ถามว่า..ของขลังคืออะไร ก็คงจะไม่มีใครที่ตอบไม่ได้ว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองเชื่อศรัทธาว่าเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้มั่นคง สามารถปกปักรักษาให้แคล้วคลาดได้ แต่ถ้าถามว่า..ของขลังนั้นมีพลังปกป้องภยันตรายได้จริงหรือเปล่า? หรือรุ่นไหนขลังรุ่นไหนดี? ก็คงตอบได้ยากถ้าไม่ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์จากเครื่องรางของขลังนั้น ๆ ด้วยตนเอง
จริง ๆ แล้ว เครื่องรางของขลังนั้นมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล ครั้งที่พระองค์ทรงประทานเส้นพระเกศาให้พ่อค้าสองพี่น้องที่เป็นอุบาสกคู่แรกในโลกได้นำไปบูชา นั่นก็เป็นของขลังเหมือนกัน สิ่งที่เป็นเครื่องรางของขลังนั้นเปรียบเสมือนของที่เป็นตัวแทนบุคคลที่เราเคารพบูชา ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกนึกถึงคุณความดีของบุคคลนั้น ๆ ปัจจุบันนี้คนเราสร้างพระเครื่องของขลังขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน แต่เรามักลืมนึกถึงคุณความดีของเครื่องรางของขลังอันนั้น ถึงแม้จะเป็นของจริงของแท้ก็ตาม แต่ถ้าเราไม่มีศรัทธาไม่มีความเชื่อระลึกนึกถึงคุณความดีและกระทำความดีด้วย ของแท้ก็อาจจะไม่แท้ ของขลังก็อาจไม่ขลังได้ ดังมีเรื่องเล่าของเครื่องรางของขลังว่า..
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยที่ไทยยังรบกับพม่า ซึ่งสมัยนั้นเป็นธรรมเนียมว่า..ก่อนที่จะออกรบทำศึก พวกทหารก็มักจะไปวัดหาหลวงพ่อเพื่อทำการลงยันต์ ขอเครื่องรางของขลังเพื่อเป็นศิริมงคลป้องกันภัยในการออกรบ ซึ่งพระสงฆ์ท่านก็จะทำพิธีปลุกเสกของขลังเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้อาจหาญสู้ศึกอย่างเข้มแข็ง
ในวันออกรบวันนั้นปรากฏว่า..ทหารไทยมีจำนวนน้อยกว่าทหารพม่ามากจึงพากันถอยทัพไปก่อน แต่มีนายทหารคนหนึ่งซึ่งหนีไม่ทันตกอยู่ในภายใต้ข้าศึกล้อมรอบตัวเขากว่าสี่สิบห้าสิบนาย เขาเหลียวดูศัตรูที่แวดล้อมตนก็หวั่น ๆ ใจ แต่เหลือบไปเห็นตะกรุดที่ห้อยอยู่ที่คอของตนก็มีกำลังขึ้นมา นึกถึงพรที่หลวงพ่อให้มาก่อนออกรบ และเชื่อว่าสิ่งนี้นี่แหละจะช่วยให้รอดพ้นจากศัตรูได้ เมื่อคิดดังนั้นแล้วก็วางดาบจับตะกรุดประนมมือขึ้นเหนือเศียรพร้อมปรารถนาว่า “ ขอให้คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณหลวงพ่อ คุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกแก้วด้วยเทอญ โอมเพี้ยง..” แล้วจับดาบลุกขึ้นสู้ด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว
แต่ในขณะสู้กันอย่างโกลาหลนั้น เขาก็พลาดท่าล้มลงข้างคันนาเพราะถูกฟันเข้าให้หนึ่งที่ทำให้ตะกรุดที่ห้อยในคอหลุดไป เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เขาก็ยังจะสู้ให้ถึงที่สุด เขารู้ว่าตะกรุดหลุดจากคอจึงพยายามคำหาว่าอยู่ไหน ในที่สุดก็หาพบ เขาจับเข้าปากอมไว้เพราะกลัวจะหลุดอีกหายอีก เขาสู้ต่อแต่ปรากฏว่า สิ่งที่อมไว้ในปากนั้นรู้สึกว่าจะกระตุกขึ้นเป็นระยะ เขารู้สึกว่าตะกรุดกำลังสำแดงฤทธิ์แล้ว หรือที่เราเข้าใจกันว่า “ของขึ้น”
ด้วยความศรัทธาในตะกรุดเขาจึงสู้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช มีใจห้าวหาญไม่กลัวอันตรายใด ๆ จนในที่สุดเขาก็สังหารฝ่ายข้าศึกไปได้หมด โดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย เขาอุทานขึ้น “เดชะบุญแห่งตะกรุดของหลวงพ่อแท้ ๆ ที่ช่วยชีวิตเราไว้ ไม่งั้นเราก็คงจะหามีชีวิตไม่ ” พูดจบก็คลายเอาตะกรุดที่อมอยู่ในปากของเขาออกมา แต่โอ้..อนิจจา..คุณพระช่วย ตะกรุดนั้นกลับกลายเป็นเขียดน้อยไปซะนิ เขายังงง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปได้อย่างไร
เขานั่งคิดไปคิดมา จนนึกได้ว่า ตอนที่ถูกฟันล้มลงนั้นตะกรุดได้หลุดคอไปแล้วตนเองก็คงคว้าเอาเขียดน้อยเข้าปากไปแทน คงเพราะรีบสู้ต่อจึงไม่ได้ดูว่าเป็นอะไร แต่เขาก็เชื่อว่าเขียดน้อยนั้นเป็นตะกรุด โดยเฉพาะตอนที่เขียดมันดิ้น แด่ว ๆ ก็คิดว่า ของขึ้นแล้วโว้ย ทำให้ใจฮึดสู้ จนชนะในที่สุด
นี่แหล่ะญาติโยมทั้งหลาย ความเชื่อและความศรัทธาเป็นสิ่งที่มีพลังมากกว่าวัตถุใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลังใด ๆ ก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่มีความเชื่อศรัทธาในสิ่งที่เราเชื่อหรือในคุณความดีที่มี ก็คงไม่ช่วยอะไรเราได้มากนักถึงจะเป็นของดีจากพระเกจิอาจารย์ดัง ๆ ใด ๆ ก็คงไม่ขลัง แต่ถ้ามีความเชื่อศรัทธาในคุณความดีของพระรัตนตรัย ศรัทธาคุณของคุณครูบาอาจารย์ หรือคุณของพ่อแม่เสียแล้ว แม้ว่าวัตถุที่เราถือครองนั้นจะเป็นของแท้หรือไม่แท้ตามเถิด สิ่งนั้นก็จะกลับกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนกันเฉกเช่นเดียวกันเจ้าเขียดน้อย ฉันใดก็ฉันนั้นนะ คุณโยม.. ที่สุดขอทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่ว่า “เครื่องรางของขลัง..ฤาจะสู้พลังศรัทธา จงเชื่อในสิ่งที่เฮ็ดและเฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” นะโยม !!!
ไม่มีความเห็น