โหราศาสาตร์


โหรฯ

....โหราศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่ว่าด้วยการพยากรณ์โดยใช้หลักการโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้า ทั้ง 10 ดวงเดิมทีสมัยรัชกาลที่ 4 ใช้ดาวเพียงแค่ 7ดวงในสมัยนั้นจะไม่มีในเรื่องของการพยากรณ์ดาว 8,9,0 ซึ่งดาว 8 จะใช้การพยากรณ์ร่วมกับดาว7 ทั้งนี้ดาวแต่ดวงมีภพและเรือนราศีกำหนดอยู่ครบทั้ง 12ราศี ซึ่งบางดวงดาวอาจมีการอยู่หรือสถิตย์เป็นเจ้าเรือนมากกว่า1ภพได้ ทั้งนี้การศึกษาวิชาโหราศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์เก่าแก่ มานานนั้น ผู้ที่เรียนสมัยนั้นเรียกว่าการครอบครูโหรฯ และการเรียนจะเป็นการจดจำและคำนวณเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งผู้ที่ศึกษาในวิชานี้จำเป็นต้องมีสุขภาพแข็งแรงมีสติปัญญาดีและมีความพร้อมในการทุ่มเทเวลาศึกษาอย่างจริงจัง(ในอดีต)  ผู้เขียนมีโอกาศได้ศึกษาวิชานี้จากคุณพ่อของผู้เขียนซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดวิชานี้มาจากโหรประจำพระองค์ ร.6 ท่านพระอาจารย์ของคุณพ่อผู้เขียนมีนามว่า อาจารย์หลวงอนุสิทธินนทิการ ทำไมคุณพ่อของผู้เขียนถึงได้มีโอกาสศึกษาวิชานี้นั้นก็คือว่าเมื่อสมัยท่านยังเด็กๆคุณพ่อของท่าน(คุณปู่ของผู้เขียน)ก็รับราชการเป็นข้าราชบริพารอยู่กับ ร.6 เช่นกันและซ้ำยังเป็นเพื่อนสนิทกับท่านพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่งคุณปู่ของผู้เขียนท่านชื่อ  ขุนจเรจรใจกาจ(บุญช่วย) คุณพ่อของผู้เขียนซึ่งได้คลุกคลีกับท่านพระอสจารย์มาแต่เยาว์วัยจึงมีความสนิทชิดเชื้อกับท่านพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ท่านก็เลยดูดวงให้และเกิดถูกชะตาเป็นอย่างยิ่งมิหนำซ้ำคุณพ่อของผู้เขียนซึ่งเป็นคนเกิด วันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันของผู้คงแก่เรียนหรือเรียกว่าวันของครูบาอาจารย์ที่เราให้ความสำคัญกันมาตลอดท่านจึงได้มีโอกาสครอบครูเรียนอยู่เป็นเวลา 10ปีเต็มจึงเริ่มมาเป็นโหรฯตามแบบท่านพระอาจารย์หลวงอนุสิทธิฯ โดยท่านใช้ชื่อท่านว่า "โหรพรญาณ" เนื่องจากชื่อจริงของท่านชื่อ"อัมพร สินธวาชีวะ" คนในรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยได้ยินหรือรู้จักชื่อท่านแต่ถ้าเป็นรุ่นสัก65ปีขึ้นไปคงเคยได้ยินเพราะนัยหนึ่งท่านเป็นคนเก็บตัวม่ค่อยชอบแสดงออกทางด้านชื่อเสียงยศศักดิ์เหมือนดังเช่นโหรฯในยุคปัจจุบันที่พยายามโฆษณาตัวเองผ่านทางด้านสื่อต่างๆ...พูดถึงความเชื่อในคำทำนายหรือความแม่นยำในวิชาโหราศาสตร์นั้นผู้เขียนเคยได้สัมผัสมาหลายครั้งเมื่อครั้งที่คุณพ่อผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้อาจจะเป็นการซึมซับโดยสายเลือดหรือความชอบความเชื่อถือส่วนตัวในวิชาดังกล่าวฯ ทำให้ผู้เขียนแอบศึกษาวิชาโหาราศาสร์นี้อยู่เองแบบไม่ได้ครอบครูโดยคุณพ่อของผู้เขียนก็ได้ชี้แนะในหลายๆเรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์  ดังนั้นความรู้ทีได้รับโดยการได้รับถ่ายทอดและแบบครูพักลักจำก็พอมีติดตัวอยู่พอสมควร...แต่มูลเหตุหนึ่งที่ผู้เขียนยังไม่ได้ประกอบอาชีพทางด้านนี้อย่างจริงจังก็เพราะในโลกปัจจุบันมีการแข่งขันกันเยอะแยะมากมายจากผู้คนในทุกวงการที่ต่างก็สรรหาและแสดงว่าตัวเองเป็นผู้หยั่งรู้และเชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ดังที่เราๆท่านๆได้เห็นคำทำนายต่างๆนานาทั้งในวงการเมืองการแสดง(ส่วนมาก)หรืออื่นๆ ซึ่งถูกมั่งจริงมั่งผิดเสียส่วนใหญ่หน้าแตกก็เยอะ...และอีกมากมายอีกทั้งการดูดวงแต่ละครั้งหมอดูเหล่านั้น(ขอเรียกว่าหมอดูล่ะกัน)คิดค่าดูดวงแพงมากๆ  หากเป็นโหรผู้ทรงความรู็จริงๆก็คงได้เรียนรู้เรื่องจรรยาบรรณมาก่อนการที่จะเรียกอามิจสินจ้างรางวัลใดๆท่านผู้เป็นโหราจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้ท่านแจ้งว่าจะเรียกร้องมิได้เว้นเสียแต่ผู้นั้นจะให้ด้วยความศรัทธาในวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนกันมาและช่วยเผยแพร่เป็นวิทยาทานรวมถึงการดูดวงให้ผู้ที่ทุกข์ร้อนใจกังวลใจอยู่แล้วไหนเลยท่านจึงเรียกร้องค่าวิชาแสนแพงเป็นการว้ำเติมให้เขาเดือดร้อนมากขึ้น  การใช้วิชาโหาราศาสตร์ก็เพื่อที่จะช่วยให้เขาคลายจากทุกข์ปลอบให้เขาได้คลายความเศร้ารวมถึงชี้แนะแนวทางที่เขาควรจะกระทำหรือหลีกเลี่ยงการกระทำในห้วงเวลาใๆซึ่งการช่วยชี้แนะจากการที่ได้สำรวจตรวจดวงชะตาของผู้นั้นตามหลักวิชาโดยถี่ถ้วนแล้วนั่นเอง  การให้ความรู้หรือการปลอบใจเป็นหลักจิตวิทยาข้อหนึ่งที่พึงควรปฏิบัติ  นี่ก็เหตุผลข้อหนึ่งของผู้เขียนเองที่ไม่อยากไปแก่งแย่งกับใครในวิชาชีพนี้ (ในขณะปัจจุบัน)....แต่ผู็เขียนจะพยายามมาเล่าหรือถ่ายทอดให้ฟังในเรื่องเกี่ยวกับโหราศษสตร์นี้ให้ผู็ที่สนใจฟังในคราวต่อๆไป...ขอขอบคุณ

   
   

                                                   ......หนุ่มราศีตุลย์

คำสำคัญ (Tags): #โหรฯ
หมายเลขบันทึก: 301061เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2009 19:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 09:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท