่อแม่   2. ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์   3. ทิศเบื้องหลัง คือ สามีภรรยาและลูก   4. ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรสหาย  5. ทิศเบื้องบน คือ พระสงฆ์   6. ทิศเบื้องล่าง  คือ ลูกน้อง ลูกจ้าง

        วันหนึ่ง ๆ นั้น คนที่เป็นเศรษฐีนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับคนทั้งหกประเภทเสมอ  เขาจะต้องดูแลประพฤติปฏิบัติต่อคนเหล่านี้อย่างดี  ไม่มีวันที่จะละเลยหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติกับทิศทั้งหกได้  เวลานอนก็ระลึกถึงคนทั้งหกประเภทนี้  ทำให้เขาดำรงสถานะเป็นเศรษฐีได้  ถ้าเขาไม่นอนหก  เขาก็คงเป็นเศรษฐีไม่ได้ทีเดียว 

        ส่วนคำว่า “ยาจกนอนทั้งวัน” นั้น ก็ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไรเท่าใด แต่ที่ว่านอนทั้งวันนั้นก็คือการจะปล่อยเวลาไปโดยไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น  หรือจะหมายถึงการนอนทั้งวันเลยก็ว่าได้  เป็นอุปนิสัยของยาจก นั่นเอง

        สรุปความได้ว่า  ปริศนาธรรมข้อนี้ได้ให้หลักคิดในการดำเนินชีวิตของคนทั้งหลาย  ไม่ว่าจะเป็นคุณโยมทั้งหลาย หรือพระภิกษุสงฆ์เองว่า.. จะต้องอยู่ในหลักธรรมหรือหน้าที่ของตนเอง  ไม่ให้ละเลยละเมิดในหน้าที่ของตนเอง  โยมต้องนอนอยู่กับทาน ศีล ภาวนา  ส่วนพระก็ต้องนอนอยู่กับศีลที่ทำให้บริสุทธิ์  ตลอดทั้งเศรษฐีหรือคนมีฐานะ หัวหน้าคน ก็ต้องนอนอยู่กับทิศหกดังกล่าวมา  แต่ยาจกทั้งหลายนั้นไม่ได้นอนอยู่กับอะไรเลย นอกจากจะนอนทั้งคืนทั้งวัน..เท่านั่นเอง ..เจริญพร..


MusicPlaylist
MySpace Playlist at MixPod.com

หมายเลขบันทึก: 296693เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2009 23:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กราบขอบพระคุณค่ะ

ไม่เคยได้ยินมาก่อนน่าสนใจดีค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท