วิชาภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว เป็นวิชาภูมิศาสตร์ประยุกต์ ด้วยการนำความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์มาใช้ในการจัดการท่องเที่ยว เป็นวิชาที่ผู้เรียนต้องมีความรู้ความเข้าในสาระวิชาทั้งสองร่วมกัน
ผมเปิดวิชาภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว เป็นวิชาเลือกให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ด้วยวิเคราะห์บริบทของสังคมไทยในภาพรวมและจังหวัดเพชรบุรีแล้วว่า การท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย คนทุกคนจึงมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์
แม้ว่าจะมีตำรา เอกสารอ้างอิง เกี่ยวกับภูมิศาสตร์การท่องเที่ยวอยู่จำนวนมากก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะเขียนมาเพื่อการจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีเสียมากกว่า
ปัญหาหนักของผมก็คือ..จะต้องใช้สื่ออย่างไรจึงจะเหมาะสมกับผู้เรียน...
เอกสารประกอบการเรียน เป็นสื่อแรกที่ผมนึกถึงเพราะว่า..เป็นสื่อที่เราสามารถจัดการทำเองได้ โครงสร้างก็ไม่ยุ่งยากอะไรอาจประกอบไปด้วยเนื้อหาสาระของวิชา แบบฝึกหัดและจบลงด้วยแบบประเมิน
แต่ก่อนจะมาเป็นเอกสารประกอบการเรียนที่จัดทำเป็นหน่วยการเรียน เป็นเล่มหรู คงต้องพัฒนาอย่างยาวนานจากใบความรู้กันมาก่อน..
ผมพูดเสียยาว...เรื่องสำคัญมีอยู่ว่า..อยากเล่าให้ฟังถึงใบความรู้เรื่องภูเขาหินปูนประกอบการเรียนวิชาภูมิศาสตร์การท่องเที่ยวของผมครับ....
ผมเริ่มต้นบอกว่า...เรามาเรียนรู้เรื่องภูเขากันดีกว่า...ผมชอบภูเขาในช่วงฤดูฝน เพราะว่า ป่าเขา ลำเนาไพร มีแมกไม้ที่เขียวขจี สดชื่นตาให้ชมกันทั่วไทย
สภาพภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ประกอบไปด้วยเทือกเขาสำคัญ ๆ มากมาย และมีชื่อเรียกกันแตกต่างกันไป
คนไทยภาคเหนือเรียกภูเขาว่า ดอย ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า ภู จะมีอยู่ก็ ภูชี้ฟ้าเท่านั้น ที่ชื่อภู ซึ่งน่าจะอยู่ที่ภาคอีสาน แต่กับมาตั้งเด่นตระหง่านอยู่ชายแดนไทยฝั่งประเทศลาวที่จังหวัดเชียงราย..
ภูเขาน้อยใหญ่ของประเทศไทยมีทั้งภูเขาหินแกรนิต ภูเขาหินปูน และภูเขาหินทราย..เวลาคุยกับนักเรียนก็สื่อสารกันง่าย ๆ ว่า เขาที่คดโค้งเป็นรูปโดมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาหินแกรนิต ส่วนที่เป็นยอดป้าน ยอดตัด นั้นจะเป็นภูเขาหินทรายซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคอีสานของไทย...
ส่วนเขาหลวง เขาวัง ข้างโรงเรียนของเรานั้น เป็นภูเขาหินปูน..
หินปูน (Limestone) เป็นหินตะกอนเคมีที่ประกอบด้วยผนึกแร่คัลไซท์ (Calcite) เป็นส่วนใหญ่ บางครั้งอาจมีซากบรรพชีวินหรือ Fossils ปนอยู่ด้วย ภูเขาหินปูนมักเป็นยอดเขาสูงมีหน้าผาสูงชัน มียอดเขาหลาย ๆ ยอดซ้อนกัน เนื่องจากการกัดเซาะได้ง่ายจากน้ำที่มีกรดคาร์บอนิกละลายอยู่ เมื่อหินปูนทำปฏิกิริยากับน้ำ ทั้งน้ำฝนและน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดเป็นโพรง เป็นถ้ำ มีหินงอกหินย้อยรูปลักษณ์ที่แปลกตา
ประติมากรรมตามธรรมชาติผสมผสานกับจินตนาการของมนุษย์ ก่อให้เกิดเป็นตำนานเรื่องราวอย่างมากมาย เช่น เรื่องของเมืองลับแลที่ถ้ำเขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี หรือเรื่องสังข์ทองที่เขานางพันธุรัต อำเภอชะอำ ของจังหวัดเพชรบุรี
นิทานพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมากทีสุดชายทะเลอ่าวไทยเห็นจะเป็นเรื่อง ตาม่องล่ายกับยายรำพึง ที่มีลูกสาวงามชื่อนางยมโดย..ความงามของลูกสาวตาม่องล่ายและยายรำพึงนั้นมีเลื่องลือไปไกล จนกลายเป็นตำนานชิงรักกันระหว่างหนุ่มไทยกับเจ้ากรุงจีน ซึ่งต่างยกขันหมากมาขอเจ้าสาวในวันเดียวกัน เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่สามารถลงเอยกันได้ จนเกิดเป็นการวิวาท ข้าวของต่าง ๆ ถูกขว้างปา กลายเป็นภูเขาและเกาะน้อยใหญ่ในอ่าวไทย เช่น เขาตะเกียบ เขาสามร้อยยอด เขาช่องกระจก เกาะทะลุ เกาะนมสาว..
ส่วนเกาะเจมส์ บอนด์ ที่อ่าวพังงานั้น ก็เป็นอีกหนึ่งในประติมากรรมของหินปูน แต่ไม่ว่าเกาะนี้เดิมชื่อ เกาะตะปู เผอิญทีมผู้สร้างภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ 007 เดินทางมาเห็นความงามของภูเขาและเกาะหินปูนบริเวณอ่าวพังงา
ความงามและความตื่นตาของหมู่เกาะน้อยใหญ่เหล่านั้น เหมาะสมกับเป็นฉากลี้ลับ ศูนย์บัญชาการของเหล่าร้ายในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไล่ยิงกันตั้งแต่กรุงเทพมหานคร และตามไปจบลงที่อ่าวพังงา เป็นฉากของเกาะตะปูถูกระเบิดทิ้งกลางทะเล..ดูแล้วยังใจหายที่เกาะตะปูถูกระเบิดหายไปจากจอ..
เพราะภาพยนต์เรื่องเจมส์ บอนด์ 007 แท้ ๆ เกาะตะปูจึงกลายเป็นเกาะเจมส์ บอนด์ ในการรับรู้ของชาวตะวันตกไปแล้ว
เสน่ห์ของเขาหินปูนยังมีอีกมากมาย สุนทรภู่เมื่อครั้งเดินทางมายังเมืองเพชร ได้เขียนถึงความงามของถ้ำเขาหลวง ในนิราศเมืองเพชรไว้ว่า..
“ ดูว้างเวิ้งเชิงพนมน่าชมเชย
ต่างแหงนเงยชมชะง่อนก้อนศิลา
เป็นลดหลั่นชั้นช่องเป็นห้องหับ
แลสลับเลื่อมลายคล้ายเลขา
กลางคิรินหินห้อยย้อยระย้า
ดาษดาดูดูดังพู่พวง”
เมื่ออ่านเขียนเรียนจบแล้ว...ก็มอบหมายให้นักเรียนสำรวจชุมชนของตน..เพื่อตามหาภูเขาหินปูน..และตำนานพื้นบ้าน..มาวิเคราะห์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวครับผม
ไม่มีความเห็น