sha-รพ.หนองจิก
โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี

โรงพยาบาลชุมชน...มหาวิทยาลัยไร้ปริญญา


โรงพยาบาลชุมชน

โรงพยาบาลชุมชน...มหาวิทยาลัยไร้ปริญญา

 

                                                                            นายแพทย์อนุชิต  วังทอง

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองจิก

 

                ข้าพเจ้ายังจำได้ดีถึงวันที่จับสลากเลือกสถานที่ปฏิบัติงาน วันนั้นไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องมาปฏิบัติงานที่ จ.ปัตตานี  คิดเพียงว่าอยากลงมาทำงานในภาคใต้แถวชายทะเลเพราะชอบทะเลใต้โดยเฉพาะอันดามัน ซึ่งได้เดินทางมาเที่ยวเสมอเมื่อปิดเทอม แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะจับสลากกี่รอบก็ไม่ได้  จนกระทั่งรอบสุดท้ายเหลือเฉพาะจังหวัดที่ไม่ต้องจับสลากแล้วคือปัตตานี วันนั้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 สถานการณ์ในปัตตานียังไม่รุนแรงเหมือนปัจจุบัน มีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ประปราย แต่เป็นการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเป็นหลักและเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็ถือว่าไม่ปกติเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่เกิดและเติบโตของข้าพเจ้า  วันนั้นในใจไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ คิดเพียงว่าเราเป็นผู้ชายสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพื่อทำงานตามความคิดที่ตั้งใจไว้ เมื่อกลับบ้านไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าต้องไปทำงานที่ปัตตานี ท่านทั้งสองมีท่าทีตกใจและแสดงความเป็นห่วง ข้าพเจ้าเองต้องเป็นคนปลอบใจท่านทั้งสองว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเราไปทำงานในฐานะของแพทย์ ซึ่งช่วยเหลือคนในพื้นที่ เป็นการทำงานในฐานะของผู้ให้และผู้ช่วยเหลือ ซึ่งไม่น่าจะเกิดอันตรายจากการทำงาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่านสบายใจมากขึ้นเท่าไรนัก ข้าพเจ้าไม่เคยเดินทางไปปัตตานีมาก่อน วันที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติงานยังจำได้ถึงบรรยากาศที่สถานีรถไฟหัวลำโพงที่เพื่อนและญาติพี่น้องไปส่ง แม่ดูน้ำตาซึมส่วนพ่อเป็นคนเงียบ ๆ อยู่แล้วจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพื่อนที่ไปส่งกลับร้องไห้ในขณะที่ตัวเองรู้สึกเพียงห่วงพ่อกับแม่ที่เราต้องจากท่านไปเพื่อทำงานถึงสุดเขตประเทศไทยทางภาคใต้ และคิดไว้ว่าจะหาโอกาสกลับมาบ้านให้บ่อยที่สุดเมื่อมีโอกาส

                เมื่อเดินทางถึงปัตตานีจึงได้รู้ว่าเราเป็นแพทย์ใช้ทุนเพียงคนเดียวที่หลงมาจากกรุงเทพ คนอื่นอีกสามคนรวมถึงทันตแพทย์และเภสัชกรต่างเป็นคนในพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียงและเกือบทั้งหมดจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อนใหม่ต่างแปลกใจที่ข้าพเจ้ามาทำงานถึงปัตตานีและแต่ละคนให้ความเป็นมิตรเป็นอย่างดีทำให้ข้าพเจ้าหายคิดถึงบ้านได้พอสมควร ข้าพเจ้าเลือกทำงานที่รพ.โคกโพธิ์ในปีแรก เนื่องจากเป็นอำเภอซึ่งมีสถานีรถไฟผ่านทำให้เดินทางกลับบ้านได้สะดวก จำไม่ได้เหมือนกันว่าในปีแรกที่ทำงานได้เดินทางกลับบ้านกี่ครั้งแต่ไม่บ่อยมากแน่ ๆ เพราะการเดินทางต้องนั่งรถไฟเป็นวัน ๆ  แต่ก็ดีในแง่ที่สามารถมีเวลาอ่านหนังสือที่ยังไม่ได้อ่านได้เป็นเล่ม ๆ เลยจนกว่าจะถึงกรุงเทพ

