14.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกในห้องนอนดังขึ้น ดิฉันมีความรู้สึกว่าบ่ายนี้ไม่อยากจะตื่นไปทำงานเลย แต่ก็ต้องจำใจตื่นเพื่อทำตามหน้าที่การงานในวิชาชีพที่เราได้เลือก หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนมาใส่ชุดสีขาว สวมหมวกพยาบาล มันทำให้ดิฉันภูมิใจในวิชาชีพนี้ และทุกครั้งก่อนขึ้นปฏิบัติงาน ดิฉันจะบอกกับตัวเองว่า วันนี้จะตั้งใจทำงานที่รับมอบหมายให้ดีที่สุดเพื่อผู้ป่วย
หลังจากได้ขึ้นมาทำงานรับส่งเวรแล้ว เพียงสักครู่หนึ่งได้มีญาติผู้ป่วยห้อง 225 เดินมาพบดิฉันและได้บอกกับดิฉันว่าจะไปทำธุระข้างนอก ฝากช่วยดูแลผู้ป่วยให้ด้วย และดิฉันก็บอกกับญาติว่าจะเข้าไปดูให้ และดิฉันก็ทำตามที่ได้แจ้งไว้กับญาติ เมื่อดิฉันเดินเข้าไปในห้อง ผู้ป่วยหันมามอง ดิฉันเดินไปชิดเตียงผู้ป่วย และได้จับมือผู้ป่วยและถามว่า “คุณยาย...(ขออนุญาตเรียกผู้ป่วยว่าคุณยาย) เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรให้ช่วยไหมคะ หิวน้ำไหมคะ” คุณยายพยักหน้า ดิฉันได้รินน้ำให้คุณยายดื่ม หลังจากดื่มน้ำแล้ว ดิฉันก็ยังพูดคุยกับคุณยาย แต่เป็นการพูดอยู่ข้างเดียว เพราะคุณยายไม่พูด แต่จะจับมือและมองหน้าดิฉัน แต่การจับมือของคุณยายไม่ได้เป็นการจับมือเขย่า แต่คุณยายได้ดึงมือดิฉันไว้เหมือนไม่อยากให้ดิฉันออกไปจากห้อง ดิฉันรู้สึกแปลกใจ และได้ถามคุณยายว่า “ต้องการอะไรอีกไหมคะ” ดิฉันได้ยินเสียงพูดในลำคอ แต่ฟังไม่ออกว่าคุณยายพูดอะไร ดิฉันคิดว่า คุณยายคงอยากให้ดิฉันอยู่เป็นเพื่อน เพราะวัยผู้สูงอายุอย่างคุณยายคงต้องการการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน หรือคนรอบข้าง และไม่ต้องการที่จะถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว ถึงแม้คุณยายจะไม่พูดออกมา แต่ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันสัมผัสได้
การพูดคุยและอยู่กับคุณยายเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที ดิฉันเชื่อได้เลยว่า มันเป็นยาทิพย์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณยายรู้สึกว่า แค่เสี้ยววินาที คุณยายไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมีดิฉันที่พร้อมจะดูแลคุณยาย และถ้าดิฉันไม่ได้ขึ้นปฏิบัติงานในวันนั้น ดิฉันคงจะไม่ได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้ และก่อนที่ดิฉันจะออกจากห้อง ดิฉันได้บอกคุณยายว่า ดิฉันจะเข้ามาเยี่ยมคุณยายใหม่ แต่ตอนนี้ขอตัวไปทำงานก่อน จากมือที่เคยดึงไว้ค่อยๆ คลายออก ดิฉันเดินออกจากห้องผู้ป่วยด้วยความสุขในใจ
คุณรัศมี ปั้นทอง
พยาบาลวิชาชีพ Ward 2
ไม่มีความเห็น