เมื่อวานนี้(6 ต.ค.52)ไปร่วมงานศพเื่พื่อนซึ่งเสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งตับ รู้สึกเหมือนเป็นโรคใกล้ตัวที่น่ากลัวมากๆ แต่ก็ขอให้เพื่อนไปสบายก็แล้วกันนะ เจอเพื่อนที่เป็นครูหลายคน บางคนเออร์ลีตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกคนเออร์ลีได้ในปีนี้ อีก 2 คน กำลังรอผลว่าคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติงบฯเพิ่มเติมให้หรือเปล่า ถ้าอนุมัติก็จะได้เออร์ลีแน่นอน ฟังแล้วใจเหี่ยวๆ ก็เพิ่ง 50 ต้นๆ ทำไมจึงอยากเออร์ลีกันจัง แต่พอย้อนกลับมามองตัวเองแล้ว จริงๆ เราก็อยากออกเหมือนกัน เบื่อหน่ายกับการทำงานที่มีแต่กำหนดเวลา เหนื่อยกับภาระกิจที่เหมือนทำเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ ปั้นคนรุ่นนี้จบไป คนรุ่นใหม่ก็เข้ามาแทนที่ แถมรุ่นใหม่ๆที่เข้ามา คุณภาพก็ย่ำแย่ลงทุกที นักเรียนล้วนแต่อยากได้คะแนนดี แต่ไม่อยากขวนขวาย บางคนก็ทำง่ายๆโดยคอยลอกเพื่อน หรือแอบเอาหนังสือเข้าไปลอก ครูจับได้แทนที่จะโกรธตัวเอง กลับโกรธครู หาว่าเฮี้ยบไม่เข้าเรื่อง น่าเบื่อ การบ้านไม่เคยทำเอง เช้าขึ้นมาก็มานั่งคอยลอกเพื่อน ลอกส่งๆโดยไม่ดู บางทีเพื่อนเขียนอ่านไม่ออกก็ลอกมาผิดๆ แจ้งผู้ปกครองนึกว่าจะช่วยดูให้ ผู้ปกครองบางคนกลับมาขอให้ครูไปช่วยซะอีก มีอย่างที่ไหนลูกมาโรงเรียนสายเข้าเรียนไม่ทัน แม่กลับโทรมาขอความช่วยเหลือครู เพราะปลุกแล้วลูกไม่ยอมตื่น จะทำยังไงดี ถ้ามองขำๆก็พอจะทำใจได้ ถ้าอารมณ์ไม่ดี เรื่องนี้ก็พานให้อยากเออร์ลีได้เหมือนกัน
มองเด็กยุคนี้แล้วคิดว่าที่เด็กเป็นอย่างนี้เพราะค่านิยมสังคม นบนอบคนที่ฐานะ ยกย่องคนที่เงินตรา พ่อแม่ก็พยายามแสวงหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่ลูก ปั้นลูกให้เรียนเก่ง เรียนพิเศษกันเยอะๆจะได้สอบเข้าคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆ งานบ้านลูกไม่ต้องทำ แม่ทำเอง เรื่องกินก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แม่ทำให้ ถุงเท้าที่ลูกใส่บางคนยังถอดกอง แม่บางคนลูกเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ เสาร์-อาทิตย์แม่ยังต้องตามไปซักผ้า รีดผ้าให้ ทำให้ลูกขาดความรับผิดชอบ ทำงานโครงงานกับนักเรียน ดูแลให้เขาพิมพ์รายงาน พอถึงเวลาเรียนพิเศษปุ๊บ เขาลุกปั๊บ รีบไปเรียนพิเศษ คอมฯก็ไม่ปิด เอกสารพิมพ์ค้างก็กางไว้อย่างนั้นเอง ครูต้องมาปิดให้ ย้อนถึงตอนเราเป็นเด็ก แม่จะชี้ทุกอย่างให้ลูกทำ ทุกคนต้องมีงานบ้านให้รับผิดชอบ ทั้งของส่วนตัวและของส่วนรวม แต่แม่ยุคนี้คงมัวแต่จะหาสิ่งดีๆให้แก่ลูก จนลืมนึกถึงสิ่งดีๆที่เขาจะได้รับจากการรับผิดชอบหน้าที่
ใครจะช่วยครูได้บ้าง สร้างสำนึกคงทำแต่ที่โรงเรียนไม่ได้หรอก ถ้าพ่อแม่ไม่ช่วย ครูคงหมดแรง ถ้าโครงการเออร์ลียังมีอยู่ อีก 2 - 3 ปีอาจเออร์ลีกับเขาบ้าง ถึงตอนนั้นคงตอบได้ว่าทำไม ใครๆก็อยากเออร์ลี
สวัสดีค่ะ...ครูต้อย
อ่านบันทึกครูต้อยครั้งแรก ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ
อ่านบันทึกครูต้อยครั้งแรกแล้วดูเหมือนกำลังชั่งใจอยู่เหมือนกันนะคะว่าจะตามเพื่อนดีหรือไม่
ดิฉันเริ่มคิดเช่นเดียวกันค่ะ แต่คงต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะทำอะไรทดแทน...เพื่อ...ไม่เหงา
งานสอนไม่ท้อ แต่งานที่ไม่เกี่ยวกับการสอน สุดเบื่อน่ะค่ะ
ชอบข้อเขียนของครูต้อยค่ะ ขอยืนยันว่าเด็กที่ผู้ปกครองเป็นธุระทำ"ภาระ"ให้เกือบทุกอย่าง(ด้วยความรักและหวังดี)ต่อลูกนั้น เป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อม เป็นกำลังใจให้ครูต้อยนะคะ ครูต้อยเป็นครูที่มีคุณภาพ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของโรงเรียนก.พ. สู้ๆๆ
ยุคนี้วัตถุนิยมมันฝังหัวจนใคร ๆ ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีกว่า แต่จะดีจริงหรือไม่ ไม่ทราบ จึงปั้นลุกให้เป็นอย่างที่ใจหวัง ลดปมด้อยพ่อแม่
ที่ไม่มีโอกาส สุดท้ายมาลงที่ลูก ลูกต้องทำได้ ความเป็นคนลดลง ขอให้ความสำเร็จของลูกเป็นหน้าเป็นตาของพ่อแม่ นี่แหละลูกกลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว มนุษย์ยุคต่อไปจะเป็นเครื่องจักร เห็นแก่ตัว (ตัวแม่เลย) คิดแต่เรื่องตัวเอง น่าสมเพช มุ่งแสวงหาวัตถุ จิตใจต่ำลง ยึดวัตถุเป็นที่ตั้ง มากกว่ายึดธรรม โลกจะกลายเป็นไฟ เผาผลาญใจ
ครูต้อยเป็นครูท่รับผิดชอบสูงมีความตั้งใจอย่าพึงเออร์ลีเลยถ้าครูดี ๆ อย่างนี้ท้อแท้แล้วอนาคตเด็กไทยจะเป็นอย่างไรเพราะทุกวันนี้การศึกษาไทยก็เป็นเชิงพาณิชย์ไปหมดแล้ว แต่ก็เข้าใจครูต้อยเพราะจากการร่วมงานในโครงการครูเป็นคนที่มุ่งมั่นและรับผิดชอบสูงจะช่วยครูต้อยอีกแรงสอนลูกให้มีระเบียบวินัย ยอมรับจริงพ่อแม่สมัยนี้หาให้ลูกทำให้ลูกทุกอย่างเพราะกลัวลูกลำบากจึงทำให้ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ต้องการอะไรพ่อแม่ให้หมดรับอย่างเดียวไม่จักการให้เราต้องช่วยกัน
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะครูต้อย
*** เข้าใจพี่คิมเลย ... ทุกวันนี้อุดมการณ์ที่เคยตั้งใจจะสอนคนให้เป็นคน ไม่ต้องเก่งตามตัวเลขเกรด 4 เกรด 3 ผลการเรียนไม่สำคัญเท่าผลการพัฒนาจิตวิญญาณให้สำนึกต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม
*** แต่หลักฐานทางวิชาการที่จะสร้างให้เขาเก็บไว้ที่สุสานแห่งดวงดาว ดันทำไม่เป็นและไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจ ไม่ถูกหลักวิชาการ
*** รักอาชีพครู ...แต่ไม่ศรัทธากระบวนการอิงระบบการจัดการพัฒนาที่ไม่มีอะไรลงที่เด็กๆได้อย่างแท้จริงในปัจจุบัน
*** พูดไปก็ไม่ได้อะไร คงได้แค่ แอบสะอื้นและไว้อาลัย แทนเด็กๆ
*** ทำงานปกครองนักเรียนใกล้ชิดนักเรียนมา 13 ปี แต่ความก้าวหน้าไม่มีทั้งที่เวลาที่ทุ่มเท อบรม ดูแล ควบคุมความประพฤติ และช่วยแก้ไขปัญหาให้เด็กๆได้มากมาย เหมือนครูฝ่ายปกครองคนอื่นๆ
*** หันมามองตนเองกันอีกที อายุ 50 กว่าปีแล้ว ไม่มีร่องรอยผลงานทางวิชาการ มีแต่ร่องรอยในใจศิษย์บ้าง
*** อย่างนี้เราควรเปิดโอกาส ให้คนคุณภาพเขาได้พิสูจน์ฝีมือ
*** ตอนนี้รู้ตัวแล้วค่ะ ว่าควรเออร์ลี่ รีไทร์ ....ลูกก็เห็นด้วยแล้ว
*** ณ เวลาหนึ่ง เงินมากๆก็ไม่ได้มีความหมายสำหรับการดำรงอยู่อย่างเป็นสุขนักหรอกค่ะ
สวัสดีค่ะ
มีครูที่เป็นรุ่นพี่เพียง 1 ปี เขาขอเออลี่ ผมเองก็งงเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ได้เป็นครูไม่รู้จะไปทำอะไร
อาจจะเป็นเพราะเขาเตรียมปลูกสวนยางไว้แล้ว เริ่มกรีดได้แล้วรายได้จากยางคงรองรับหลังงาน
แต่เราขาดการวางแผน คงก้มหน้าเป็นครูจนเกษียณจะได้พูดว่าชกสมศักดิ์ศรี ไม่ถูกกรรมการยุติการชก
ว่าชกไม่สมศักดิ์ศรี
เสียดายอุดมการณความเป็นครูของท่านครับ อยากให้อาจารย์ภูมิใจกับความสำเร็จของศิษย์ครับ
แล้วจะมีความสุข
อยากเออลี่เหลือเกิน มีความรู้สึกว่าทุกวันนี้ครูขาดอุดมการณ์มากจริงๆ ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ ไม่ได้ตั้งใจสอนเด็กเลย เห็นแล้วท้อแท้ ไม่อยากอยู่ร่วมงานต่อไป ห่วงเด้กเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าเขาจะพัฒนาเด็กแบบก้าวถอยหลังนะ เศร้าจัง!
ถามใจตัวเองทุกวัน เกี่ยวกับการเออรี่ของครู รักอาชีพครูมาก แต่เบื่อระบบเบื้องบน
สวัสดีค่ะ'ครูต้อย'
เคยเป็นครูสอนเด็กกทม.25 ปี เป็นรองผู้อำนวยการ 7 ปี
ตัดสินใจลาออกจากราชการออกเกษียณอายุราชการมาดูแลคุณแม่
เพราะมาคิดดูว่า'เรา'ทำงานมา 32 ปีสอนนักเรียน ดูแลนักเรียน
ทุ่มเทเสียสละ มาโดยตลอด...แล้วทำไมแม่'เรา'ไม่สบาย
'เรา'กลับปล่อยให้คนอื่นดูแล...
เลยตัดสินใจลาออกมาดูแลแม่ดีกว่า...ทำให้คนอื่นมามากแล้ว
เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ๆเขาทำงานกันบ้าง...
สวัสดีค่ะ ได้เข้ามาอ่านบทความของครูต้อยแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งและกำลังรอเรื่องเออร์ลี่รีไทม์ค่ะ ตัดสินใจแล้ว 100% จะใช้เวลาที่เหลือดูแลคนรอบข้าง ดูแลตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ เราทำงานมาทั้งชีวิตแล้ว และเห็นด้วยกับ ดร.พจนา ที่ว่าควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาทำงานบ้าง
ขออนุญาตร่วมแจมด้วยคน ผมเป็นทหารก็อยากเออรี่เหมือนกัน เหตุเพราะผมตั้งใจและทุ่มเทกับการทำงานตั้งแต่วันแรกที่รับราชการ ได้สองขั้นบ่อยจนแซงเพื่อนรุ่นเดียวกันหมด งานด้านเอกสารที่ผมทำมีเพื่อนร่วมงาน 8 คน ซึ่งนั่งทำงานมาด้วยกัน รู้สึกเบื่อหน้าเบื่อนิสัยใจคอเขา จะขอย้ายไปใหนก็ไม่ได้ งานก็เยอะมาก พอเราทำงานดีนายก็ให้งานเรามากเกินกว่าที่จะทำให้เสร็จในเวลาราชการได้ วันหยุดก็ไม่ค่อยได้หยุด เพื่อนร่วมงานที่ไม่ค่อยทำงานก็แสนสบาย งานน้อย แบ่งงานให้เขาก็ปฏิเสธ ทำให้เสียกำลังใจ ไม่ช่วยกันทำงาน หรือแบ่งเบาภาระกันบ้าง เหนื่อยล้าที่สุด เงินเดือนก็เต็มขั้นแล้ว รับ 2-4 % เท่านั้น และก็เบื่อการรับตรวจจากหน่วยเหนือ ซึ่งต้องทำเอกสารหลอกกันมาตลอด เพราะระเบียบที่ทางราชการกำหนดไม่สามารถทำจริงได้ทุกอย่าง โอ้ย..เบื่อ ๆๆๆๆๆ อยากออกทุกวัน แต่ลูกยังเล็ก (ป.4) ยังจะต้องเรียนอีกมาก ทุนการศึกษาหละ ยังมีน้อย รถยนต์ บ้าน ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้อีก ฯลฯ