          อำเภอโคกโพธิ์เป็นอำเภอซึ่งมีความผสมผสานของประชากรระหว่างชายไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมอยู่ในสัดส่วนที่มากกว่าอำเภออื่นในปัตตานี ทำให้เห็นถึงความเป็นมิตรระหว่างกันของชาวไทยทั้งสองศาสนา  ระหว่างที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่รพ.โคกโพธิ์ในฐานะแพทย์ประจำ  แทบจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ความไม่สงบเหมือนปัจจุบันเกิดขึ้นเลย ข้าพเจ้าสามารถขับรถไปตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในอำเภอ  ลงไปทำงานในหมู่บ้าน และไปบ้านของเพื่อน ๆ โดยไม่ต้องกังวลถึงความไม่ปลอดภัย ชาวบ้านให้ความเป็นมิตรและเป็นกันเองรวมถึงการใช้ภาษาที่สามารถสื่อสารกันได้เพราะเป็นอำเภอซึ่งมีประชากรที่พูดภาษาไทยอยู่พอสมควร ข้าพเจ้าเริ่มเรียนรู้ภาษายาวีท้องถิ่นเนื่องจากต้องใช้งานในการสื่อสารกับคนไข้รวมถึงชาวบ้านในชุมชนด้วย ปีแรกของการทำงานที่โคกโพธิ์เป็นไปได้ด้วยดี  ข้าพเจ้ามีเพื่อนใหม่มากมาย สามารถทำงานอย่างที่เราตั้งใจไว้ในการเรียนแพทย์คือได้ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีค่าต่อสังคม เราได้ทำงานที่สามารถให้ทั้งประโยชน์ต่อตนเองและได้ช่วยเหลือผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าได้รับของฝากที่ชาวบ้านนำมาให้เป็นขนม ผลไม้ ทั้งที่บางคนก็ไม่ได้มีฐานะแต่เต็มใจที่จะให้เราและก็จะเสียใจที่เราไม่รับไว้ ทำให้รู้สึกถึงน้ำใจระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยที่ยังสามารถพบได้อยู่ถึงแม้ในปัจจุบันสถานการณ์จะเปลี่ยนไปพอสมควรก็ตาม

                ในปีที่สองของการเป็นแพทย์ใช้ทุน ซึ่งเป็นพ.ศ.2536 จำนวนแพทย์ในรพ.ชุมชนมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีเพียง 1 คน ทำหน้าที่ทั้งผู้อำนวยการและแพทย์ประจำ ในปีนั้นมีแพทย์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ และทำงานใช้ทุนครบได้ไปศึกษาต่อหลายคนทำให้ขาดแพทย์หลายโรงพยาบาล ข้าพเจ้าและเพื่อนแพทย์ใช้ทุนปีที่ 2 ที่มาทำงานที่ปัตตานีพร้อมกันอีก  3 คนต้องถูกสั่งให้ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลรวมถึงเป็นแพทย์ประจำด้วยพร้อมกันทั้งหมด จุดนี้น่าจะเป็นจุดผกผันของชีวิตข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตผูกพันอยู่กับโรงพยาบาลชุมชนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่เช่นนั้นข้าพเจ้าอาจจะไปศึกษาต่อเมื่อครบกำหนดเวลาชดใช้ทุนเช่นเดียวกับแพทย์ส่วนใหญ่ของประเทศก็เป็นได้  ข้าพเจ้าได้ถูกมอบหมายให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการรพ.หนองจิกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งเป็นงานที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องทำเพราะไม่เคยมีการเรียนการสอนในโรงเรียนแพทย์ ข้าพเจ้าต้องเริ่มเรียนรู้จากประสบการณ์จริงโดยที่ไม่มีอาจารย์คอยสอน อาศัยการศึกษาระบบงานและสอบถามรายละเอียดจากผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงการศึกษาเพิ่มเติมทั้งจากหนังสือและการเข้าอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ที่เราต้องการเรียนรู้เพื่อนำมาใช้กับงานที่เราต้องปฏิบัติในฐานะผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน โรงพยาบาลชุมชนจึงเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งที่สองของการเรียนรู้ของข้าพเจ้า มีงานมากมายหลายอย่างนอกเหนือจากงานในฐานะแพทย์ที่เราต้องปฏิบัติและเรียนรู้เอง งานบริหารโรงพยาบาลชุมชนในระยะแรกไม่ได้ซับซ้อนมากนักเนื่องจากแต่ละแห่งมีจำนวนบุคลากรไม่มากและงานต่าง ๆ โดยหลักยังเป็นการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน รพ.หนองจิกในปีนั้นเป็นรพช.ขนาด 10 เตียง มีบุคลากรประมาณไม่เกิน 50 คน งานบริหารจึงไม่ซับซ้อนมากนัก มีลักษณะการทำงานที่เป็นพี่น้องกันและใกล้ชิดกันกว่าปัจจุบัน ทุกคนรู้จักกัน เวลาว่างก็จะมีกิจกรรมร่วมกันหรือหาเวลาไปพักผ่อนต่างจังหวัดด้วยกันเพื่อผ่อนคลายจากงานเสมอ ลักษณะงานของโรงพยาบาลก็ไม่ได้ถูกคาดหวังจากสังคมมากเหมือนในปัจจุบัน เป็นการมอบหมายงานมาจากหน่วยเหนือซึ่งคือกรมต่าง ๆ ผ่านมาทางสสจ. แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา โรงพยาบาลขยายขนาดขึ้น จำนวนบุคลากรเพิ่มมากขึ้น และงานของโรงพยาบาลชุมชนก็ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันรพ.หนองจิกมีบุคลากรมากกว่า 150 คน เป็นรพ.ขนาด 30 เตียง มีแผนกงานย่อย ๆ เกิดขึ้นมากกว่า 10 งานตามลักษณะของงานที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มมากขึ้น และงานปัจจุบันของโรงพยาบาลชุมชนก็หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากงานบริการตามปกติแล้ว มีงานที่เกิดขึ้นจากการพัฒนางานมากมาย เพราะโรงพยาบาลต้องบริหารเงินที่ได้มาให้เกิดผลลัพธ์ตามเป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่กระทรวงตั้งไว้ และยังมีเป้าหมายของหน่วยงานที่เกิดขึ้นจากการทำงานคุณภาพซึ่งเป็นงานที่ทำให้เกิดความคาดหวังของสังคมต่อโรงพยาบาล และเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของโรงพยาบาล อีกประเด็นที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือระบบประกันสุขภาพซึ่งทำให้โรงพยาบาลสามารถคิดและพัฒนางานได้ด้วยตนเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้จำเป็นต้องมีระบบงานต่าง ๆ มารองรับ การทำงานตามระบบเดิมที่อาศัยความสนิทสนมแบบเพื่อนหรือพี่น้องไม่สามารถบริหารงานในระบบใหญ่ ๆ ได้ จำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าทำให้ต้องมีระบบการบริหารบุคคลที่มอบหมายอำนาจและการดูแลควบคุม  ระบบงานย่อย ๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อรองรับงานต่าง ๆ ซึ่งต้องมาเชื่อมสัมพันธ์กันเหมือนเฟืองต่าง ๆ ของเครื่องจักร การสร้างทีมงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารองค์กร สมัยแรกที่ข้าพเจ้าเริ่มงานที่รพ.หนองจิกเป็นแพทย์เพียงคนเดียวทำหน้าที่ทั้งงานบริหารและงานบริการ อำเภอหนองจิกมีประชากรประมาณเกือบ 70,000 คน อาหารกลางวันไม่ต้องพูดถึง ว่างเมื่อไหร่ค่อยลงไปกินข้าว งานเอกสารต่าง ๆ ต้องอาศัยเวลาหลังเลิกงานแล้วจึงขึ้นมาทำที่ห้องทำงานจนดึกจึงเสร็จ ถ้าไม่ทำให้เสร็จวันต่อวันก็จะพอกสะสมจนกองเต็มโต๊ะไปหมดและการสั่งงานจะช้าไม่ทันต่อเวลา รู้สึกเหนื่อยแต่ก็สนุกกับงานและเริ่มซึมซับความรู้สึกนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้จนกระทั่งครบกำหนดเวลาใช้ทุนแล้วก็ยังรู้สึกว่ายังสนุกกับงานอยู่และคิดว่าจะทำงานไปอีกระยะหนึ่งก่อนจนล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ทำงานคนเดียวอยู่หลายปีพอสมควรจึงเริ่มมีการบรรจุแพทย์ลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น รพ.หนองจิกขยายเป็น 30  เตียง ตั้งแต่พ.ศ. 2540 และเริ่มมีแพทย์มาช่วยงานจากอยู่คนเดียวเป็นสอง สาม และสี่คนตามลำดับจนถึงปัจจุบัน แต่ภาระงานก็ยังคงมากอยู่ตามจำนวนประชากร สบายขึ้นบ้างตรงที่พอปลีกเวลาในช่วงบ่ายได้มาทำงานบริหารบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทิ้งงานบริการผู้ป่วยได้เพราะคนไข้เยอะ จึงยังรู้สึกว่าทำงานบริหารได้ไม่เต็มที่  ทีมงานที่สร้างขึ้นมีส่วนช่วยได้มากในจุดนี้ หลาย ๆ งานโดยเฉพาะระบบงานคุณภาพมีผลในการควบคุมการทำงานขององค์กรให้อยู่ในกรอบและมาตรฐานที่วางไว้ ทำให้แบ่งเบาภาระในการดูแลควบคุมลงไปได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าอยากทำงานบริหารให้มากขึ้นในส่วนที่ยังขาดอยู่ ในส่วนของการรักษาพยาบาลซึ่งเป็นความรู้ที่ได้เรียนมาก็ยังมีความรู้สึกอยากทำอยู่ด้วยซึ่งเป็นความรู้สึกในส่วนของแพทย์ จึงเป็นจุดที่ต้องหาความสมดุลของการทำงานของตัวเองอยู่ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยคิดว่าถ้าเราไม่อยู่หรือย้ายออกจากที่นี่จะเกิดปัญหาในการทำงานขององค์กรหรือไม่เพราะรู้สึกว่าปัญหาทุกอย่างในรพ.จะวิ่งเข้ามาหาเราให้แก้ปัญหาทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่ปัจจุบันเมื่อมาถึง ณ จุดนี้ข้าพเจ้าสามารถวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าถ้าตนเองไม่อยู่ ด้วยระบบงานและทีมงานที่สร้างขึ้นมาก็สามารถที่จะสานต่อการทำงานขององค์กรไปได้ด้วยพื้นฐานของความสามัคคีและความพอเพียงตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                ประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างหนึ่งที่ได้รับจากการอยู่ที่รพ.หนองจิกคือภาวะอุทกภัย เนื่องจากรพ.ตั้งอยู่ริมคลองตุยงซึ่งเป็นคลองที่รับน้ำจากพื้นที่และน้ำที่ระบายมาจากเขื่อนปัตตานีก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล รวมทั้งจุดที่ตั้งโรงพยาบาลเป็นที่ต่ำทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักในคราวที่เกิดอุทกภัยทางภาคใต้ ในปีพ.ศ. 2544, 2545 และ 2548 เป็นสภาวะฉุกเฉินที่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานเป็นอย่างมากเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าและทีมงานพยายามหาทางป้องกันอย่างเต็มที่ทั้งการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ การสร้างกำแพงกั้นน้ำตามจุดที่สำคัญต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายกลับไม่ได้ผลเลยเมื่อระดับน้ำสูงเกินกว่าระดับที่เราจะทำอะไรได้ ระดับน้ำในจุดที่ลึกที่สุดสูงถึงประมาณ 170 cm อาคารซึ่งตั้งอยู่ด้านล่างทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ เหลือเพียงอาคารรพ.ที่ยกพื้นสูงให้เราได้อยู่อาศัยเป็นที่นอน แต่ปีล่าสุดระดับน้ำก็ยังขึ้นถึงพื้นอาคารรพ.ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถควบคุมได้จริง ๆ เราเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของธรรมชาติเท่านั้น สิ่งดี ๆ ที่ได้มาจากภาวะอุทกภัยคือความรู้สึกผูกพันของบุคลากรที่ได้มาร่วมชะตากรรมอยู่ด้วยกัน เผชิญความยากลำบากด้วยกัน และช่วยกันฟื้นฟูสภาพของรพ.ให้กลับสู่สภาวะปกติ ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความผูกพันกับโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คนที่ได้ร่วมงานกันมา และยังเป็นแรงกระตุ้นให้ทีมงานพยายามที่จะยืนหยัดต่อสู้กับสภาวะที่ต้องเผชิญ ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้เช่นกัน ความภาคภูมิใจของทุกคนคือการที่เราสามารถลดความเสียหายของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เกือบทั้งหมด อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีขนาดใหญ่ต่าง ๆ และมีราคาแพงไม่มีการเสียหาย มีเพียงวัสดุสำนักงานและเอกสารรวมทั้งโต๊ะที่ทำด้วยไม้ซึ่งเมื่อถูกน้ำที่ท่วมขึ้นถึงอาคารรพ.ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดแล้วจึงเกิดความเสียหายบ้าง ทำให้การฟื้นฟูโรงพยาบาลสามารถทำได้เร็ว เมื่ออุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ แห้งสนิทและทำความสะอาดแล้วก็สามารถดำเนินการได้ตามปกติ จนถึงปัจจุบันทำให้โรงพยาบาลมีความรู้และชำนาญมากขึ้นในการเตรียมรับอุทกภัยและรู้ว่าอุปกรณ์ใดสามารถถูกน้ำได้ เพียงแต่ถอดอุปกรณ์ที่สำคัญและไม่ควรให้ถูกน้ำออกก่อน เมื่อน้ำลดและทำความสะอาดดีแล้วก็ใส่กลับเข้าที่และสามารถทำงานได้ตามปกติ จึงเป็นจุดที่เราคิดว่าเรายังสามารถเผชิญกับภาวะอุทกภัยได้ถ้าระดับน้ำไม่สูงจนถึงระดับ 2 เมตร แต่บางครั้งการที่เราลดความเสียหายเหล่านี้ลงได้กลับทำให้มองดูเหมือนกับว่าปัญหาน้ำท่วมรพ.หนองจิกไม่ได้รุนแรงเมื่อดูจากตัวเลขค่าเสียหายเมื่อเทียบกับรพ.อื่น ๆ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังภูมิใจและเลือกที่จะช่วยตัวเองจนถึงที่สุด นี่จึงเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของข้าพเจ้าในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

                การทำงานที่จังหวัดปัตตานีหนีไม่พ้นที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใด อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ อำเภอหนองจิกเป็นอำเภอหนึ่งซึ่งเกิดเหตุการณ์ค่อนข้างถี่ซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากหลาย ๆ ปัจจัย อาทิเช่น เป็นอำเภอที่ตั้งของค่ายอิงคยุทธบริหารซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการหลักของทหารในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ , เป็นอำเภอที่มีเส้นทางเข้าออกติดต่อกับพื้นที่ใกล้เคียงได้หลายเส้นทางทั้งถนนหลักและถนนรอง,  ที่สำคัญคือเป็นพื้นที่ซึ่งแต่เดิมเคยมีการเคลื่อนไหวของผู้ก่อความไม่สงบอยู่แล้ว เหตุการณ์รุนแรงในช่วงที่เริ่มมาทำงานแทบไม่มีให้เห็น มีเพียงการบาดเจ็บของตำรวจที่ถูกลอบทำร้ายนาน ๆ ครั้ง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแต่ละครั้งจะถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ระยะหลังเมื่อรัฐบาลเริ่มประกาศสงครามกับยาเสพติดและมีการปราบปรามอย่างจริงจัง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารที่นราธิวาสเป็นต้นมา เหมือนกับเป็นการจุดชนวนของสงครามในพื้นที่ เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทุกวันและมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากตามข่าวที่ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้ว หนองจิกเป็นหนึ่งในอำเภอที่เกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งดังที่ได้กล่าวแล้ว พื้นที่เสี่ยงในการเดินทางและเป็นจุดที่ประชาชนถูกลอบสังหารมีตั้งแต่พ้นเขตอำเภอเทพาเข้ามาในเขตจังหวัดปัตตานี เรื่อยมาจนถึงถนนหน้าโรงพยาบาลไปจนถึงหน้าโรงเรียนบ้านดอนรักก่อนถึงสามแยกเข้าตัวเมืองปัตตานี อาวุธที่ใช้มีตั้งแต่มีด ปืนพก ปืนอาวุธสงคราม ไปจนถึงระเบิด ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตมีทั้งเด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ตำรวจ ทหาร แม้แต่ตำรวจที่ใส่เสื้อเกราะก็มีเทคนิคในการสังหารโดยการยิงทางด้านข้างลำตัวซึ่งไม่มีเกราะอยู่  แต่สภาพศพที่สะเทือนใจมากที่สุดคือศพชาวบ้านที่ถูกสังหารด้วยการตัดศีรษะและเผาร่างทิ้ง โดยนำศีรษะไปผูกล่อเจ้าหน้าที่ไว้และขุดหลุมฝังระเบิดเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำการชันสูตรศพรู้สึกสลดใจมากและคิดว่าเหตุใดมนุษย์ถึงทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงขนาดนี้ ถ้ามีสาเหตุมันต้องเป็นสาเหตุที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่งถึงจูงใจให้มนุษย์ปฏิบัติต่อกันได้ถึงขนาดนี้ ปัจจุบันมีพื้นที่สีแดงอยู่หลายหมู่บ้าน ถนนหลายสายที่ต้องระวังการขุดหลุมฝังระเบิดลอบทำร้าย  การเข้าหมู่บ้านต้องมีการตรวจสอบข่าวในพื้นที่  ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ในระยะแรกที่เริ่มมาทำงานไม่เคยต้องกังวลมาก เพียงแต่แจ้งผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้ทราบก่อนว่าเราจะเข้าไปทำงานก็สามารถเข้าไปได้โดยไม่มีปัญหา  ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงการลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ไปดูแลเด็กขาดสารอาหาร  ไปติดตามงานสาธารณสุขมูลฐานโดยการสร้างส้วมในพื้นที่ต่าง ๆ การลงพื้นที่ไปดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ใน PCU หรือการลงพื้นที่ไปควบคุมดูแลการระบาดของโรคติดต่อ เช่น ไข้เลือดออก ไข้หวัดนก คิดแล้วยังรู้สึกสนุกกับการทำงานในวันเก่า ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสไปทำงานเช่นนั้นอีก  ปัจจุบันมีพื้นที่สีแดงมากมายที่ต้องระวัง โรงพยาบาลยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานตาม PCU   แต่ก็จะต้องดูพื้นที่ตั้งที่ต้องเดินทางสะดวก ปลอดภัย และตรวจสอบสถานการณ์อยู่เสมอ  ถ้ามีข่าวที่ไม่ปกติก็จะหยุดการปฏิบัติงานเป็นช่วง ๆ แล้วแต่สถานการณ์ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลยังไม่เคยมีใครที่ถูกทำร้าย  มีแต่ญาติของเจ้าหน้าที่หลายรายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไป หลายคนโยกย้ายออกนอกพื้นที่  มีทีมงานที่ข้าพเจ้าต้องสูญเสียอย่างน่าเสียดายโดยการโยกย้ายออกนอกพื้นที่เนื่องจากเป็นภรรยาของตำรวจหรือทหาร จนปัจจุบันก็ยังมีการทำเรื่องขอโยกย้ายอยู่ตลอด คนที่ทำงานอยู่ส่วนใหญ่ยังเป็นคนในพื้นที่ แม้แต่แพทย์อีกสามคนในโรงพยาบาลก็เป็นคนจังหวัดปัตตานีและกำลังจะไปศึกษาต่อเนื่องจากหมดระยะเวลาการชดใช้ทุนภายในปี 2551

                เหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับเจ้าหน้าที่มากที่สุดในการทำงานคือการลอบวางระเบิดสถานีอนามัยดอนรักในอำเภอหนองจิก สอ.แห่งนี้เป็น PCU หนึ่งของรพ.หนองจิก ได้มีการเผาบ้านพักในเขตส.อ.ดอนรักตั้งแต่กลางดึกจนวอดไปทั้งหลังโดยที่ไม่สามารถเข้าไปดับเพลิงได้เนื่องจากเกรงการซุ่มโจมตี จนเกือบรุ่งเช้าจึงมีชาวบ้านเข้าไปดูที่เกิดเหตุจึงได้มีคนสังเกตเห็นวัตถุต้องสงสัยถูกฝังอยู่บริเวณโคนเสาธงริมรั้วด้านหน้าสถานีอนามัย เจ้าหน้าที่จึงได้กันประชาชนออกห่างจากพื้นที่และตามหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาตรวจสอบ พบว่าเป็นถังดับเพลิงซึ่งถูกขโมยไปและนำมาบรรจุวัตถุระเบิด สันนิษฐานว่าเพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปดับเพลิงในช่วงกลางดึก ดีแต่ว่าเจ้าหน้าที่ระวังตัวอยู่แล้วจึงไม่เข้าไปดับเพลิง  ในที่สุดหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดต้องตัดสินใจทำลายวัตถุต้องสงสัยทิ้งด้วยการจุดระเบิดเนื่องจากไม่สามารถเก็บกู้ได้เพราะต้องทำการขุดซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดและเสี่ยงต่อชีวิตของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ข้าพเจ้าอยู่ในสถานที่เกิดเหตุแต่ถูกกันออกห่างจุดระเบิดเกือบสองร้อยเมตร  ยังรู้สึกได้ถึงแรงอัดอากาศขณะที่ระเบิดทำงาน เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูสถานที่เกิดเหตุได้จึงเห็นสภาพความเสียหายของสถานีอนามัยที่พังยับเยิน รั้วพังไปทั้งแถบ ตัวอาคารเสียหายมากกว่าครึ่ง แต่ที่สำคัญคือความรู้สึกของผู้ปฏิบัติงานที่ถูกกระทำทั้งที่เป็นการทำงานในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงร้องไห้ ส่วนผู้ชายเดินสำรวจความเสียหายเงียบ ๆ ด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความเสียใจ นายแพทย์ส.ส.จ.ปัตตานี และข้าพเจ้าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยจึงได้แต่ปลอบใจว่าผู้ที่ก่อการคงไม่ได้หวังจะทำร้ายเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพียงแต่ต้องการก่อเหตุเพื่อลวงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมาทำร้าย และสัญญาว่าจะดำเนินการซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันการซ่อมแซมได้เสร็จสิ้นแล้วโดยได้รับงบดำเนินการจากสำนักผู้ตรวจราชการสาธารณสุขซึ่งได้ลงมาเยี่ยมเจ้าหน้าที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ด้วย

                อีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งสำคัญและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแนวร่วมในพื้นที่ขึ้นมากมายคือเหตุการณ์การสลายม็อบตากใบ จากการลำเลียงม็อบที่ถูกจับกุมมาไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหารโดยการกองสุม ๆ ไว้ในรถบรรทุกของทหารและให้นอนทับซ้อนกันมาหลาย ๆ ชั้น จึงเกิดการเสียชีวิตเป็นจำนวนมากดังที่ได้ทราบข่าวกันแล้ว ข้าพเจ้าได้เข้าไปในค่ายอิงคยุทธบริหารเนื่องจากแพทย์ของรพ.ค่ายอิงคยุทธฯได้ขอความช่วยเหลือให้เข้าไปช่วยดูแลผู้บาดเจ็บซึ่งยังมีอยู่เป็นจำนวนมากและต้องการแพทย์ในการดูแลเพิ่มเติม ได้มีโอกาสเดินไปดูสภาพศพผู้เสียชีวิต ภาพที่เห็นเป็นภาพที่ลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต ศพผู้เสียชีวิต 60 – 70 ศพ นอนเรียงรายรอการชันสูตรพลิกศพ อาจารย์หมอภรณ์ทิพย์ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนนิติเวชแก่ข้าพเจ้า ขณะเรียนที่รามาธิบดีกำลังคุมทีมชันสูตรศพอยู่ ข้าพเจ้าเดินไปสวัสดีอาจารย์แต่ท่านคงจำข้าพเจ้าไม่ได้เพราะจบมาหลายปี เห็นอาจารย์กำลังยุ่งอยู่เนื่องจากต้องรีบทำงานแข่งกับเวลาและจำนวนศพที่มีเป็นจำนวนมากจึงออกมาดูอยู่ห่าง ๆ ในใจตอนนั้นคิดแต่ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นกับพื้นที่แห่งนี้ จะมีโอกาสเห็นความสงบกลับมาหรือไม่ ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจะรู้สึกอย่างไร และจะเกิดอะไรตามมาเมื่อข้อมูลข่าวสารถูกเผยแพร่ออกไป ข้าพเจ้ารู้สึกสับสนและหดหู่กับสภาพที่เห็น เมื่อได้ปลีกตัวออกมาเพื่อไปทำหน้าที่ให้การรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งถูกคุมตัวอยู่ในเขตเรือนจำภายในค่ายอิงคยุทธฯ จีงได้เห็นผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ถึงกับเสียชีวิตแต่ก็มีอาการของ compartment syndrome จากการถูกกดทับตามแขน ขา  ตอนนั้นยังจำได้ถึงความรู้สึกกังวลในความปลอดภัยของตนเองที่ต้องเดินอยู่ท่ามกลางผู้ที่ถูกจับกุม แววตาผู้ที่ถูกจับกุมหลายคนมีความโกรธ อ่อนล้า และดูแบ่งแยกอย่างชัดเจน หลายคนมองเหมือนพยายาม  จะหาคำตอบว่าข้าพเจ้าเป็นใคร เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือไม่ ข้าพเจ้าพอจะคาดเดาสถานการณ์ออกตั้งแต่ได้รับการติดต่อจึงใส่เสื้อปฏิบัติงานของแพทย์และแขวน stethoscope เข้าไปด้วยเพื่อบ่งบอกตนเองว่าเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลที่ไม่ได้เป็นทหารและมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ ในใจคิดไว้ว่าเมื่อตัดสินใจจะเข้าไปทำงานก็ไม่ต้องกลัว และเราเข้าไปเพื่อช่วยรักษาผู้บาดเจ็บจึงไม่น่าจะมีอันตรายอะไร วันนั้นได้แยกผู้ป่วยที่มีอาการหนักและต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกหลายราย ผู้ถูกจับกุมมีเป็นจำนวนมาก การเข้าไปตรวจจึงต้องเดินเข้าไปในกลุ่มคนเหล่านั้นและเมื่อพบผู้มีอาการหนักก็ต้องขอแรงคนที่ยังมีกำลังพอที่จะช่วยยกผู้บาดเจ็บออกมาขึ้นรถพยาบาลซึ่งเมื่อทำไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกเหมือนการดูแลคนไข้ปกติเพียงแต่สถานที่ซึ่งแปลกไปมากเท่านั้นเอง ส่วนผู้บาดเจ็บที่นำส่งโรงพยาบาลได้รับทราบข่าวในภายหลังว่ามีบางคนที่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเนื่องจากภาวะ compartment syndrome และมีไตวาย เหตุการณ์นี้รวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงที่มัสยิดกรือเซะทำให้เกิดแนวร่วมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนขึ้นอีกมาก และเป็นบทเรียนราคาแพงของทางการในการทำงานในพื้นที่ที่เปราะบางแห่งนี้ ส่วนสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าได้แต่หวังเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศที่ขอให้เกิดความสงบและสันติสุขกลับมาในพื้นที่แห่งนี้โดยเร็ววันด้วยเถิด

                ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่น ประจำปี 2550 แต่ข้าพเจ้าบอกกับตนเองเสมอและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ท้อหรือเหนื่อยกับการทำงานบางคนว่า งานที่เราทำไม่ต้องหวังผลตอบแทน ขอให้ทำงานให้ดีที่สุด ใครจะเห็นหรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ให้คิดว่าทำงานให้กับพระผู้เป็นเจ้า ท่านเห็นเราเสมอ ส่วนรางวัลหรือสิ่งดี ๆ ที่จะได้มานั่นถือเป็น bonus ถ้าได้มาก็เป็นกำลังใจให้กับเราแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องไปเรียกร้อง ทำงานให้ดีที่สุดเพื่อตนเองและองค์กร ที่สำคัญต้องมีความสุขกับการทำงาน ถ้าเราไม่สามารถทำให้ตนเองมีความสุขกับงานได้จะทำให้เราไม่อยากทำงานหรือต้องทนทุกข์กับการทำงาน ซึ่งเป็นความทรมานเป็นอย่างยิ่ง  แต่ปีนี้เช่นเดียวกันที่ข้าพเจ้าพบกับเรื่องเศร้าเมื่อบิดาของข้าพเจ้าตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอด และได้พาท่านเข้ารับการรักษาที่รามาธิบดีตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา  ขณะที่ตรวจพบว่าเป็นระยะสุดท้ายซึ่งทำได้แค่การรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น ข้าพเจ้าเสียใจที่ตนเองเป็นแพทย์ เรียนจบมาก็จากบ้านมาทำงาน ได้กลับบ้านไปพบหน้าพ่อแม่ปีละไม่กี่ครั้ง แต่ก็พาท่านมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลปีละครั้งเสมอซึ่งผลการตรวจเมื่อปีที่แล้วปรากฏว่าปกติ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตคนเรานี่ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ครั้งนี้เมื่อคุณพ่อป่วยข้าพเจ้าจึงพยายามหาเวลาไปอยู่กับท่านในระยะสุดท้ายของชีวิตให้มากที่สุดแต่ก็ต้องทนเห็นท่านทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยจนรู้สึกอยากให้ท่านพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นเสีย ในท้ายที่สุดท่านก็ได้จากไปอย่างสงบเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่รพ.รามาธิบดี สถานที่ซึ่งได้สั่งสอนข้าพเจ้ามาและได้ดูแลบิดาของข้าพเจ้าในระยะสุดท้ายของชีวิต ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ณ วันนี้ท่านคงยินดีกับข้าพเจ้าเนื่องจากท่านเป็นผู้ซึ่งชี้นำให้ข้าพเจ้าเลือกเรียนแพทย์ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้บอกข่าวนี้แก่ท่าน

                อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และทีมงานทุกคนที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าปราศจากบุคคลเหล่านี้โรงพยาบาลคงพัฒนามาไม่ได้จนถึงวันนี้ ขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่านที่ได้สั่งสอนให้ความรู้แก่ข้าพเจ้ามา ขอบคุณครอบครัวของข้าพเจ้าทุกคนที่มอบความรักและเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับข้าพเจ้า ขอบคุณบิดามารดาที่ได้มอบชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ข้าพเจ้า ท้ายที่สุดข้าพเจ้าขออุทิศรางวัลนี้ให้แก่บิดาผู้ล่วงลับ ผู้ซึ่งชี้นำข้าพเจ้ามาสู่เส้นทางสายนี้... โรงพยาบาลชุมชน...มหาวิทยาลัยที่ไร้ซึ่งปริญญา

คำสำคัญ (Tags): #โรงพยาบาลชุมชน
หมายเลขบันทึก: 300664เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2009 12:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 23:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ...คุณหมอ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

สวัสดีครับเป้นกำลังใจให้คนทำงานในพื้นที่เสียงภัยนะครับ

มูหะหมัด วันสุไลมาน

อ่านเรื่องของหมอแล้วซึ้ง...... และขอเสียใจจากการจากไปของคุณพ่ออันเป็นที่รักยิ่ง

ขอชื่นชมกับการทำงานของคุณหมอ...

ไม่มีใบปริญญาแต่มีความดีมากมาย

ขอแสดงความชื่นชม..และขอให้คุณหมอทำหน้าที่นี้ให้ดีต่อไป

เป็นกำลังใจให้ค่ะ เป็นการทำงานที่เสียสละอย่างยิ่งเลยค่ะ

สวัสดีครับคุณหมอนายแพทย์อนุชิต  วังทอง ขอบพระคุณที่สื่อเรื่องราวดีๆอย่างนี้ออกมาผมเห็นว่าคุณหมอมาช่วยกันเติมสิ่งดีๆเอาในสังคม ในการทำงานของคนสาธารณสุขที่มีพันธะตั้งแต่เราเลือกเรียนมาทางนี้แล้ว คือ "สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับสาธารณชน มวลมนุษย์ ที่ไม่มีกำแพงใดๆมาขวางกั้น"

หากไม่ขัดข้องผมอนุญาตที่จะนำเรื่องราวดีๆนี้ไปแบ่งปันผู้คนทั้งในวงการสาธารณสุขและสังคมให้รับรู้ความในใจของคนทำงานเพื่อขยายผลให้เกิดสาธารณสุขที่แท้จริง

ขอบคุณ และน้อมรับกับกำลังใจ ที่ทุกท่านส่งมาให้

ผมยินดีที่จะแบ่งปันความคิด ความรู้สึกดีๆ เพื่อขยายผลต่อไปครับ

ขอบพระคุณแทนทุกท่านที่รับรู้เรื่องของคุณหมอ แสงสว่างถูกจุดขึ้นที่ละดวงๆและประเทศไทยจะมีแสงแห่งความรัก ความเมตตา ความเข้าใจกันเพิ่มมากขึ้นเราจะเป็นกำลังใจให้แก่กัน

ผมได้นำเรื่องราวที่คุณหมอได้เขียนไปให้นักศึกษาปี 4 สาขาการบริหารโรงพยาบาล ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา จริยธรรมการบริหารโรงพยาบาล แล้วให้นักศึกษาได้สะท้อนความรู้สึกที่ได้รับรู้ ผมรู้สึกว่าในอนาคตน่าจะมีคนไปช่วยกันสร้างสรรเรื่องราวดีๆ ตามความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ อีกแรงหนึ่งนะครับที่จะช่วยคุณหมอ

ขอบพระคุณแทนทุกท่านที่รับรู้เรื่องของคุณหมอ แสงสว่างถูกจุดขึ้นที่ละดวงๆและประเทศไทยจะมีแสงแห่งความรัก ความเมตตา ความเข้าใจกันเพิ่มมากขึ้นเราจะเป็นกำลังใจให้แก่กัน

ผมได้นำเรื่องราวที่คุณหมอได้เขียนไปให้นักศึกษาปี 4 สาขาการบริหารโรงพยาบาล ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา จริยธรรมการบริหารโรงพยาบาล แล้วให้นักศึกษาได้สะท้อนความรู้สึกที่ได้รับรู้ ผมรู้สึกว่าในอนาคตน่าจะมีคนไปช่วยกันสร้างสรรเรื่องราวดีๆ ตามความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ อีกแรงหนึ่งนะครับที่จะช่วยคุณหมอ

ทุกคนเกิดมามีภาระหน้าที่ที่ต้องทำและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งประเสริฐสุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่าท้อแท้ และหมดหวังความสุขจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อเราให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่สังคม ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองหมอและเจ้าหน้าที่รพ.หนองจิกทุกคนตลอดไป จะเป็นกำลังใจให้นะคะ

เดชวิทย์ วรสายัณห์

ขอไหว้พี่ครับ ขอให้กำลังใจ ที่จะได้ทำดีต่อไปครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท